ต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ วันขึ้นปีใหม่ของไทย อีกหนึ่งช่วงเวลาดี ๆ ที่ใครหลาย ๆ คนจะได้หยุดยาว ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว โดยกิจกรรมส่วนใหญ่ที่นิยมกันมากที่สุดคงหนีไม่พ้นการได้ทานอาหารอร่อย ๆ แบบพร้อมหน้าพร้อมตากัน ด้วยเหตุนี้เอง BKK จึงได้รวบรวมร้านอาหารไทยขึ้นชื่อ ไว้สำหรับเป็นไอเดียให้แต่ละครอบครัวได้แวะไปเติมความอิ่มท้องและอิ่มใจในช่วงนี้กัน ส่วนจะมีร้านไหนบ้างนั้น ตามมาดูพร้อม ๆ กันเลย
ข้าว ร้านอาหารไทยรูปแบบเชฟเทเบิ้ลโดย เชฟวิชิต มุกุระ เชฟอาหารไทยชื่อดังที่มีประสบการณ์ในวงการอาหารไทยมาอย่างยาวนาน บริการทั้งรูปแบบเชฟเทเบิ้ล ห้องไพรเวทไดน์นิ่ง และโซนร้านอาหารที่เปิดกว้างให้ทุกคนได้พาครอบครัวและคนรักมาทานอาหารไทยกันในบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง
ด้านดีไซน์การตกแต่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากการผสมผสานของยุ้งข้าวและฉางเกลือ ทำให้ตัวร้านออกมามีรูปแบบที่แปลกตาไม่เหมือนที่ไหน เลือกใช้ไม้สีอ่อน ผนังสีขาวและเฟอร์นิเจอร์สีครีม-เขียว เพื่อให้ร้านดูโปร่งและสบายตา ส่วนโซนร้านอาหารมีทั้งห้องไพรเวทไดน์นิ่ง โซนเชฟเทเบิ้ล โซนบาร์เครื่องดื่ม และครัวเปิดให้ได้เห็นการทำงานของทีมเชฟอย่างใกล้ชิด
สำหรับเมนูของที่นี่ ทางเชฟได้รวบรวมเมนูอาหารไทยจานโปรดของหลายครอบครัวเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นแกงเผ็ด หรือน้ำพริกต่าง ๆ พร้อมเพิ่มกิมมิกและดัดแปลงเมนูอาหารไทยที่คนคุ้นเคยกันอยู่แล้วให้น่าสนใจยิ่งขึ้น โดยทุกเมนูไม่ใส่ผงชูรสและเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นเป็นหลัก จานที่แนะนำ ได้แก่ ยำขมิ้นขาว (320 บาท) เมนูจานยำที่หาทานไม่ได้ง่ายนักในกรุงเทพฯ ทางเชฟนำขมิ้นขาวสด ๆ มาซอยและนำไปยำกับกุ้งตัวโตจนได้รสแซ่บสไตล์ไทย ๆ
ตามมาด้วย ไก่อบแกง (320 บาท) เนื้อไก่หมักกะทิจนนุ่มแล้วนำไปอบจนสุกระดับนึง ก่อนจะนำไปใส่ในแกงเผ็ดสูตรของทางร้าน เสิร์ฟมาพร้อมข้าวโพดหวาน เหมาะทานคู่กับข้าวหอมมะลิแดงของทางร้าน
หรือจะเป็น ต้มส้มปลากระบอก (460 บาท) เมนูที่ให้สมุนไพรและเนื้อปลามาแบบจัดเต็ม น้ำแกงรสกลมกล่อม ทางร้านยังเพิ่มผักแขยง ผักพื้นบ้านของภาคอีสานลงไปด้วยเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม จานนี้ก็รสเด็ดไม่แพ้กัน
ข้าว
15 ซอยเจริญมิตร (เอกมัย 10) เขตวัฒนา
เปิดทุกวัน เวลา 12.00-14.30 น. และ 18.00-10.30 น.
โทร. 09-8829-8878
www.facebook.com/khaogroup
เขียวไข่กา ร้านอาหารไทยที่เสิร์ฟอาหารท้องถิ่นตามภูมิภาคต่าง ๆ พร้อมกับคาเฟ่ที่สุดเก๋ในถนนนาคนิวาส ที่คิดค้นเมนูโดย เชฟปอย เชฟอาหารไทยที่มีประสบการณ์มานานถึง 6 ปี ร้านนี้โดดเด่นด้วยต้นไม้ปกคลุมกลาสเฮ้าส์ทั้งหลังอย่างร่มรื่น โดยทุกคนสามารถมาอิ่มท้องและใช้เวลาพักผ่อนในวันหยุดได้ตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น
ทางร้านแยกโซนร้านอาหารกับคาเฟ่ออกจากกันอย่างชัดเจน แต่ทั้งสองฝั่งยังคงตกแต่งในธีมเดียวกัน ตกแต่งด้วยต้นไม้นานาชนิด เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์วินเทจ บนผนังนังมีภาพเพ้นท์ลายไก่และต้นไม้สีเขียวที่ให้ความรู้สึกว่าเป็นร้านอาหารไทยจริง ๆ
เมนูแนะนำ เริ่มต้นที่ ปลาแห้งแตงโม (95 บาท) เนื้อแตงโมหั่นเต๋า โรยปลาแห้งเนื้ออ่อนกับหอมเจียวที่โขลกเป็นเนื้อเดียวกัน ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายเล็กน้อย เป็นจานโบราณสำหรับทานเล่นดับร้อน
ส่วนเมนูกับข้าวที่เชฟแนะนำ คือ ต้มยำปลาทู (240 บาท) ที่ทางร้านใช้ปลาทูไทยแม่กลอง ต้มกับข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ใส่ต้นหอมซอย พริกแห้ง เห็ดฟาง รสชาติจัดจ้าน ไม่คาวปลา
หากกำลังมองหาน้ำพริกสักถ้วย ลองสั่งชุด น้ำพริกกะปิปลาทูทอด (200 บาท) กะปิคลองโคนห่อใบตองก่อนจะนำไปย่างให้หอม ตำกับกุ้งสับเพื่อให้หอมและมีเนื้อข้น เสิร์ฟกับปลาทูทอดได้อย่างเข้ากัน พร้อมผักพื้นบ้านตามฤดูกาล
เขียวไข่กา
ซอยนาคนิวาส 3 เขตลาดพร้าว
เปิดทุกวัน เวลา 11.00-00.00 น.
โทร. 09-5949-9299
www.facebook.com/kiewkaika
ต้นเครื่อง ร้านอาหารไทยที่ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยมายาวนาน เพราะได้สูตรอาหารมาจากรุ่นคุณทวดของเจ้าของร้านที่พัฒนาสูตรมาจากการศึกษาตำราต่าง ๆ ในวัง
ทางร้านพร้อมต้อนรับลูกค้าทุกท่านไม่ว่าจะมากันเป็นกลุ่มเล็กหรือกลุ่มใหญ่ ด้วยห้องอาหารที่จัดแบ่งไว้อย่างเป็นสัดเป็นส่วน มีหลายมุมให้เลือกนั่ง บรรยากาศอบอุ่นเสมือนบ้าน
ส่วนเรื่องอาหารนั้น ที่นี่ยังคงให้ความสำคัญกับการปรุงที่ถึงเครื่องครบรส ตามสูตรอาหารไทยแท้ ๆ ที่ส่งผ่านกันมากว่าสามรุ่น โดยปัจจัยหลักที่ทำให้ร้านโดดเด่นไม่เหมือนร้านอาหารไทยหลายร้านคือวัตถุดิบที่มีคุณภาพ และที่เป็นตัวเอกคือ พริกแกงโฮมเมดที่ไม่หวงเครื่อง หลายคนต้องยกนิ้วให้กับจานคลาสสิคที่มีรสชาติกลมกล่อมอย่าง ห่อหมกขนมครก (170 บาท) กับเท็กซ์เจอร์เหนียวนุ่มจากการกวนเนื้อปลากรายล้วนกับพริกแกงให้เข้ากัน
ต่อด้วย กุ้งแม่น้ำ (ขีดละ 230 บาท) ที่ย่างมาแบบดีเยี่ยมพร้อมมันกุ้งเยิ้ม ๆ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัด ทำเอาหลายคนติดใจ ไม่ต้องขับรถไปไกลถึงอยุธยา
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายจานน่าลองที่หาทานได้ไม่ง่ายนักในกรุงเทพฯ อย่าง ขนมจีนซาวน้ำ (95 บาท) ยำทวาย (120 บาท) พระรามลงสรง (120 บาท) ม้าฮ่อ (100 บาท) แสร้งว่าผักชุด (140 บาท) และ ข้าวมันส้มตำ (95 บาท)
ต้นเครื่อง
ซอยสุขุมวิท 49/13 ถนนสุขุมวิท เขตวัฒนา
เปิดทุกวัน เวลา 11.00-22.30 น.
โทร. 0-2185-3072, 08-1449-1926
www.facebook.com/Thonkrueng
ศรีตราด ร้านอาหารไทยภาคตะวันออกรูปบ้านพื้นบ้านตำรับคุณแม่ ห้องทานข้าวของที่นี่มีพื้นที่กว้างขวาง ไม่ว่าจะมากันเป็นกลุ่มใหญ่หรือมาเดี่ยว ก็มีที่นั่งทั้งแบบโต๊ะกลม โต๊ะเล็ก โต๊ะยาว ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน มีรางน้ำฝน โอ่งดิน เครื่องจักสานมาประดับตกแต่ง ส่วนกำแพงมีลายเส้นสีสันสดใสเป็นภาพนางงามซึ่งก็คือคุณแม่ของเจ้าของร้านซึ่งเคยได้รับรางวัลนางงามประจำจังหวัดตราด พร้อมตกแต่งด้วยลายเส้นกุหลาบและใช้สีแดงเป็นหนึ่งในโทนสีหลัก ซึ่งก็คือสีไทยโทน แดงชาดและเมฆคราม
อาหารของทางร้านให้รสชาติพื้นบ้านแบบตราด วัตถุดิบหลักที่นำมาใช้ล้วนเป็นของจังหวัดตราดเพื่อให้อาหารมีรสชาติตราดแท้ ๆ และเพื่อแสดงให้เห็นถึงของดีประจำจังหวัดที่นำมาปรุงเป็นอาหารทุกจาน เริ่มต้นมื้ออร่อยด้วย ปลาเห็ดโคนทอดขมิ้น (250 บาท) ปลาเลาะกระดูก ทอดกับขมิ้นและกระเทียมทั้งเปลือกจนสีเหลืองอร่าม ทานกับข้าวสวยร้อน ๆ หรือจะนำกระเทียมทอดคลุกข้าวสวยทานก็อร่อยไปอีกแบบ
แล้วมาต่อกันที่ แกงหมูชะมวง (220 บาท) หนึ่งในเมนูแกงประจำภาคตะวันออกที่รสชาติจะแตกต่างกันไปในแต่ละจังหวัด สำหรับแกงของที่นี่หอมกลิ่นชะมวง ได้รสเปรี้ยวจากส่วนใบที่เคี่ยวกับหมูเนื้อแดงและหมูสามชั้นเป็นเวลานานจนเนื้อนุ่ม เข้าคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ
และสำหรับใครที่อยากทานเป็นอาหารจานเดียว แนะนำ ข้าวคลุกน้ำพริกเกลือ (220 บาท) ซึ่งน้ำพริกเกลือนั้นมีหน้าตาคล้ายน้ำจิ้มซีฟู้ด แต่จะใช้เกลือให้รสเค็มแทนน้ำปลา เมนูนี้เป็นการนำข้าวสวยผัดน้ำพริกเกลือให้เข้ากัน โรยหน้าด้วยกุ้งแห้ง ทานกับหมูสามชั้น กุ้ง และไข่ต้มยางมะตูม
ศรีตราด
90 ซอยสุขุมวิท 33 เขตวัฒนา
เปิดทุกวัน เวลา 12.00-23.00 น.
โทร. 0-2088-0968
www.facebook.com/sritrat
เฬอรส ร้านอาหารไทยสไตล์ Comfort Food ที่รวบรวมเมนูอาหารไทยดั้งเดิม เมนูอาหารไทยในความทรงจำ ซึ่งล้วนแล้วแต่ได้รับแรงบันดาลใจและสูตรประจำของครอบครัวชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากรุ่นสู่รุ่น นำมาถ่ายทอดออกมาในรูปแบบที่ทันสมัยมากขึ้น
ภายในร้านอาหารได้มีสอดแทรกกิมมิกเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมการกินและความเป็นอยู่ของคนภาคกลางสมัยก่อน ไม่ว่าจะเป็นการดึงเอาจุดเด่นของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอย่างวัดวาอาราม วัสดุต่าง ๆ ที่สื่อถึงความเป็นไทยอย่างเครื่องหวาย กระเบื้องดินเผา เครื่องปั้นดินเผา รวมถึงการนำภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังที่บอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตของคนไทยในสมัยนั้นมาใช้ตกแต่งร้าน
อาหารไทยที่นี่ นอกจากการปรุงรสตามแบบฉบับของชาวอยุธยาแล้ว ทางร้านยังเลือกนำเสนอเมนูอาหารที่อยู่ในความทรงจำ ทั้งอาหารไทยแบบดั้งเดิม และสูตรเฉพาะของครอบครัวมานำเสนอในรูปแบบที่ไม่ต้องมีพิธีรีตอง สำหรับเมนูแนะนำ เริ่มต้นด้วย น้ำพริกกุ้งย่างอยุธยา (215 บาท) เมนูน้ำพริกขึ้นชื่อของอยุธยาที่ทางร้านยกความแซ่บแบบต้นตำรับมาเสิร์ฟคนกรุงเทพฯ ถึงที่ โดยการนำมันกุ้ง เนื้อกุ้งเผาหอม ๆ มาโขลกกับเครื่องแกง ปรุงรสออกมาได้จัดจ้าน เปรี้ยวอมหวานพอดิบพอดี เสิร์ฟมาพร้อมกับไข่ต้มและเครื่องเคียงผักสด
ใครที่ชอบทานเมนูผัด ต้องลอง ดอกโสนผัดไข่หมูกรอบ (165 บาท) ทางร้านนำดอกโสน ดอกไม้บ้าน ๆ ที่คนโบราณนิยมทานมาผัดแบบแห้ง ๆ กับหมูกรอบ ผ่านกรรมวิธีพิเศษ ให้ได้ทั้งความกรอบและรสชาติที่กลมกล่อม
มาถึงเมนูอาหารไทยโบราณที่หาทานยากอย่าง แกงระแวงเนื้อ (255 บาท) โดยเมนูนี้ต้นตำรับเป็นแกงของทางชวา เลือกใช้เนื้อน่องลายที่ให้ความนุ่มเป็นพิเศษกับเครื่องแกงที่มีความคล้ายคลึงกับแกงเขียวหวาน แต่มีความขลุกขลิกมากกว่า เพิ่มความพิเศษด้วยขมิ้น พร้อมใช้น้ำจากตะไคร้หอม เพื่อให้รสชาติของแกงมีความกลมกล่อม และหอมสมุนไพรไทยมากขึ้น
เฬอรส
ชั้น 2 The Crystal Veranda (Crystal Park) ถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา) เขตลาดพร้าว
เปิดทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น.
โทร. 0-2021-3558, 09-2416-2244
www.facebook.com/LeroseTH
อัญชัน คาเฟ่ ร้านอาหารไทยท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนทุกกลุ่มให้ได้มาละเลียดความสุขจากการทานอาหาร และใช้ช่วงเวลาดี ๆ ไปพร้อมกัน
ตัวร้านตกแต่งด้วยโทนสีน้ำเงิน-เขียว บวกกับการนำดอกอัญชันมาใช้เป็นธีมในการตกแต่งร้าน ไม่ว่าจะเลือกนั่งโซนไหนก็สร้างความผ่อนคลาย สบายตาได้ไม่แพ้กัน ภายในร้านจะค่อนข้างกว้างขวาง เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นหลัก มีกระจกใสคล้ายโครงสร้างของกลาสเฮ้าส์ล้อมรอบทุกทิศทาง พร้อมตกแต่งด้วยต้นไม้นานาชนิดที่ช่วยเพิ่มความร่มรื่นให้กับตัวร้านได้เป็นอย่างดี
อาหารส่วนใหญ่ของร้านอัญชันนั้นเป็นอาหารไทยโบราณ หรืออาหารไทยพื้นบ้านที่หาทานได้ยากในปัจจุบัน ครบถ้วนทั้งสี่ภาค โดยแต่ละเมนูล้วนได้รับสูตรมาจากทางครอบครัว และผ่านการคัดสรรวัตถุดิบชั้นดี เริ่มด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยด้วยจานเด็ดอย่าง โตกอีสาน (220 บาท) เซ็ตอาหารอีสานที่ประกอบด้วย ส้มตำ (ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าจะทานส้มตำไทย ส้มตำปู หรือส้มตำปูปลาร้า) ไก่ย่าง ข้าวเหนียวดอกอัญชัน (20 บาท) และต้มแซ่บ เรียกได้ว่าสั่งเซ็ตนี้เซ็ตเดียว อิ่มคุ้มแน่นอน
ตามมาด้วย ออร์เดิร์ฟเมือง (220 บาท) อาหารเหนือแบบเป็นเซ็ตขันโตก ที่ประกอบด้วย ไส้อั่ว แคบหมู ไข่ต้มยางมะตูม น้ำพริกหนุ่ม และผักเคียง ต่าง ๆ ที่ให้รสชาติดั้งเดิมแบบของกิ๋นเมืองเหนือแต้ ๆ
หากใครชอบทานอาหารปักษ์ใต้ต้องห้ามพลาด แกงปูใบชะพลู (320 บาท) แกงใต้ที่ส่งตรงเครื่องแกงมาจากใต้โดยเฉพาะ ใส่เนื้อปูก้อนใหญ่แบบเน้น ๆ ผสมกับน้ำแกงที่ปรุงรสเข้มข้น และใบชะพลูที่ช่วยเพิ่มความหอมมัน จะตักทานกับข้าวสวยร้อน ๆ หรือเส้นหมี่ก็ดีไม่แพ้กัน
อัญชัน คาเฟ่
24 ซอยวิภาวดี 18 ถนนวิภาวดี เขตจตุจักร
เปิดทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น.
โทร. 08-8608-8844
www.facebook.com/anchancafe
Apinara Thai Cuisine and Bar ร้านอาหารไทยระดับพรีเมี่ยมที่หยิบเอาเมนูอาหารไทยขึ้นชื่อส่วนหนึ่งจาก Nara Thai Cuisine นำมาครีเอทใหม่ด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบชั้นเลิศ
บรรยากาศภายในร้านเน้นตกแต่งในสไตล์ไทยโมเดิร์นที่ให้ความสำคัญในทุก ๆ รายละเอียด แฝงกลิ่นอายแบบย้อนยุคที่มาพร้อมกับความหรูหราและมีสไตล์
ที่นี่ได้หยิบเอาเมนูอาหารไทยขึ้นชื่อส่วนหนึ่งจาก Nara Thai Cuisine นำมาครีเอทใหม่ด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบชั้นเลิศอย่างเนื้อเซอร์ลอยด์ เนื้อแกะ และซีฟู้ด ปรุงด้วยความพิถีพิถันและยังคงให้ความสำคัญกับรสชาติตามแบบฉบับของอาหารไทยเช่นเดิม ทางร้านแนะนำให้เริ่มต้นด้วย ออร์เดิร์ฟอภินารา (390 บาท) ที่ประกอบด้วยของทานเล่น 6 อย่าง อาทิ ลาบทอด ปอเปี๊ยะทอด และหมูสะเต๊ะ
ถัดมาที่เมนู แกงเขียวหวานเนื้อเซอร์ลอยด์ (360 บาท) แกงเขียวหวาน ที่นำเนื้อเซอร์ลอยด์คุณภาพดีมาเป็นส่วนประกอบสำคัญในเมนู
อีกเมนูที่เลือกใช้วัตถุดิบพรีเมียมอย่าง มัสมั่นขาแกะ (670 บาท) มัสมั่นรสชาติเข้มข้น ที่มาพร้อมขาแกะเนื้อแน่นชื้นโต ทานคู่กับโรตีที่สามารถเลือกได้ทั้งแบบกรอบและนิ่ม
Apinara Thai Cuisine and Bar
ชั้น 2 โซน Groove ของ CentralWorld เขตปทุมวัน
เปิดทุกวัน เวลา 11.00-02.00 น.
โทร. 0-2252-0063
www.facebook.com/apinarathaicuisineandbar
Bangkok Bold Kitchen ต้นตำรับที่ให้รสชาติแบบถึงเครื่อง ก่อตั้งโดยทีมโรงเรียนสอนทำอาหาร Bangkok Bold Cooking Studio ซึ่งแต่ละคนต่างก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากประสบการณ์การเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ เรียนรู้และค้นพบแหล่งวัตถุดิบพื้นบ้านมากมาย แล้วนำมาสร้างสรรค์เป็นเมนูอาหารไทยในแบบเฉพาะของ Bangkok Bold
ภายในร้าน Bangkok Bold Kitchen ถูกตกแต่งในแบบเรียบง่าย ประดับตกแต่งด้วยเครื่องจักสาน เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ก็อิงคอนเซ็ปต์ความเป็นท้องถิ่น เหมือนยกครัวชนบทมารวมไว้ สร้างบรรยากาศให้สื่อถึงความเป็นไทย นอกจากนี้ยังมีการจำลองบรรยากาศของ Cooking Studio โซนเปิดสอนทำอาหารของทาง Bangkok Bold มีพื้นที่ให้เลือกนั่งหลายโซน ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งทานข้าวอยู่ที่บ้าน ด้วยคอนเซ็ปต์อาหารไทยที่ทานได้ทุกวัน
เมนูอาหารไทยของทางร้านมีการผสมผสานระหว่างสูตรไทยต้นตำรับกับเคล็ดลับเฉพาะของเหล่าบรรดาผู้ก่อตั้งที่ปรุงรส ทำกันสดใหม่วันต่อวัน โดยมีเอกลักษณ์อยู่ที่รสชาติอาหารจัดจ้าน รวมถึงมีการนำเอาวัตถุดิบ สมุนไพรและผักพื้นบ้านที่ทางร้านปลูกเองมาใช้ในการประกอบอาหาร
เมนูแนะนำของที่นี่ เริ่มต้นกันที่เมนูอาหารว่างอย่าง ปอเปี๊ยะญวนน้ำพริกเห็ด (150 บาท) ปอเปี๊ยะที่มีลักษณะคล้ายกับลุยสวน มีรสชาติจัดจ้าน โดยความพิเศษจะอยู่ที่การห่อแป้งปอเปี๊ยะ เครื่องต่าง ๆ และราดน้ำจิ้มไว้เสร็จสรรพในคำเดียว เสิร์ฟมาพร้อมกับเครื่องเคียงผักสด
ก่อนจะเบรคความจัดจ้านของเมนูอาหารด้วยเมนูทานง่าที่ได้รับความนิยมอย่าง หมูกระเทียม (150 บาท) ที่เนื้อหมูนุ่มเป็นพิเศษด้วยส่วนของเนื้อหมูสันคอ หมักปรุงรสจนเข้าเนื้อ นำไปทอดแล้วผัดคลุกเคล้าเข้ากับซอสเหนียว ๆ ผักชี และกระเทียมไทยเจียว
อีกหนึ่งเมนูห้ามพลาดคือ น้ำพริกไตปลากับหมูหวาน (150 บาท) เป็นน้ำพริกแกงไตปลาที่มีส่วนผสมของน้ำบูดูที่ได้จากปลาดุกย่าง แกะเนื้อแล้วนำมาโขลกกับเครื่องสมุนไพรสด เสิร์ฟมาพร้อมกับหมูหวานและผักสดพื้นบ้าน
Bangkok Bold Kitchen
ชั้น 2 Riverside Plaza เขตธนบุรี
เปิดทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น.
โทร. 09-6626-4519
www.facebook.com/bangkokboldkitchen
Bo.Lan หนึ่งใน 50 สุดยอดร้านอาหารที่ดีที่สุดในเอเชียจากการจัดอันดับของ The World’s 50 Best Restaurants Academy ที่นี่เป็นร้านอาหารไทยระดับพรีเมี่ยมที่เปิดมานานกว่า 7 ปีก่อตั้งโดยเชฟโบ ดวงพร ทรงวิศวะ และเชฟดีแลน โจนส์ สองสามีภรรยาที่มีความเชื่อในความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรไทยและเลือกที่จะสนับสนุนการใช้ผลผลิตจากเกษตรกรไทยมาใช้ปรุงอาหารเป็นหลัก
ที่นี่ใส่ใจในความสำคัญของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตั้งแต่การตกแต่งร้านด้วยเฟอร์นิเจอร์รีไซเคิล การปลูกพืชผักสวนครัวตลอดจนสนับสนุนวัตถุดิบจากเกษตรอินทรีย์แบบยั่งยืน สนับสนุนผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นนำมาเป็นวัตถุดิบปรุงแต่งขึ้นใหม่ให้มีคุณค่าจนสามารถพาอาหารไทยโบราณจากวัตถุดิบของชาวบ้านไปไกลได้ถึงเวทีโลก
สำหรับเมนูอาหารของร้านจะถูกครีเอทขึ้นใหม่อยู่เสมอโดยเปลี่ยนไปตามวัตถุดิบที่ได้ในแต่ละฤดูกาล ลองสั่ง ผัดสามฉุน ที่ใครหลายคนอาจเคยได้ยินว่าผัดสามเหม็น หนึ่งในเมนูแนะนำจากคอร์ส Bo.Lan Feast (3,280 บาท/ท่าน) กลิ่นของสะตอ ชะอมและกระเทียมที่ทางร้านดองเองผัดคลุกเคล้ากับกุ้งเนื้อแน่นจากอ่าวพังงาลองทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ จะเข้ากันเป็นอย่างดี
และอีกจานที่แนะนำจากคอร์ส Bo.Lan Feast (3,280 บาท/ท่าน) เช่นกันอย่าง ต้มกะทิหน่อไม้คอหมูย่าง แกงกะทิหน่อไม้เข้มข้นร้อน ๆ ใส่คอหมูย่างเน้น ๆ
หลังจากทานอาหารคาวกันเสร็จแล้วอย่าลืมปิดท้ายด้วยเมนูม็อกเทลเข้ากันอย่าง Watermelon Mojito (240 บาท) เนื้อแตงโมบดหยาบ และน้ำแตงโมผสมมะนาวหอมใบสะหระแหน่
Bo.Lan
24 ซอยสุขุมวิท 53 เขตวัฒนา
เปิดทุกวัน จันทร์-ศุกร์ เวลา 18.00-01.00 น. และ เสาร์-อาทิตย์ เวลา 12.00-14.00, 18.00-01.00 น.
โทร. 0-2260-2962
www.facebook.com/BolanBangkok
Churn Eatery ร้านอาหารไทยที่เลือกนำเสนอรสชาติความเป็นไทยในแบบท้องถิ่น คัดสรรวัตถุดิบจากแหล่งต้นตำรับ ครีเอทเมนูให้ร่วมสมัยและคงรสชาติไทยในแบบท้องถิ่นท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ เหมาะมาทานกันเป็นครอบครัว ด้านในตกแต่งดีไซน์ร้านโดยใช้โทนสีขาวและสีเทาเป็นหลัก พร้อมเพิ่มความสดชื่นสบายตาด้วยแมกไม้ มีบ่อปลาคาร์ฟล้อมรอบให้ได้มองเพลิน ๆ เป็นการมอบช่วงเวลาแห่งความสุขให้กับทุกครอบครัว
เมนูอาหารส่วนใหญ่ได้แรงบันดาลใจมาจากอาหารไทยต้นตำรับภูมิภาคต่าง ๆ แล้วนำมาปรับใช้ครีเอทให้เป็นเมนูประจำที่เข้ากับคอนเซ็ปต์ของทางร้าน คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพพร้อมเสิร์ฟในปริมาณที่พอเหมาะพอดี เริ่มต้นเรียกน้ำย่อยกันที่เมนู เมี่ยงคะน้า (140 บาท) เมี่ยงคำที่ทางร้านเลือกใช้ใบคะน้าอ่อนแทนใบชะพลู ซึ่งทานง่ายกว่าและไม่มีรสขม เสิร์ฟทานคู่กับเครื่องเคียงเมี่ยงที่ประกอบไปด้วย มะนาวฝาน หอมแดง กระทียม พริก ถั่วฝักยาว ถั่วลิสง มะพร้าวคั่ว กุ้งแห้ง และน้ำจิ้มรสหวานที่เคี่ยวด้วยน้ำตาลล้วน ๆ ตัดรสชาติกันอย่างลงตัว
ตามมาด้วย หมี่กรอบทรงเครื่อง (150 บาท) หมี่กรอบปรุงรสสดใหม่ เสิร์ฟร้อนแบบจานต่อจาน คลุกเคล้าเข้ากับกุ้งสด แกล้มด้วยใบกุยช่ายขาวและกระเทียมโทนดองที่ตัดรสเปรี้ยวอมหวานทานไม่เลี่ยน
หากกำลังมองหาเมนูบ้าน ๆ ที่ทานกับข้าวสวยร้อน ๆ ต้องลอง ผัดสามเหม็น (160 บาท) ผัดไข่ใส่วุ้นเส้นถั่วเขียวที่คลุกเคล้าด้วยน้ำกะทิและผักที่มีกลิ่นฉุน 3 อย่าง ได้แก่ ชะอม สะตอ และกระเทียมโทนดอง ให้รสเข้มข้นจัดจ้านถึงใจ
Churn Eatery
Panya Village Community Mall 91 ถนนปัญญาอินทรา เขตคันนายาว
เปิดทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น.
โทร. 06-1959-2244
www.facebook.com/churneat
Marigold ร้านอาหารใต้สไตล์สมุยที่ตั้งอยู่ภายในโรงแรม Josh Hotel หนึ่งในที่พักสุดฮิปของย่านอารีย์ โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากการที่หนึ่งในสมาชิกเจ้าของโรงแรมแห่งนี้นั้นเป็นคนสมุย และชอบทำอาหาร จึงนำเอาเอกลักษณ์ของอาหารใต้สไตล์สมุยมาให้คนกรุงเทพฯ ได้ลองทานกัน ภายใต้บรรยากาศของยุค 80s ซึ่งสอดคล้องกับการดีไซน์และตกแต่งสไตล์วินเทจของทางโรงแรม
แน่นอนว่าอาหารใต้สไตล์สมุยย่อมแตกต่างจากอาหารใต้ของทางจังหวัดอื่น ๆ ด้วยกรรมวิธี วัตถุดิบ หรือรสชาติที่คงเอกลักษณ์ในแบบของชาวสมุยไว้ โดยได้สูตรต้นตำรับมาจากคุณแม่ของผู้เป็นเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ รวมถึงสูตรต้นตำรับเมนูต่าง ๆ จากร้านอาหารใต้สไตล์สมุยหลาย ๆ ที่ที่ทางเจ้าของร้านชอบมาครีเอทเป็นเมนูประจำของที่นี่ สัมผัสได้ถึงรสชาติความเป็นท้องถิ่นของคนสมุยอย่างแท้จริง มาถึงเมนูแนะนำของทางร้านกันบ้าง เริ่มต้นที่ ดอกเห็ดใบเล็บครุฑ (175 บาท) อาหารพื้นเมืองของชาวสมุยที่นำดอกเห็ดเล็ก ๆ และใบเล็บครุฑ สมุนไพรไทยที่ให้รสหวานมันมาชุบแป้งทอด เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสเปรี้ยวหวาน ตัดรสชาติกันได้เป็นอย่างดี
ตามมาด้วย แกงเผ็ดเนื้อหน่อเหลียง (280 บาท) แกงเนื้อในน้ำกะทิและเครื่องแกงรสเข้มข้น พร้อมใส่ลูกเหนียง ผักพื้นบ้านของทางใต้ลงไปด้วย
และสำหรับคออาหารใต้พลาดไม่ได้กับเมนูยอดนิยมอย่าง ปลาทรายทอดขมิ้น (320 บาท) ปลาทรายทอดกรอบที่หมักด้วยขมิ้นและเครื่องสมุนไพรอื่น ๆ จนเข้าเนื้อ โรยด้วยผงขมิ้นและกระเทียมเจียวแบบเน้น ๆ หอมกลิ่นขมิ้นทุกคำที่ทานเข้าไป
Marigold
Josh Hotel
19/2 ถนนพหลโยธิน ซอยอารีย์ 4 (เหนือ) เขตพญาไท
เปิดทุกวัน เวลา 11.00-23.00 น.
โทร. 0-2102-4999
www.joshhotel.com
www.facebook.com/joshhotel2017
Salathip ห้องอาหารไทยที่เปิดให้บริการตั้งแต่เริ่มก่อตั้งโรงแรมเมื่อปี 2529 จนถึงปัจจุบัน ขึ้นชื่อเรื่องเมนูอาหารไทยต้นตำรับหลากหลายเมนู พร้อมบรรยากาศริมแม่น้ำใจกลางกรุงเทพฯ
บริเวณร้านแบ่งออกเป็น 3 โซน โดยมีเอกลักษณ์อยู่ที่เรือนศาลาไม้โบราณสีเข้มจำนวน 3 หลังรายล้อมเข้าหากัน แบ่งออกเป็นโซนทานอาหาร 2 ศาลา และอีกหนึ่งศาลาโถงสำหรับเป็นพื้นที่จัดการแสดงต่าง ๆ ภายในโซนห้องอาหาร มีบรรยากาศเรียบหรูพร้อมชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา คงความเป็นไทยด้วยลวดลายต่าง ๆ ตามผนัง โต๊ะ และเก้าอี้ ประดับด้วยโคมไฟบนเพดานที่สูงโปร่ง นอกจากนี้ด้านนอกยังมีพื้นที่บริเวณระเบียงติดแม่น้ำเจ้าพระยา เหมาะสำหรับนั่งรับลมเย็น ๆ
เมนูอาหารที่นี่ได้เชฟศุทธาพร จุลวัจนะ ที่เชี่ยวชาญด้านอาหารไทยโดยเฉพาะ มีประสบการณ์มากว่า 30 ปี โดยนำเสนอรสชาติอาหารไทยแท้ที่มีให้เลือกมากมายในเมนูอะลาคาร์ท และเซ็ตเมนูอาหารค่ำ สำหรับเซ็ตเมนูอาหารค่ำที่ห้องอาหารศาลาทิพย์ มีให้เลือก 3 เซ็ต และยังมีซุ้มอาหารไทยที่ปรุงกันสด ๆ ให้เลือกทานได้ไม่อั้น พร้อมชมการแสดงรำไทยและทักทายหนุมาน ในราคาท่านละ 1,888++ บาท (ไม่รวมเครื่องดื่ม) อาหารจานหลัก เริ่มจาก เซ็ตชะพลู ประกอบด้วย แกงเขียวหวานสันในหมูใส่ใบชะพลูรสชาติเข้มข้นแบบไทย และ ปลากะพงขาวทอดซอสสามรส มาพร้อมผักลวกรวมมิตร เสิร์ฟพร้อมข้าวผัดตะไคร้ที่ให้กลิ่นหอมและช่วยชูรสชาติอาหาร
เซ็ตพริกไทยดำ เซ็ตนี้ประกอบด้วย มัสมั่นแก้มเนื้อวัววากิวกับมันฝรั่งม่วง และ กุ้งลายเสือผัดพริกไทยดำกับหอมใหญ่ เสิร์ฟพร้อมข้าวกล้องหอมมะลิ และโรตีให้ทานคู่กับมัสมั่น
และเซ็ตที่สาม เซ็ตผงกะหรี่ ประกอบด้วย ไก่กอและ เมนูขึ้นชื่อของภาคใต้ เป็นไก่หมักสมุนไพรย่างร้อน ๆ แนะนำให้ทานคู่กับผักดองที่เสิร์ฟมาพร้อมกัน ใส่น้ำจิ้มไก่เล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ และ กั้งหินผัดผงกะหรี่ โดยนำกั้งหินไปทอดจนกรอบก่อนที่จะผัดผงกะหรี่ แนะนำให้ทานคู่กับข้าวผัดกระเทียมที่เสิร์ฟในเซ็ต
Salathip
Shanghai-La Hotel ซอยเจริญกรุง 42 (วัดสวนพลู) เขตบางรัก
เปิด อังคาร-อาทิตย์ เวลา 18.00-22.30 น.
โทร. 0-2236-7777
www.facebook.com/shangrilabkk