เปิดวาร์ปพิกัดร้านดินเนอร์สุดหรูในกรุงเทพฯ สำหรับเหล่าฟู้ดดี้คนไหนที่ต้องการดื่มด่ำบรรยากาศการรับประทานอาหารมื้อพิเศษ และผ่านการคัดสรรจากหนังสือ KTC Culinary Collective in Bangkok ซึ่งเหมาะแก่การชักชวนคนพิเศษให้แวะมาเอ็นจอยความอร่อยด้วยกันสักครั้ง ในทุก ๆ โอกาสสำคัญ
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้ง 8 ร้านอาหารชั้นนำที่ผ่านการคัดสรรนี้ ยังมาพร้อมกับโปรโมชันพิเศษสำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC MASTERCARD ทุกประเภท ให้ได้เลือกไปอิ่มอร่อยอย่างคุ้มค่าอีกด้วย ส่วนจะเป็นที่ไหน และมอบสิทธิประโยชน์ พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10* ตอบโจทย์การรับประทานอาหารมื้อพิเศษยังไงบ้างนั้น ตามไปเช็กลิสต์พร้อม ๆ กันเลย
1. PASTE BANGKOK
ประเดิมกันที่ ‘PASTE BANGKOK’ ร้านอาหารรางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาว ถึง 5 ปีซ้อน โดยเป็นหนึ่งในร้านที่มีชื่อเสียงในฐานะร้านอาหารไฟน์ไดน์นิ่งอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย การันตีความยอดเยี่ยมของร้านอาหารสไตล์ Artisanal Thai Cuisine ได้เป็นอย่างดี มาพร้อมบรรยากาศการตกแต่งร้านแบบหรูหราตามสไตล์ตะวันตก แต่ให้ความรู้สึกอบอุ่นเป็นกันเอง โดดเด่นด้วยประติมากรรมรูปเกลียวที่ประกอบด้วยรังไหมขนาดใหญ่ใจกลางโถงร้าน แสดงถึงความเป็นไทยอย่างแท้จริง
อาหารของทางร้านแม้จะมีรากฐานมาจากอาหารไทยโบราณ แต่ก็ได้มีการแต่งเติมเสริมรสชาติให้มีความอร่อยและซับซ้อนมากขึ้นด้วยการปรุงอาหารแบบสมัยใหม่ ซึ่งทุกจานยังคงกลิ่นอายแบบดั้งเดิมไว้ พร้อมนำเสนอใหม่ให้ดูน่าทานมากขึ้น สำหรับอาหารจานเด่นที่ทางร้านเลือกเสิร์ฟ ก็มีทั้งจานเรียกน้ำย่อยอย่าง ‘ช่อม่วงไส้ปลาเทราต์และฟักเชื่อม’ ที่จัดจานมาอย่างประณีตสวยงาม มีทั้งไส้หวานและไส้เค็มให้ได้ลิ้มลอง ตามด้วย ‘ยำส้มโอกุ้งแม่น้ำ’ ที่เสิร์ฟมาแบบทั้งตัว ผสานรสชาติกับเนื้อส้มโอหวานฉ่ำ ได้รสเข้มข้นของน้ำยำ หรือจะเป็น ‘ปลาจินดาระนึ่งบ๊วย’ เนื้อปลาจินดาระหรือปลาค็อดญี่ปุ่นที่ผ่านการนึ่งแบบช้า ๆ ด้วยบ๊วยดองผสมใบชา ผสมซอสที่ทำจากน้ำสต๊อกไก่ที่เคี่ยวนานถึง 6 ชั่วโมง ก่อนนำมาปรุงรสแบบเข้มข้นตามแบบของทางร้าน
สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD
รับฟรี Mocktail 1 ที่ มูลค่า 350++ บาท / เซลส์สลิป
พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*
15 ม.ค. 65 - 15 ก.ค. 65
PASTE BANGKOK
เกษรวิลเลจ เพลินจิต กรุงเทพฯ
เปิดทุกวัน เวลา 12.00-14.00 น. และเวลา 18.30-23.00 น.
โทร. 02 656 1003
www.pastebangkok.com
www.facebook.com/Pastebangkok
2. CHIM BY SIAM WISDOM
นี่คือร้านอาหารไทยร่วมสมัยสไตล์ไฟน์ไดน์นิ่งของเชฟหนุ่ม ‘ธนินทร จันทรวรรณ’ อดีตเชฟกระทะเหล็กมากฝีมือ และกรรมการ Kitchen Wars Thailand ภายในร้านบรรยากาศของบ้านเรือนไทยตกแต่งเหมือนโทนป่าสีเขียว-น้ำตาล โดยบรรดาเครื่องเรือนเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารล้วนคัดสรรมาจากวัสดุธรรมชาติ ทั้งโต๊ะ-เก้าอี้ไม้สักทองบุผ้าไหมเนื้อดี มีเครื่องดนตรีไทยวางประดับตามมุมบ้าน เสริมกลิ่นอายของความเป็นไทย
ช่ือร้าน Chim by Siam Wisdom แปลความได้ว่า ‘ภูมิปัญญาของชาวสยาม’ มาจากการที่เชฟหนุ่มได้เล็งเห็นถึงเสน่ห์ของอาหารไทย จึงได้ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม พร้อมหยิบยกเมนูโบร่ำโบราณมาตีความใหม่ เป็นหลากหลายเมนูที่มีความพิเศษเฉพาะตัว หาทานที่ไหนไม่ได้ แม้กระทั่งรางวัลมิชสตาร์ยังต้องมอบ 1 ดาว ให้ติดกันถึง 5 ปีซ้อนเลยทีเดียว
หนึ่งในอาหารไทยโบราณหาทานยาก แต่มีเสิร์ฟที่นี่ก็คือ ‘กุ้งโสร่ง’ โดยใช้กลเม็ดลดความอมน้ำมันด้วยการนำเส้น Pilo Pastry มาแทนเส้นหมี่เหลือง ซึ่งให้ความกรอบที่มากกว่าด้วย เสิร์ฟคู่กับยำส้มก่อ อาหารของชาวชอง ชาวบ้านพื้นเมืองในจังหวัดจันทบุรี
สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD
รับส่วนลด 10% เฉพาะค่าอาหาร
เมื่อรับประทานเมนู A la carte ครบ 1,000 บาทขึ้นไป / เซลส์สลิป
พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*
15 ม.ค. 65 - 15 ก.ค. 65
CHIM BY SIAM WISDOM
ซอยสุขุมวิท 31 (แยก 4) กรุงเทพฯ
เปิดทุกวัน เวลา 11.30-14.30 น. และเวลา 18.30-21.30 น.
โทร. 02 260 7811
www.facebook.com/Chimbysiamwisdom
3. LE DU
ต่อกันที่ ‘LE DU’ ร้านอาหารที่สามารถอ่านออกเสียงได้ทั้ง ‘เลอดู’ และ ‘ฤดู’ ภายใต้การดูแลของ ‘เชฟต้น-ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร’ ด้วยแนวคิดของการสร้างสรรค์อาหารไทยที่ผ่านการคัดสรรวัตถุดิบ ซึ่งสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามฤดูกาล บวกกับกรรมวิธีการปรุงอาหารแบบฝรั่งเศสที่ใช้ปรับประยุกต์ในเมนูอาหารไทย แล้วถ่ายทอดออกมาในรูปแบบโมเดิร์นร่วมสมัย การันตีความอร่อยด้วยรางวัล อันดับที่ 4 จาก Asia’s 50 Best Restaurants 2022 และสามารถคว้ามิชลินสตาร์ 1 ดาวในปี 2019 มาครอบครอง
เสน่ห์ในการมารับประทานอาหารท่ีร้านแห่งนี้ คือ ความตื่นเต้นเหนือความคาดเดาต่อหน้าตาและรสชาติ ของอาหารแต่ละจาน ไม่ว่าจะเป็น ‘พล่าปลาช่อนทะเล’ ซึ่งเป็นปลาท้องถิ่นในทะเลแถบจังหวัดตราดของบ้านเรา นํามาปรุงในรูปแบบกึ่งซาชิมิ ผสมกับน้ําพริกเผาสูตรของทางร้าน เสิร์ฟกับผักและผลไม้ตามฤดูกาลที่มาจากกลุ่มเกษตรอินทรีย์ แกล้มไหลบัวดอง พร้อมโรยด้วยปลาฉิ้งฉ้าง เหมือนเป็นการรวมผืนดินและผืนน้ำเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างมีมิติ
หรือจะเป็นเมนูซิกเนเจอร์อย่าง ‘ข้าวคลุกกะปิกุ้งแม่น้ำตาปี’ ข้าวสีดําที่มีรสชาติคล้ายรีซอตโต จากการนําข้าวหอมปลายที่ให้สัมผัสเหนียวนุ่มแตกต่าง มาหุงแบบรีซอตโต ใส่กะปิจากระยองแทนเนยกับชีส ผสมกับน้ำซุปปลาหมึกแห้งและเครื่องเทศสำหรับข้าวคลุกกะปิ เสิร์ฟพร้อมเครื่องแนมหมูหวานและกุ้งแม่น้ำเผาจากตาปี ราดด้วยซอสมันกุ้งผสมเครื่องต้มยำ ให้ความรู้สึกเหมือนได้ทานรีซอตโตเวอร์ชั่นข้าวคลุกกะปิไทย ราดด้วยล็อบสเตอร์บิสก์
ส่วนขนมหวานต้องยกให้กับ ‘เชียงใหม่ ช็อกโกแลตเบอร์รี’ ที่มาพร้อมความอร่อย 2 เลเยอร์ของช็อกโกแลตมูสกับพุดดิ้ง เคล้ากับความเย็นฉ่ำของไอศกรีมสตรอเบอร์รี และซอสตระกูลเบอร์รีรสเปรี้ยวอมหวาน ทานแล้วสดชื่น
สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD
รับฟรี เวลคัมดริงก์ชาเย็นออร์แกนิกเบลนด์ Monsoon Tea 1 ที่ มูลค่า 300++ บาท / เซลส์สลิป
(กรุณาแจ้งพนักงานเพื่อรับสิทธิ์)
พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*
15 ม.ค. 65 - 15 ก.ค. 65
LE DU
ซอยสีลม 7 กรุงเทพฯ
เปิด วันจันทร์-เสาร์ เวลา 18.00-22.30 น.
โทร. 092 919 9969
www.ledubkk.com
www.facebook.com/LeDuWineBarandrestaurant
4. SANEH JANN
หนึ่งในร้านอาหารไทยไฟน์ไดน์นิ่งที่คว้ารางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาว ติดต่อกันยาวนานถึง 5 ปีซ้อน (2018 - 2022) โดยชื่อร้าน ‘เสน่ห์จันทน์’ นั้นมาจากชื่อขนมไทยตำรับโบราณที่ใช้ในงานมงคล เสริมความสิริมงคล ภายใต้ปณิธานที่ต้องการถ่ายทอดคุณค่าทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทยที่สืบสานจากรุ่นสู่รุ่นผ่านรสชาติอันเป็นเลิศ ที่มีกรรมวิธีปรุงและรสชาติซับซ้อนแบบครบเครื่อง ซึ่งทางร้านได้มีการรวบรวมตำรับตำราอาหารไทยจากทุกท้องถิ่นมานำเสนอตามแบบดั้งเดิม
สำหรับเมนูจานเด็ดที่ต้องลอง คือ ‘หมูพะโล้เต้าเจี้ยวสูตรโบราณ’ โดยเป็นสูตรที่ได้มาจากอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ผ่านการนำหมูสามชั้นไปตุ๋นในน้ำเต้าเจี้ยวแบบข้ามวันข้ามคืนอย่างน้อย 3 วัน มาพร้อมเอกลักษณ์ของน้ําเต้าเจี้ยวที่ไม่ใส่เครื่องพะโล้แบบจีน เสริมทัพความอร่อยด้วยเต้าหู้ดําจากอําเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ที่ได้รสเข้มข้นของน้ำเต้าเจี้ยวแบบซึมเข้าเน้ือ
ส่วนเมนูของหวานขึ้นชื่อของที่นี่ ได้แก่ ‘ขนมทองรวม’ สวยงามอร่ามตาด้วยขนมไทยสีทอง ทั้งทองหยอด ฝอยทอง ทองหยิบ ขนมทองเอก และเสน่ห์จันทน์ อันเป็นสัญลักษณ์ของทางร้าน ให้รสหวานละมุนกำลังดี หรือจะส่ังเครื่องดื่มซิกเนเจอร์อย่าง ‘น้ำจันทร์หอม’ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากขนมหวานส้มฉุน มีจุดเด่นอยู่ที่น้ําเชื่อมส้มซ่า ท็อปด้วยขิงกับหอมเจียว และเปลือกส้มซ่า เสิร์ฟมาในหมาตักน้ํา อุปกรณ์ตักน้ำที่ทําด้วยใบจาก พบได้ตามแถบภาคใต้ เป็นเครื่องดื่มแก้วไฮไลต์ที่จิบแล้วชื่นใจแน่นอน
สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD
รับส่วนลด 10% เฉพาะค่าอาหาร
พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*
15 ม.ค. 65 - 15 ก.ค. 65
SANEH JANN
Glasshouse at Sindhorn ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ
เปิดทุกวัน เวลา 11.30-14.00 น. และ 17.00-22.00 น.
โทร. 02 650 9880
www.sanehjaan.com
www.facebook.com/sanehjaan
5. KHAO
ถัดมาที่อีกหนึ่งร้านเจ้าของรางมิชลินสตาร์ 1 ดาว 3 ปีซ้อน (2020-2022) กับร้าน 'KHAO' ที่สร้างความแตกต่างด้วยบรรยากาศของความเรียบง่าย สบาย ๆ แต่เต็มไปด้วยรายละเอียดในสไตล์คอนเทมโพรารีร่วมสมัยที่มาช่วยเสริมเสน่ห์เฉพาะตัว
สร้างความโดดเด่นด้วยการออกแบบตกแต่งร้านซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากการผสมผสานของยุ้งข้าวและฉางเกลือ ทำให้ตัวร้านออกมามีรูปแบบที่แปลกตาไม่เหมือนที่ไหน เพิ่มรายละเอียดตรงช่องหน้าต่างที่คล้ายการขัดของชิ้นไม้ ทางร้านเลือกใช้ไม้สีอ่อน ผนังสีขาวและเฟอร์นิเจอร์สีครีม - เขียว เพื่อให้ร้านดูโปร่งและสบายตา มีห้องไพรเวทไดน์นิ่ง และโซนเชฟเทเบิ้ล เพิ่มโซนบาร์เครื่องดื่มและครัวเปิดเพื่อให้เห็นการทำงานของทีมเชฟอย่างใกล้ชิด
แน่นอนว่าเมื่อมาที่ร้านนี้ หลายคนคงอยากลองชิมอาหารไทยที่ครีเอตโดย ‘เชฟวิชิต มุกุระ’ เชฟอาหารไทยที่ขึ้นชื่อในการคัดสรรวัตถุดิบมาครีเอทเป็นเมนูอาหารไทยรูปแบบใหม่ ๆ สำหรับเมนูของที่นี่ ทางเชฟได้รวบรวมเมนูอาหารไทยจานโปรดของหลายครอบครัวเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นแกงเผ็ด หรือน้ำพริกต่าง ๆ พร้อมเพิ่มกิมมิกและดัดแปลงเมนูอาหารไทยที่คนคุ้นเคยกันอยู่แล้วให้น่าสนใจยิ่งขึ้น ทุกเมนูของที่นี่จะไม่ใส่ผงชูรสและเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นเป็นหลัก
สำหรับเมนูแนะนำ ต้องจานเรียกน้ำย่อยด้วยช่ือแปลกแต่เก๋อย่าง ‘ทอดมันหินแกรนิต’ โดดเด่นด้วยส่วนผสมของเน้ือกุ้งที่หลอมรวมเป็นเน้ือเดียวกันกับปลาหมึก คลุกเคล้าเครื่องเทศนานา และลูกเล่นสําคัญคือดีปลาหมึกสีดำ มีสีสันลวดลายด้านในที่คล้ายกับหินแกรนิต ให้เนื้อสัมผัสนุ่มหนึบหนับและความกรึบกรุบจากเนื้อปลาหมึกหั่นลูกเต๋าที่แอบซ่อนอยู่ข้างในอีกที ทานคู่กับน้ำอาจาด หรือจะเพิ่มความแซ่บด้วยการจิ้มซอสมะม่วงก็ดีงามไม่แพ้กัน ส่วนจานหลักน่าลอง ขอยกให้กับ ‘แกงเน้ือพริกขี้หนูสวน’ ที่คัดเฉพาะเนื้อน่องลายกับเนื้อเอ็นแก้ว ให้เนื้อสัมผัสนุ่มหนุบ ๆ กรุบ ๆ เข้ากับรสหวานกลมกล่อมของกะทิ ตัดเลี่ยนด้วยพริกขี้หนูสวนท่ีใช้พริกอ่อนซอยลงไปต้มกับแกงพร้อมโรยหน้ามาตอนเสิร์ฟ
สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD
รับส่วนลด 10% เฉพาะค่าอาหาร และรับฟรีขนมหวานในเมนู 1 ที่ เมื่อรับประทานครบ 2,000 บาท / เซลส์สลิป
พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*
15 ม.ค. 65 - 15 ก.ค. 65
KHAO
ซอยเอกมัย 10
เปิดทุกวัน เวลา 11.30-14.30 น. และ 18.00-22.00 น.
โทร. 02 381 2575
www.khaogroup.com
www.facebook.com/khaogroup
6. R-HAAN
ร้านอาหารไทย Fine Dining ภายใต้แนวคิดที่ว่า ‘ในน้ํามีปลา ในนามีข้าว’ ที่นิยามให้เราได้เห็นความสมบูรณ์ของแผ่นดินไทย ที่เต็มไปด้วยวัตถุไทยแท้ชั้นเลิศ ที่ผ่านการถ่ายทอดกันมารุ่นต่อรุ่น ทำให้แผ่นดินแห่งนี้เต็มไปด้วยรสชาติอันน่าหลงใหล และผู้ที่ได้ชิมจะได้ซึมซับความเป็นไทยอย่างสมบูรณ์แบบ การันตีด้วยรางวัลมิชลินสตาร์ 2 ดาว โดยเชฟชุมพล แจ้งไพร ซึ่งนําสํารับอาหารจาก ภูมิปัญญาอาหารไทยตํารับด้ังเดิม ผสมผสานสมุนไพรไทย และวัตถุดิบชั้นเลิศตามฤดูกาลจากชุมชน ในทุกภูมิภาคของไทย ทุกเมนูเต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ในการนําเสนอ ผ่านฝีมือการปรุงอย่างประณีต พิถีพิถัน และความวิจิตรงดงามของการจัดสํารับอาหาร
ในปี 2022 น้ี นําเสนออาหารไทยสำรับใหม่ในช่ือ ‘The Sustainable Wisdom of Thai Herb’ ท่ีเชฟชุมพลจะพาทุกคนไปท่องราชอาณาจักรไทย ผ่านอาหารขึ้นชื่อของแต่ละภูมิภาคในเซ็ตเมนู 8 คอร์ส หนึ่งในสำรับไฮไลต์คือ ‘พล่ากุ้งลายเสือจันทบุรี’ ที่ประกอบด้วย หัวปลีกล้วยตานี กุ้งลายเสือจากจังหวัดจันทบุรี เสิร์ฟคู่ซอสสูตรต้นตํารับ ชิมแล้วจะสัมผัสได้ถึงรสทั้ง 8 คือ เปรี้ยว เค็ม เผ็ด หวาน มัน ขม ฝาด และซ่า ครบรสในจานเดียว
นอกจากน้ียังมีสํารับอาหารคาวทยอยเสิร์ฟมาอีก อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ขนมครกแป้งข้าวสดกับคาเวียร์ โครงการหลวงดอยอินทนนท์ ทอดมันปลากรายปากน้ำโพ ขนมเบื้องโบราณกุ้งทะเลไทย ต้มยํากุ้งแม่น้ํา ต้มแซ่บ สมุนไพรโคราชวากิว น้ำพริกมะขามอ่อนทรงเครื่อง แกงคั่วปูยอดมะพร้าวอ่อน และมัสมั่นออร์แกนิก ซึ่งล้วนเป็นอาหารจานสวยและรุ่มรวยรสเลิศทั้งสิ้น
สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD
รับส่วนลด 10% เฉพาะค่าอาหาร
พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*
15 ม.ค. 65 - 15 ก.ค. 65
R-HANN
ซอยทองหล่อ 9 (ซอยไปดีมาดี) กรุงเทพฯ
เปิดทุกวัน เวลา 18.00-22.00 น.
โทร. 095 141 5524
www.r-haan.com
www.facebook.com/RHAANThai
7. CADENCE BY DAN BARK
เชฟ Dan Bark และทีมงานจะเดินหน้าเพื่อสร้างสรรค์ผลงาน ที่สร้างความท้าทาย จนเกิดเป็น Cadence ร้านอาหารไฟน์ไดน์นิ่ง ในซอยปรีดีพนมยงค์ ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวาง หรูหรา แน่นอนว่าที่ร้านแห่งนี้ยังได้บอกเล่าเรื่องราวที่แสดงตัวตนของเชฟให้ชัดเจน กระทั่งสามารถคว้ารางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาวมาครองได้ในปี 2019 หลังจากเปิดร้านนี้มาได้ เพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น
สำหรับการตกแต่งของที่นี่ จะเน้นให้มีความประณีตและหรูหรา แต่ยังคงบรรยากาศความอบอุ่นเอาไว้ด้วยจำนวนโต๊ะที่มีไม่มากนัก แต่ละโต๊ะถูกออกแบบและจัดวางให้ห่างออกจากกัน เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้แต่ละที่นั่ง เลือกใช้สีครีม เทา และสีทอง เพิ่มความสว่างและความหรูหรา ตัดด้วยสีน้ำเงินเข้มสร้างความสมดุลให้ดูลงตัวมากขึ้น นอกจากโซนที่นั่งแล้ว บริเวณครัวเปิดของทางร้านก็น่าสนใจเช่นกัน โดยโซนครัวค่อนข้างใหญ่ เผยให้เห็นเหล่าเชฟที่กำลังสร้างสรรค์อาหารแต่ละจานได้อย่างชัดเจน
อาหารแต่ละจานในสไตล์ Progressive American Cuisine ที่เน้นการสร้างประสบการณ์ร่วมระหว่างการทานอาหาร รวมถึงการเพิ่มลูกเล่นต่าง ๆ ให้คนที่มาทานได้ทั้งอิ่มเอมกับรสชาติ เพลินตากับพรีเซเทชันที่ถูกครีเอตมาอย่างสวยงาม และยังสนุกกับเซอร์ไพรส์ต่าง ๆ ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าใครที่ได้มาทานอาหารที่นี่ก็จะสัมผัสถึงความสนุกสนานได้มากกว่าการทานอาหารแบบไฟน์ไดน์นิ่งทั่วไป
สำหรับคอร์สอาหารของที่นี่จะมีทั้งหมด 15 คอร์ส (4,300++ บาท) และยังสามารถเลือก ไวน์แพริ่ง (2,600++ บาท) ซึ่งทางร้านได้คัดสรรไวน์จาก Old World อย่างประเทศทางยุโรป และยังเพิ่มไวน์ลิสต์จาก New World อย่างอเมริกาเข้ามาด้วย ส่วนใครที่ไม่ดื่มไวน์ สามารถเลือกทานคู่กับ ค็อกเทล ( 2,000++ บาท) และ ม็อกเทล (1,000 ++ บาท) ได้เช่นกัน เข้ากันได้ดีกับอาหารแต่ละจาน ได้เช่นกัน
หลากหลายเมนูเลิศรสภายในคอร์ส เช่น Truffle จานเรียกน้ำย่อยที่ประกอบไปด้วยแบล็คทรัฟเฟิลจับคู่กับบรรดาพืชหัว แล้วเพิ่มความอโรมาด้วยกลิ่นหอมจากสมุนไพร, เมนูปลา Sea Bass ปลากะพงขาวไทย ที่ผ่านการ Dry Cured แล้วนําไปซูวีจนได้เน้ือปลารสนุ่มเบา ราดซอสครีมส้มยูซุ ท็อปด้วย Lumpfish Caviar จากนอร์เวย์ เสิร์ฟพร้อมผักเคลตุ๋น เบคอนกรอบ และหัวไชเท้าญี่ปุ่นแช่ในซุปดาชิที่เติมความสดชื่นด้วยหญ้าหวานโรยหน้า ให้รสสัมผัสละมุนละไม มีความครีมม่ีแต่สดชื่น แล้วปิดท้ายด้วยเมนูของหวานอย่าง Chocolate ดาร์กช็อกโกแลตมูสสูตรเข้มข้น จับคู่มากับสตรอเบอร์รีสดฉ่ำ เฮเซลนัทกรอบกรุบ และตุอีล (Tuiles) หรือขนมเบื้องฝรั่งเศสแผ่นบางกริบ สลับจิบกับเครื่องดื่มสีชมพูหวานที่ผสานเข้ากับบรั่นดี นมเฮเซลนัทโฮมเมด โคโคนัทครีม และสตรอเบอร์รีช่วยชูรสชาติให้ปิดท้ายมื้อพิเศษได้อย่างสมบูรณ์แบบ
สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD
รับฟรี Mocktail (Bartender’s Selection) ที่ / ท่าน มูลค่า 250 บาท
พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*
15 ม.ค. 65 - 15 ก.ค. 65
CADENCE BY DAN BARK
ซอยปรีดีพนมยงค์ 25 กรุงเทพฯ
เปิด วันพุธ-ศุกร์ เวลา 17.00-22.00 น., วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 12.00-23.00 น.
โทร. 091 713 9034
www.cadence-danbark.com
www.facebook.com/CadenceRestaurant
8. SUHRING
ปิดท้ายกันที่ร้านอาหารไฟน์ไดน์นิ่งจากสองเชฟฝาแฝดชาวเยอรมันที่เคยฝากฝีมือไว้กับร้านดังหลายร้าน รวมถึงได้รับรางวัลใหญ่แห่งความภาคภูมิใจในแวดวงอาหารอย่างมิชลินสตาร์ ที่สามารถครอง 1 ดาวเมื่อปี 2018 และตามมาด้วย 2 ดาวติดต่อกันต้ังแต่ปี 2019 - 2022
ตัวร้านได้รับการปรับปรุงและต่อเติมบ้านหลังสวยของครอบครัวในซอยเย็นอากาศที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1970s ให้กลายมาเป็นร้านอาหาร เมื่อเดินเข้าไปจะพบกับสวนร่มรื่นและต้นไม้ใหญ่ ใครที่ชอบบรรยากาศธรรมชาติอาจจะเลือกนั่งโซนหน้าร้านที่มีลักษณะเป็นเรือนกระจกที่ห้อมล้อมด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด ถ้าเดินเข้าไปอีกนิดก็จะพบกับโซนดินเนอร์อีกสองห้องใหญ่ที่ให้บรรยากาศสบาย ๆ เหมือนที่บ้าน ร้านตกแต่งเรียบ ๆ ด้วยโทนสีอบอุ่นและเฟอร์นิเจอร์สไตล์ย้อนยุคนิด ๆ แฝงกลิ่นอายของยุโรปในยุคเก่าด้วยภาพวาดจากบ้านเดิมของเชฟที่เยอรมัน ส่วนถ้าใครอยากดินเนอร์พร้อมดูเชฟเตรียมอาหารไปด้วย ก็สามารถเลือกนั่งที่โซน Kitchen Room ที่เหมือนเปิดห้องครัวให้มานั่งทานอาหารกันเลย หรือจะเลือกนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ก็ได้เช่นกัน
อาหารของท่ีนี่โดดเด่นด้วยเทคนิคการปรุงที่นิยมกัน ในประเทศบ้านเกิดของเชฟนั่นคือการถนอมอาหารด้วย การหมักดองหรือบ่ม ตลอดจนเทคนิครมควันและการตากแห้ง ส่วนเมนูก็จะหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามวัตถุดิบสดใหมที่ดีที่สุดประจําาฤดูกาล โดยจัดมาเป็นคอร์สสามบทตอน (Chapter) เรียงลำดับจากของทานเล่นไปสู่จานหลัก และของหวานปิดท้าย
ตัวอย่างจานหลักสามเมนูท่ีคัดมาแล้วว่าเด็ด ได้แก่ ‘Crayfish & Pumpkin’ กั้งเนื้อนุ่มละมุนเสิร์ฟมากับฟักทอง จานถัดมาเป็น ‘Duck Aged for 7 Days and Smoked in Hay’ เป็ดฮังการี ดรายเอจอบฟางหอมกรุ่นหนังแห้งกรอบแต่เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟพร้อมซอส Lingonberry เนื้อเจลรสเปรี้ยวกับซอสซอสกระดูกเป็ดตุ๋นรสชาติละมุนลิ้น และ ‘Frankfurter GrüneSoße’ (เมนูซอสเขียวสูตรแฟรงเฟิร์ต) เป็นเมนูสีเขียวคําเล็ก ๆ ที่อัดแน่นไปด้วยสมุนไพรถึง 7 ชนิด ซึ่งเชฟนําามาปรุงกับซาวครีมและไข่แดง เป็นซอสสีเขียวสดรสเค็มนิด ๆ หอมกลิ่นอโรมา เสิร์ฟมากับมันฝรั่งบด เบคอน และปลาไหล
สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD
รับฟรี เครื่องดื่ม มูลค่า 500++ บาท
(1 แก้ว / ท่าน จํากัดสูงสุด 4 แก้ว / โต๊ะ / เซลส์สลิป)
พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*
15 ม.ค. 65 - 15 ก.ค. 65
SUHRING
ซอยเย็นอากาศ 3 กรุงเทพฯ
เปิด วันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 17.30-21.30 น.
โทร. 02 107 2777
www.restaurantsuhring.com
www.facebook.com/suhringtwins
สำหรับใครที่อยากลองเปิดประสบการณ์ทานอาหารมื้อพิเศษอย่างมีระดับ ดื่มด่ำโมเมนต์ไฟน์ไดน์นิ่งที่ 8 ร้านอาหารรางวัลมิชลินสตาร์ ดูสักครั้งหนึ่งบ้างแล้วละก็ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://ktc.promo/culinary-collective-bkk-menu หรือดาวน์โหลดอ่านไกด์บุ๊กเพื่อเลือกลิสต์ร้านอาหารต่าง ๆ ได้ทาง https://ktc.promo/guidebook-culinary-collective-bkk-menu หากยังไม่มีบัตรเครดิต KTC MASTERCARD คลิกสมัครเลย https://ktc.promo/apply-mastercard