ถ้าพูดถึงเครื่องดื่มยอดนิยมของคนไทยในทุกวันนี้ อาจเรียกได้ว่า ชานมไข่มุก เป็นหนึ่งในเครื่องดื่มแก้วโปรดของใครหลายคนอย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะหาดื่มง่าย ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็สามารถเจอร้านชาไข่มุกได้ทุก ๆ 100 เมตรแล้ว บรรดาแบรนด์ชานมต่าง ๆ ยังสรรสร้างเมนูใหม่ ๆ ที่มักจะมาพร้อมกับ Presentation สวย ๆ จนหลายคนอดใจไม่ไหว ต้องถ่ายรูปอวดเพื่อน ๆ ในโลกโซเชียลกันเป็นประจำรวมไปถึงเรื่องของวัตถุดิบและรสชาติต่าง ๆ ที่มาเพิ่มเติมความพรีเมียมให้ชาไข่มุกดูน่าดื่มมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
แต่กว่าที่ชาไข่มุกจะโด่งดังเป็นเครื่องดื่มแห่งยุคนี้ได้ เชื่อเหลือเกินว่าหลายคนคงอยากทราบว่ากระแสนิยมของ ชาไข่มุก นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ว่าแล้วก็มารู้จักที่มาที่ไปของ Bubble Tea หรือ ชานมไข่มุก กันดีกว่า เมนูเครื่องดื่มชนิดนี้กลับมาฮอตฮิตในประเทศไทยอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนานกว่า 20 ปี โดยเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1980 ถือกำเนิดขึ้นจากร้านชา Chun Shui Tang Teahouse ในเมือง Taichung ประเทศไต้หวัน เป็นเหตุการณ์บังเอิญที่คุณ Lin Hsiu Hui ได้ลองนำขนม Fen Yuan ผสมลงไปในชาอัสสัมเย็นของเธอด้วยความเบื่อระหว่างการประชุม จึงทำให้ค้นพบรสชาติชาที่แปลกใหม่ ถูกใจใครหลายคน และตลอดหลายปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าในประเทศไทยล้วนเต็มไปด้วยคาเฟ่ชิค ๆ เปิดใหม่ ให้เหล่า Cafe Hopper ได้ตามไปเช็กอินกันอยู่เสมอ แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่าทางร้านมักเสิร์ฟเมนูน่ารัก ๆ ที่มีไข่มุกเป็นส่วนประกอบอีกทั้งยังครีเอทออกมาได้น่าลิ้มลอง ทำให้แต่ละเมนูดูน่าทานดึงดูดใจคนรักชานมไข่มุกตัวจริงให้ตามไปพิสูจน์ความอร่อย
ซึ่งเรียกได้ว่าชานมไข่มุกนั้นเป็นเมนูที่ดีต่อใจกับใครหลายคน แต่ถึงจะอร่อยถูกใจแค่ไหน หลายคนก็ยังคงกังวลเรื่องของสุขภาพอยู่ดีเพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าชานมไข่มุกหนึ่งแก้วนั้นประกอบไปด้วย น้ำตาล แป้งและไขมันในปริมาณที่ค่อนข้างมาก ซึ่งในอดีตชานมไข่มุกนั้นดีต่อใจ เพราะความอร่อยและรสชาติที่หอมหวาน จึงทำให้คนส่วนใหญ่ไม่สามารถตัดใจจากการดื่มชาไข่มุกได้แต่ในปัจจุบันความดีต่อใจที่มีต่อชานมไข่มุกนั้นเพิ่มขึ้นทวีคูณ เนื่องด้วยหลากหลายแบรนด์ดังได้นำสูตรการทำชานมไข่มุกมาพัฒนาจากที่ ‘ดีต่อใจ’ ให้ ‘ดีต่อกาย’ ด้วย! วันนี้เราจึงอยากเปิดมุมมองใหม่ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่จะทำให้ชานมไข่มุกนั้นเป็นเครื่องดื่มที่เพิ่มความสุขและรอยยิ้มให้เราได้มากกว่าทุกครั้ง ด้วยหลากหลายวิธีที่จะช่วยให้คุณดื่มชานมไข่มุกได้แบบหมดกังวล !เริ่มต้นวิธีแรกด้วยการ เลือกวัตถุดิบที่ดี ต่อสุขภาพหลากหลายแบรนด์ได้พัฒนาสูตรขึ้นมาใหม่เพื่อให้ตรงกับความต้องการของคนในปัจจุบันที่เป็น Healthy Trend ด้วยการเปลี่ยนจากไข่มุกแล้วแทนด้วยบุกตามมาด้วยการเลือกใช้ใบชาออร์แกนิก นมไขมันต่ำหรือลองเลือกร้านที่ใช้สารสกัดจากหญ้าหวานแทนการใช้น้ำตาลทรายตามสูตรปกติ
หรือจะเป็น การนับแคลอรีต่อแก้ว เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกดื่มเมนูต่าง ๆ เพราะโดยปกติแล้ว ชานมไข่มุก 1 แก้วจะให้พลังงานประมาณ 400 Kcal ซึ่งการนับแคลอรีนี้เองจะอาจช่วยให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนเมนูโปรดจากแค่ ‘ดีต่อใจ’ ให้ ‘ดีต่อกาย’ มากขึ้น เช่น การเปลี่ยนจากชานมมาเป็นชาผลไม้แบบไม่หวาน หรือจะเป็น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ด้วยการปรับตารางการกินของตัวเอง อาทิ หากดื่มชานมไข่มุกแล้วก็ควรไปลดอาหารอย่างอื่นหรือเลือกที่จะไม่ทานขนมหวาน แต่หากต้องการดื่มชานมไข่มุกจริง ๆ สามารถ เลือกสั่งระดับหวานน้อย ก็จะช่วยลดน้ำตาลได้ดีเช่นเดียวกันเราจะเห็นถึงการพัฒนาของเหล่า Bubble Tea ทั้งหลายที่ทำให้ Bubble Tea Lover สามารถดื่มเครื่องดื่มสุดโปรดได้ด้วยความสบายใจ เพราะการพัฒนาสูตรที่ถูกปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยเพื่อให้สิ่งที่มีอยู่นั้นดีขึ้นไปกว่าที่เคยเป็น รวมถึงการเปลี่ยนวิธีคิดสักนิด และเพิ่มความใส่ในใจนิสัยการกินอีกสักหน่อย ก็สามารถดื่มชานมแก้วโปรดได้อย่างไร้กังวล เรียกได้ว่าคือการเปลี่ยนชานมไข่มุกแก้วโปรดให้นอกจากดีต่อใจแล้ว ยังดีต่อกายอีกด้วย