สัมผัสประสบการณ์ดินเนอร์สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ 8 ร้านอาหารไฟน์ไดน์นิ่ง รางวัลมิชลินสตาร์

Published on May 25, 2022

เปิดวาร์ปพิกัดร้านดินเนอร์สุดหรูในกรุงเทพฯ สำหรับเหล่าฟู้ดดี้คนไหนที่ต้องการดื่มด่ำบรรยากาศการรับประทานอาหารมื้อพิเศษ และผ่านการคัดสรรจากหนังสือ KTC Culinary Collective in Bangkok ซึ่งเหมาะแก่การชักชวนคนพิเศษให้แวะมาเอ็นจอยความอร่อยด้วยกันสักครั้ง ในทุก ๆ โอกาสสำคัญ

ยิ่งไปกว่านั้น ทั้ง 8 ร้านอาหารชั้นนำที่ผ่านการคัดสรรนี้ ยังมาพร้อมกับโปรโมชันพิเศษสำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC MASTERCARD ทุกประเภท ให้ได้เลือกไปอิ่มอร่อยอย่างคุ้มค่าอีกด้วย ส่วนจะเป็นที่ไหน และมอบสิทธิประโยชน์ พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10* ตอบโจทย์การรับประทานอาหารมื้อพิเศษยังไงบ้างนั้น ตามไปเช็กลิสต์พร้อม ๆ กันเลย


1. PASTE BANGKOK

ประเดิมกันที่PASTE BANGKOKร้านอาหารรางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาว ถึง 5 ปีซ้อน โดยเป็นหนึ่งในร้านที่มีชื่อเสียงในฐานะร้านอาหารไฟน์ไดน์นิ่งอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย การันตีความยอดเยี่ยมของร้านอาหารสไตล์ Artisanal Thai Cuisine ได้เป็นอย่างดี มาพร้อมบรรยากาศการตกแต่งร้านแบบหรูหราตามสไตล์ตะวันตก แต่ให้ความรู้สึกอบอุ่นเป็นกันเอง โดดเด่นด้วยประติมากรรมรูปเกลียวที่ประกอบด้วยรังไหมขนาดใหญ่ใจกลางโถงร้าน แสดงถึงความเป็นไทยอย่างแท้จริง

 

PASTE BANGKOK (Photo by KTC Culinary Collective)

อาหารของทางร้านแม้จะมีรากฐานมาจากอาหารไทยโบราณ แต่ก็ได้มีการแต่งเติมเสริมรสชาติให้มีความอร่อยและซับซ้อนมากขึ้นด้วยการปรุงอาหารแบบสมัยใหม่ ซึ่งทุกจานยังคงกลิ่นอายแบบดั้งเดิมไว้ พร้อมนำเสนอใหม่ให้ดูน่าทานมากขึ้น สำหรับอาหารจานเด่นที่ทางร้านเลือกเสิร์ฟ ก็มีทั้งจานเรียกน้ำย่อยอย่าง ‘ช่อม่วงไส้ปลาเทราต์และฟักเชื่อม’ ที่จัดจานมาอย่างประณีตสวยงาม มีทั้งไส้หวานและไส้เค็มให้ได้ลิ้มลอง ตามด้วย ‘ยำส้มโอกุ้งแม่น้ำ’ ที่เสิร์ฟมาแบบทั้งตัว ผสานรสชาติกับเนื้อส้มโอหวานฉ่ำ ได้รสเข้มข้นของน้ำยำ หรือจะเป็น ‘ปลาจินดาระนึ่งบ๊วย’ เนื้อปลาจินดาระหรือปลาค็อดญี่ปุ่นที่ผ่านการนึ่งแบบช้า ๆ ด้วยบ๊วยดองผสมใบชา ผสมซอสที่ทำจากน้ำสต๊อกไก่ที่เคี่ยวนานถึง 6 ชั่วโมง ก่อนนำมาปรุงรสแบบเข้มข้นตามแบบของทางร้าน

 

‘ปลาจินดาระนึ่งบ๊วย’ หนึ่งในเมนูไฮไลต์ของทางร้าน (Photo by KTC Culinary Collective)

สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD
รับฟรี Mocktail 1 ที่ มูลค่า 350++ บาท / เซลส์สลิป
พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*

15 ม.ค. 65 - 15 ก.ค. 65


PASTE BANGKOK

เกษรวิลเลจ เพลินจิต กรุงเทพฯ
เปิดทุกวัน เวลา 12.00-14.00 น. และเวลา 18.30-23.00 น.
โทร. 02 656 1003
www.pastebangkok.com
www.facebook.com/Pastebangkok

2. CHIM BY SIAM WISDOM


นี่คือร้านอาหารไทยร่วมสมัยสไตล์ไฟน์ไดน์นิ่งของเชฟหนุ่ม ‘ธนินทร จันทรวรรณ’ อดีตเชฟกระทะเหล็กมากฝีมือ และกรรมการ Kitchen Wars Thailand ภายในร้านบรรยากาศของบ้านเรือนไทยตกแต่งเหมือนโทนป่าสีเขียว-น้ำตาล โดยบรรดาเครื่องเรือนเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารล้วนคัดสรรมาจากวัสดุธรรมชาติ ทั้งโต๊ะ-เก้าอี้ไม้สักทองบุผ้าไหมเนื้อดี มีเครื่องดนตรีไทยวางประดับตามมุมบ้าน เสริมกลิ่นอายของความเป็นไทย

ช่ือร้าน Chim by Siam Wisdom แปลความได้ว่า ‘ภูมิปัญญาของชาวสยาม’ มาจากการที่เชฟหนุ่มได้เล็งเห็นถึงเสน่ห์ของอาหารไทย จึงได้ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม พร้อมหยิบยกเมนูโบร่ำโบราณมาตีความใหม่ เป็นหลากหลายเมนูที่มีความพิเศษเฉพาะตัว หาทานที่ไหนไม่ได้ แม้กระทั่งรางวัลมิชสตาร์ยังต้องมอบ 1 ดาว ให้ติดกันถึง 5 ปีซ้อนเลยทีเดียว

 

CHIM BY SIAM WISDOM (Photo by KTC Culinary Collective)

หนึ่งในอาหารไทยโบราณหาทานยาก แต่มีเสิร์ฟที่นี่ก็คือ ‘กุ้งโสร่ง’ โดยใช้กลเม็ดลดความอมน้ำมันด้วยการนำเส้น Pilo Pastry มาแทนเส้นหมี่เหลือง ซึ่งให้ความกรอบที่มากกว่าด้วย เสิร์ฟคู่กับยำส้มก่อ อาหารของชาวชอง ชาวบ้านพื้นเมืองในจังหวัดจันทบุรี

 

หนึ่งในอาหารไทยโบราณหาทานยากอย่าง ‘กุ้งโสร่ง’ ที่ทางร้านเลือกนำมาเสิร์ฟความอร่อย (Photo by KTC Culinary Collective)

สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD
รับส่วนลด 10% เฉพาะค่าอาหาร
เมื่อรับประทานเมนู A la carte ครบ 1,000 บาทขึ้นไป / เซลส์สลิป
พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*

15 ม.ค. 65 - 15 ก.ค. 65


CHIM BY SIAM WISDOM
ซอยสุขุมวิท 31 (แยก 4) กรุงเทพฯ
เปิดทุกวัน เวลา 11.30-14.30 น. และเวลา 18.30-21.30 น.
โทร. 02 260 7811
www.facebook.com/Chimbysiamwisdom

3. LE DU


ต่อกันที่ LE DU ร้านอาหารที่สามารถอ่านออกเสียงได้ทั้ง ‘เลอดู’ และ ‘ฤดู’ ภายใต้การดูแลของ ‘เชฟต้น-ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร’ ด้วยแนวคิดของการสร้างสรรค์อาหารไทยที่ผ่านการคัดสรรวัตถุดิบ ซึ่งสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามฤดูกาล บวกกับกรรมวิธีการปรุงอาหารแบบฝรั่งเศสที่ใช้ปรับประยุกต์ในเมนูอาหารไทย แล้วถ่ายทอดออกมาในรูปแบบโมเดิร์นร่วมสมัย การันตีความอร่อยด้วยรางวัล อันดับที่ 4 จาก Asia’s 50 Best Restaurants 2022 และสามารถคว้ามิชลินสตาร์ 1 ดาวในปี 2019 มาครอบครอง


 

LE DU (Photo by KTC Culinary Collective)

เสน่ห์ในการมารับประทานอาหารท่ีร้านแห่งนี้ คือ ความตื่นเต้นเหนือความคาดเดาต่อหน้าตาและรสชาติ ของอาหารแต่ละจาน ไม่ว่าจะเป็น ‘พล่าปลาช่อนทะเล’ ซึ่งเป็นปลาท้องถิ่นในทะเลแถบจังหวัดตราดของบ้านเรา นํามาปรุงในรูปแบบกึ่งซาชิมิ ผสมกับน้ําพริกเผาสูตรของทางร้าน เสิร์ฟกับผักและผลไม้ตามฤดูกาลที่มาจากกลุ่มเกษตรอินทรีย์ แกล้มไหลบัวดอง พร้อมโรยด้วยปลาฉิ้งฉ้าง เหมือนเป็นการรวมผืนดินและผืนน้ำเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างมีมิติ

หรือจะเป็นเมนูซิกเนเจอร์อย่าง ‘ข้าวคลุกกะปิกุ้งแม่น้ำตาปี’ ข้าวสีดําที่มีรสชาติคล้ายรีซอตโต จากการนําข้าวหอมปลายที่ให้สัมผัสเหนียวนุ่มแตกต่าง มาหุงแบบรีซอตโต ใส่กะปิจากระยองแทนเนยกับชีส ผสมกับน้ำซุปปลาหมึกแห้งและเครื่องเทศสำหรับข้าวคลุกกะปิ เสิร์ฟพร้อมเครื่องแนมหมูหวานและกุ้งแม่น้ำเผาจากตาปี ราดด้วยซอสมันกุ้งผสมเครื่องต้มยำ ให้ความรู้สึกเหมือนได้ทานรีซอตโตเวอร์ชั่นข้าวคลุกกะปิไทย ราดด้วยล็อบสเตอร์บิสก์

ส่วนขนมหวานต้องยกให้กับ ‘เชียงใหม่ ช็อกโกแลตเบอร์รี’ ที่มาพร้อมความอร่อย 2 เลเยอร์ของช็อกโกแลตมูสกับพุดดิ้ง เคล้ากับความเย็นฉ่ำของไอศกรีมสตรอเบอร์รี และซอสตระกูลเบอร์รีรสเปรี้ยวอมหวาน ทานแล้วสดชื่น

 

หลากหลายเมนูคาว-หวาน จานเด็ดของทางร้าน (Photo by KTC Culinary Collective)

สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD
รับฟรี เวลคัมดริงก์ชาเย็นออร์แกนิกเบลนด์ Monsoon Tea 1 ที่ มูลค่า 300++ บาท / เซลส์สลิป
(กรุณาแจ้งพนักงานเพื่อรับสิทธิ์)
พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*

15 ม.ค. 65 - 15 ก.ค. 65


LE DU

ซอยสีลม 7 กรุงเทพฯ
เปิด วันจันทร์-เสาร์ เวลา 18.00-22.30 น.
โทร. 092 919 9969
www.ledubkk.com
www.facebook.com/LeDuWineBarandrestaurant

4. SANEH JANN


หนึ่งในร้านอาหารไทยไฟน์ไดน์นิ่งที่คว้ารางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาว ติดต่อกันยาวนานถึง 5 ปีซ้อน (2018 - 2022) โดยชื่อร้าน เสน่ห์จันทน์นั้นมาจากชื่อขนมไทยตำรับโบราณที่ใช้ในงานมงคล เสริมความสิริมงคล ภายใต้ปณิธานที่ต้องการถ่ายทอดคุณค่าทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทยที่สืบสานจากรุ่นสู่รุ่นผ่านรสชาติอันเป็นเลิศ ที่มีกรรมวิธีปรุงและรสชาติซับซ้อนแบบครบเครื่อง ซึ่งทางร้านได้มีการรวบรวมตำรับตำราอาหารไทยจากทุกท้องถิ่นมานำเสนอตามแบบดั้งเดิม

 

SANEH JANN

สำหรับเมนูจานเด็ดที่ต้องลอง คือ ‘หมูพะโล้เต้าเจี้ยวสูตรโบราณ’ โดยเป็นสูตรที่ได้มาจากอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ผ่านการนำหมูสามชั้นไปตุ๋นในน้ำเต้าเจี้ยวแบบข้ามวันข้ามคืนอย่างน้อย 3 วัน มาพร้อมเอกลักษณ์ของน้ําเต้าเจี้ยวที่ไม่ใส่เครื่องพะโล้แบบจีน เสริมทัพความอร่อยด้วยเต้าหู้ดําจากอําเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ที่ได้รสเข้มข้นของน้ำเต้าเจี้ยวแบบซึมเข้าเน้ือ

ส่วนเมนูของหวานขึ้นชื่อของที่นี่ ได้แก่ ‘ขนมทองรวม’ สวยงามอร่ามตาด้วยขนมไทยสีทอง ทั้งทองหยอด ฝอยทอง ทองหยิบ ขนมทองเอก และเสน่ห์จันทน์ อันเป็นสัญลักษณ์ของทางร้าน ให้รสหวานละมุนกำลังดี หรือจะส่ังเครื่องดื่มซิกเนเจอร์อย่าง ‘น้ำจันทร์หอม’ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากขนมหวานส้มฉุน มีจุดเด่นอยู่ที่น้ําเชื่อมส้มซ่า ท็อปด้วยขิงกับหอมเจียว และเปลือกส้มซ่า เสิร์ฟมาในหมาตักน้ํา อุปกรณ์ตักน้ำที่ทําด้วยใบจาก พบได้ตามแถบภาคใต้ เป็นเครื่องดื่มแก้วไฮไลต์ที่จิบแล้วชื่นใจแน่นอน

 

สารพัดเมนูอาหารไทยและขนมไทยจากทุกท้องถิ่นที่ทางร้านเลือกนำมาเสิร์ฟความอร่อยแบบจัดเต็ม (Photo by KTC Culinary Collective)

สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD
รับส่วนลด 10% เฉพาะค่าอาหาร
พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*

15 ม.ค. 65 - 15 ก.ค. 65


SANEH JANN

Glasshouse at Sindhorn ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ
เปิดทุกวัน เวลา 11.30-14.00 น. และ 17.00-22.00 น.
โทร. 02 650 9880
www.sanehjaan.com
www.facebook.com/sanehjaan


5. KHAO


ถัดมาที่อีกหนึ่งร้านเจ้าของรางมิชลินสตาร์ 1 ดาว 3 ปีซ้อน (2020-2022) กับร้าน 'KHAO' ที่สร้างความแตกต่างด้วยบรรยากาศของความเรียบง่าย สบาย ๆ แต่เต็มไปด้วยรายละเอียดในสไตล์คอนเทมโพรารีร่วมสมัยที่มาช่วยเสริมเสน่ห์เฉพาะตัว

สร้างความโดดเด่นด้วยการออกแบบตกแต่งร้านซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากการผสมผสานของยุ้งข้าวและฉางเกลือ ทำให้ตัวร้านออกมามีรูปแบบที่แปลกตาไม่เหมือนที่ไหน เพิ่มรายละเอียดตรงช่องหน้าต่างที่คล้ายการขัดของชิ้นไม้ ทางร้านเลือกใช้ไม้สีอ่อน ผนังสีขาวและเฟอร์นิเจอร์สีครีม - เขียว เพื่อให้ร้านดูโปร่งและสบายตา มีห้องไพรเวทไดน์นิ่ง และโซนเชฟเทเบิ้ล เพิ่มโซนบาร์เครื่องดื่มและครัวเปิดเพื่อให้เห็นการทำงานของทีมเชฟอย่างใกล้ชิด

 

KHAO (Photo by KTC Culinary Collective)

แน่นอนว่าเมื่อมาที่ร้านนี้ หลายคนคงอยากลองชิมอาหารไทยที่ครีเอตโดย ‘เชฟวิชิต มุกุระ’ เชฟอาหารไทยที่ขึ้นชื่อในการคัดสรรวัตถุดิบมาครีเอทเป็นเมนูอาหารไทยรูปแบบใหม่ ๆ สำหรับเมนูของที่นี่ ทางเชฟได้รวบรวมเมนูอาหารไทยจานโปรดของหลายครอบครัวเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นแกงเผ็ด หรือน้ำพริกต่าง ๆ พร้อมเพิ่มกิมมิกและดัดแปลงเมนูอาหารไทยที่คนคุ้นเคยกันอยู่แล้วให้น่าสนใจยิ่งขึ้น ทุกเมนูของที่นี่จะไม่ใส่ผงชูรสและเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นเป็นหลัก

สำหรับเมนูแนะนำ ต้องจานเรียกน้ำย่อยด้วยช่ือแปลกแต่เก๋อย่าง ‘ทอดมันหินแกรนิต’ โดดเด่นด้วยส่วนผสมของเน้ือกุ้งที่หลอมรวมเป็นเน้ือเดียวกันกับปลาหมึก คลุกเคล้าเครื่องเทศนานา และลูกเล่นสําคัญคือดีปลาหมึกสีดำ มีสีสันลวดลายด้านในที่คล้ายกับหินแกรนิต ให้เนื้อสัมผัสนุ่มหนึบหนับและความกรึบกรุบจากเนื้อปลาหมึกหั่นลูกเต๋าที่แอบซ่อนอยู่ข้างในอีกที ทานคู่กับน้ำอาจาด หรือจะเพิ่มความแซ่บด้วยการจิ้มซอสมะม่วงก็ดีงามไม่แพ้กัน ส่วนจานหลักน่าลอง ขอยกให้กับ ‘แกงเน้ือพริกขี้หนูสวน’ ที่คัดเฉพาะเนื้อน่องลายกับเนื้อเอ็นแก้ว ให้เนื้อสัมผัสนุ่มหนุบ ๆ กรุบ ๆ เข้ากับรสหวานกลมกล่อมของกะทิ ตัดเลี่ยนด้วยพริกขี้หนูสวนท่ีใช้พริกอ่อนซอยลงไปต้มกับแกงพร้อมโรยหน้ามาตอนเสิร์ฟ


 

‘ทอดมันหินแกรนิต’ จานเรียกน้ำย่อยที่ต้องลอง (Photo by KTC Culinary Collective)

สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD
รับส่วนลด 10% เฉพาะค่าอาหาร และรับฟรีขนมหวานในเมนู 1 ที่ เมื่อรับประทานครบ 2,000 บาท / เซลส์สลิป
พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*

15 ม.ค. 65 - 15 ก.ค. 65


KHAO

ซอยเอกมัย 10
เปิดทุกวัน เวลา 11.30-14.30 น. และ 18.00-22.00 น.
โทร. 02 381 2575
www.khaogroup.com
www.facebook.com/khaogroup

6. R-HAAN


ร้านอาหารไทย Fine Dining ภายใต้แนวคิดที่ว่า ‘ในน้ํามีปลา ในนามีข้าว’ ที่นิยามให้เราได้เห็นความสมบูรณ์ของแผ่นดินไทย ที่เต็มไปด้วยวัตถุไทยแท้ชั้นเลิศ ที่ผ่านการถ่ายทอดกันมารุ่นต่อรุ่น ทำให้แผ่นดินแห่งนี้เต็มไปด้วยรสชาติอันน่าหลงใหล และผู้ที่ได้ชิมจะได้ซึมซับความเป็นไทยอย่างสมบูรณ์แบบ การันตีด้วยรางวัลมิชลินสตาร์ 2 ดาว โดยเชฟชุมพล แจ้งไพร ซึ่งนําสํารับอาหารจาก ภูมิปัญญาอาหารไทยตํารับด้ังเดิม ผสมผสานสมุนไพรไทย และวัตถุดิบชั้นเลิศตามฤดูกาลจากชุมชน ในทุกภูมิภาคของไทย ทุกเมนูเต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ในการนําเสนอ ผ่านฝีมือการปรุงอย่างประณีต พิถีพิถัน และความวิจิตรงดงามของการจัดสํารับอาหาร 

 

R-HAAN

ในปี 2022 น้ี นําเสนออาหารไทยสำรับใหม่ในช่ือ ‘The Sustainable Wisdom of Thai Herb’ ท่ีเชฟชุมพลจะพาทุกคนไปท่องราชอาณาจักรไทย ผ่านอาหารขึ้นชื่อของแต่ละภูมิภาคในเซ็ตเมนู 8 คอร์ส หนึ่งในสำรับไฮไลต์คือ ‘พล่ากุ้งลายเสือจันทบุรี’ ที่ประกอบด้วย หัวปลีกล้วยตานี กุ้งลายเสือจากจังหวัดจันทบุรี เสิร์ฟคู่ซอสสูตรต้นตํารับ ชิมแล้วจะสัมผัสได้ถึงรสทั้ง 8 คือ เปรี้ยว เค็ม เผ็ด หวาน มัน ขม ฝาด และซ่า ครบรสในจานเดียว

นอกจากน้ียังมีสํารับอาหารคาวทยอยเสิร์ฟมาอีก อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ขนมครกแป้งข้าวสดกับคาเวียร์ โครงการหลวงดอยอินทนนท์ ทอดมันปลากรายปากน้ำโพ ขนมเบื้องโบราณกุ้งทะเลไทย ต้มยํากุ้งแม่น้ํา ต้มแซ่บ สมุนไพรโคราชวากิว น้ำพริกมะขามอ่อนทรงเครื่อง แกงคั่วปูยอดมะพร้าวอ่อน และมัสมั่นออร์แกนิก ซึ่งล้วนเป็นอาหารจานสวยและรุ่มรวยรสเลิศทั้งสิ้น

 

เบื้องหลังการรังสรรค์ความอร่อยโดยเชฟชุมพล แจ้งไพร (Photo by KTC Culinary Collective)

สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD
รับส่วนลด 10% เฉพาะค่าอาหาร
พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*

15 ม.ค. 65 - 15 ก.ค. 65


R-HANN
ซอยทองหล่อ 9 (ซอยไปดีมาดี) กรุงเทพฯ
เปิดทุกวัน เวลา 18.00-22.00 น.
โทร. 095 141 5524
www.r-haan.com
www.facebook.com/RHAANThai

7. CADENCE BY DAN BARK


เชฟ Dan Bark และทีมงานจะเดินหน้าเพื่อสร้างสรรค์ผลงาน ที่สร้างความท้าทาย จนเกิดเป็น Cadence ร้านอาหารไฟน์ไดน์นิ่ง ในซอยปรีดีพนมยงค์ ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวาง หรูหรา แน่นอนว่าที่ร้านแห่งนี้ยังได้บอกเล่าเรื่องราวที่แสดงตัวตนของเชฟให้ชัดเจน กระทั่งสามารถคว้ารางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาวมาครองได้ในปี 2019 หลังจากเปิดร้านนี้มาได้ เพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น

สำหรับการตกแต่งของที่นี่ จะเน้นให้มีความประณีตและหรูหรา แต่ยังคงบรรยากาศความอบอุ่นเอาไว้ด้วยจำนวนโต๊ะที่มีไม่มากนัก แต่ละโต๊ะถูกออกแบบและจัดวางให้ห่างออกจากกัน เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้แต่ละที่นั่ง เลือกใช้สีครีม เทา และสีทอง เพิ่มความสว่างและความหรูหรา ตัดด้วยสีน้ำเงินเข้มสร้างความสมดุลให้ดูลงตัวมากขึ้น นอกจากโซนที่นั่งแล้ว บริเวณครัวเปิดของทางร้านก็น่าสนใจเช่นกัน โดยโซนครัวค่อนข้างใหญ่ เผยให้เห็นเหล่าเชฟที่กำลังสร้างสรรค์อาหารแต่ละจานได้อย่างชัดเจน

 

CADENCE BY DAN BARK

อาหารแต่ละจานในสไตล์ Progressive American Cuisine ที่เน้นการสร้างประสบการณ์ร่วมระหว่างการทานอาหาร รวมถึงการเพิ่มลูกเล่นต่าง ๆ ให้คนที่มาทานได้ทั้งอิ่มเอมกับรสชาติ เพลินตากับพรีเซเทชันที่ถูกครีเอตมาอย่างสวยงาม และยังสนุกกับเซอร์ไพรส์ต่าง ๆ ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าใครที่ได้มาทานอาหารที่นี่ก็จะสัมผัสถึงความสนุกสนานได้มากกว่าการทานอาหารแบบไฟน์ไดน์นิ่งทั่วไป

สำหรับคอร์สอาหารของที่นี่จะมีทั้งหมด 15 คอร์ส (4,300++  บาท) และยังสามารถเลือก ไวน์แพริ่ง  (2,600++  บาท) ซึ่งทางร้านได้คัดสรรไวน์จาก Old World อย่างประเทศทางยุโรป และยังเพิ่มไวน์ลิสต์จาก New World อย่างอเมริกาเข้ามาด้วย ส่วนใครที่ไม่ดื่มไวน์ สามารถเลือกทานคู่กับ ค็อกเทล ( 2,000++  บาท) และ ม็อกเทล (1,000 ++  บาท) ได้เช่นกัน เข้ากันได้ดีกับอาหารแต่ละจาน ได้เช่นกัน

หลากหลายเมนูเลิศรสภายในคอร์ส เช่น Truffle จานเรียกน้ำย่อยที่ประกอบไปด้วยแบล็คทรัฟเฟิลจับคู่กับบรรดาพืชหัว แล้วเพิ่มความอโรมาด้วยกลิ่นหอมจากสมุนไพร, เมนูปลา Sea Bass ปลากะพงขาวไทย ที่ผ่านการ Dry Cured แล้วนําไปซูวีจนได้เน้ือปลารสนุ่มเบา ราดซอสครีมส้มยูซุ ท็อปด้วย Lumpfish Caviar จากนอร์เวย์ เสิร์ฟพร้อมผักเคลตุ๋น เบคอนกรอบ และหัวไชเท้าญี่ปุ่นแช่ในซุปดาชิที่เติมความสดชื่นด้วยหญ้าหวานโรยหน้า ให้รสสัมผัสละมุนละไม มีความครีมม่ีแต่สดชื่น แล้วปิดท้ายด้วยเมนูของหวานอย่าง Chocolate ดาร์กช็อกโกแลตมูสสูตรเข้มข้น จับคู่มากับสตรอเบอร์รีสดฉ่ำ เฮเซลนัทกรอบกรุบ และตุอีล (Tuiles) หรือขนมเบื้องฝรั่งเศสแผ่นบางกริบ สลับจิบกับเครื่องดื่มสีชมพูหวานที่ผสานเข้ากับบรั่นดี นมเฮเซลนัทโฮมเมด โคโคนัทครีม และสตรอเบอร์รีช่วยชูรสชาติให้ปิดท้ายมื้อพิเศษได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

เพลินตากับพรีเซเทชันอาหารที่ถูกครีเอตมาอย่างสวยงามในสไตล์ Progressive American Cuisine (Photo by KTC Culinary Collective)

สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD
รับฟรี Mocktail (Bartender’s Selection)  ที่ / ท่าน  มูลค่า 250 บาท
พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*

15 ม.ค. 65 - 15 ก.ค. 65


CADENCE BY DAN BARK
ซอยปรีดีพนมยงค์ 25 กรุงเทพฯ
เปิด วันพุธ-ศุกร์ เวลา 17.00-22.00 น., วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 12.00-23.00 น.
โทร. 091 713 9034
www.cadence-danbark.com
www.facebook.com/CadenceRestaurant


8. SUHRING


ปิดท้ายกันที่ร้านอาหารไฟน์ไดน์นิ่งจากสองเชฟฝาแฝดชาวเยอรมันที่เคยฝากฝีมือไว้กับร้านดังหลายร้าน รวมถึงได้รับรางวัลใหญ่แห่งความภาคภูมิใจในแวดวงอาหารอย่างมิชลินสตาร์ ที่สามารถครอง 1 ดาวเมื่อปี 2018 และตามมาด้วย 2 ดาวติดต่อกันต้ังแต่ปี 2019 - 2022

ตัวร้านได้รับการปรับปรุงและต่อเติมบ้านหลังสวยของครอบครัวในซอยเย็นอากาศที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1970s ให้กลายมาเป็นร้านอาหาร เมื่อเดินเข้าไปจะพบกับสวนร่มรื่นและต้นไม้ใหญ่ ใครที่ชอบบรรยากาศธรรมชาติอาจจะเลือกนั่งโซนหน้าร้านที่มีลักษณะเป็นเรือนกระจกที่ห้อมล้อมด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด ถ้าเดินเข้าไปอีกนิดก็จะพบกับโซนดินเนอร์อีกสองห้องใหญ่ที่ให้บรรยากาศสบาย ๆ เหมือนที่บ้าน ร้านตกแต่งเรียบ ๆ ด้วยโทนสีอบอุ่นและเฟอร์นิเจอร์สไตล์ย้อนยุคนิด ๆ แฝงกลิ่นอายของยุโรปในยุคเก่าด้วยภาพวาดจากบ้านเดิมของเชฟที่เยอรมัน ส่วนถ้าใครอยากดินเนอร์พร้อมดูเชฟเตรียมอาหารไปด้วย ก็สามารถเลือกนั่งที่โซน Kitchen Room ที่เหมือนเปิดห้องครัวให้มานั่งทานอาหารกันเลย หรือจะเลือกนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ก็ได้เช่นกัน


 

SUHRING (Photo by KTC Culinary Collective)

อาหารของท่ีนี่โดดเด่นด้วยเทคนิคการปรุงที่นิยมกัน ในประเทศบ้านเกิดของเชฟนั่นคือการถนอมอาหารด้วย การหมักดองหรือบ่ม ตลอดจนเทคนิครมควันและการตากแห้ง ส่วนเมนูก็จะหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามวัตถุดิบสดใหมที่ดีที่สุดประจําาฤดูกาล โดยจัดมาเป็นคอร์สสามบทตอน (Chapter) เรียงลำดับจากของทานเล่นไปสู่จานหลัก และของหวานปิดท้าย

ตัวอย่างจานหลักสามเมนูท่ีคัดมาแล้วว่าเด็ด ได้แก่ ‘Crayfish & Pumpkin’ กั้งเนื้อนุ่มละมุนเสิร์ฟมากับฟักทอง จานถัดมาเป็น ‘Duck Aged for 7 Days and Smoked in Hay’ เป็ดฮังการี ดรายเอจอบฟางหอมกรุ่นหนังแห้งกรอบแต่เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟพร้อมซอส Lingonberry เนื้อเจลรสเปรี้ยวกับซอสซอสกระดูกเป็ดตุ๋นรสชาติละมุนลิ้น และ ‘Frankfurter GrüneSoße’ (เมนูซอสเขียวสูตรแฟรงเฟิร์ต) เป็นเมนูสีเขียวคําเล็ก ๆ ที่อัดแน่นไปด้วยสมุนไพรถึง 7 ชนิด ซึ่งเชฟนําามาปรุงกับซาวครีมและไข่แดง เป็นซอสสีเขียวสดรสเค็มนิด ๆ หอมกลิ่นอโรมา เสิร์ฟมากับมันฝรั่งบด เบคอน และปลาไหล

 

อาหารของท่ีนี่โดดเด่นด้วยเทคนิคการปรุงอาหารหลากหลายแบบ พร้อมเสิร์ฟด้วยพรีเซนเทชันสวยงาม ชวนทาน (Photo by KTC Culinary Collective)

สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD
รับฟรี เครื่องดื่ม มูลค่า 500++ บาท

(1 แก้ว / ท่าน จํากัดสูงสุด 4 แก้ว / โต๊ะ / เซลส์สลิป)
พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*

15 ม.ค. 65 - 15 ก.ค. 65


SUHRING

ซอยเย็นอากาศ 3 กรุงเทพฯ
เปิด วันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 17.30-21.30 น.
โทร. 02 107 2777
www.restaurantsuhring.com
www.facebook.com/suhringtwins

สำหรับใครที่อยากลองเปิดประสบการณ์ทานอาหารมื้อพิเศษอย่างมีระดับ ดื่มด่ำโมเมนต์ไฟน์ไดน์นิ่งที่ 8 ร้านอาหารรางวัลมิชลินสตาร์ ดูสักครั้งหนึ่งบ้างแล้วละก็ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  https://ktc.promo/culinary-collective-bkk-menu หรือดาวน์โหลดอ่านไกด์บุ๊กเพื่อเลือกลิสต์ร้านอาหารต่าง ๆ ได้ทาง https://ktc.promo/guidebook-culinary-collective-bkk-menu หากยังไม่มีบัตรเครดิต KTC MASTERCARD คลิกสมัครเลย https://ktc.promo/apply-mastercard