ในช่วงนี้มีหลากหลายคาเฟ่ใหม่ ๆ เปิดใหม่กันไม่เว้นแต่ละวัน ทำเลที่ตั้งยอดฮิตส่วนใหญ่เห็นจะเป็นย่านเก่า อาทิ เยาวราช ท่าเตียน พระนคร ดุสิต ฯลฯ ที่รวมคาเฟ่ให้เป็นส่วนหนึ่งของความคลาสสิคอย่างกลมกลืน จะมีคาเฟ่อะไรบ้าง ไปดูกันเลย
มาเริ่มกันที่ร้าน Lhong Tou คาเฟ่เล็ก ๆ ย่านเยาวราชที่อัดแน่นไปด้วยเมนูคุณภาพที่ผ่านการคิดและสร้างสรรค์ออกมาให้เข้ากับคนทุกเพศทุกวัย เรียกว่าใครที่เดินผ่านก็ต้องแวะพักเหนื่อยก่อนจะไปต่อที่อื่น
FULL REVIEWเมื่อเดินเข้ามาทุกคนจะได้พบกับคาเฟ่มิติใหม่ที่ไม่คุ้นตากันบ่อยนัก จากการออกแบบให้มีที่นั่งเพียงพอกับจำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ด้วยการต่อเติมที่นั่งสองชั้น โดยใช้เหล็กเป็นโครงสร้างหลักที่ยึดทุกส่วนเอาไว้อย่างแข็งแรง ตรงข้ามกันติดกระจกใสแผ่นใหญ่เสมือนกับว่ามีที่นั่งสองฝั่ง ทำให้ร้านดูกว้างขึ้นผิดหูผิดตา
สำหรับใครที่มองหาเมนูอิ่มท้อง แนะนำเซ็ต Chinese Set (129 บาท) ประกอบไปด้วย ข้าวต้ม พร้อมกับข้าว 8 อย่าง ได้แก่ เกี่ยมฉ่ายน้ำมันงา ไข่แดงเค็ม กุนเชียง หมูหยอง กานาฉ่าย ใบปอผัดไชโป๊ว ไชโป๊วเห็ดหอม และปลาฉิงฉ้างทอด โดยเครื่องเคียงจะเปลี่ยนทุก ๆ วัน
สำหรับเมนูทานเล่น เริ่มกันที่ Egg Lava Bun (29 บาท/ชิ้น) ขนมปังทอดสอดไส้ครีมไข่เค็ม มีเนื้อสีเหลืองนวล รสชาติหวานมันคล้ายคัสตาร์ด แนะนำให้ทานคู่กับชาร้อน ๆ ถือเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านที่สั่งกันแทบทุกโต๊ะ
มาต่อกันที่ฝั่งพระนคร ย่านพาหุรัดกันบ้าง นอกจากจะได้เพลิดเพลินกับมนต์เสน่ห์ความคลาสสิกของตึกรามบ้านช่องย่านชุมชน ร้านค้า เสื้อผ้า อาหารแนวสตรีทฟู้ดมากมายแล้ว บรรดาร้านอาหาร คาเฟ่ดีไซน์เก๋ ๆ ในละแวกนี้ก็ดึงดูดใจให้แวะเข้าไปเช็คอินไม่แพ้กัน หนึ่งในนั้นคือ วิมาลิน คาเฟ่-ร้านอาหารสไตล์ Classic Vintage ที่เน้นเสิร์ฟความอร่อยด้วยสารพัดเมนูโฮมเมดภายใต้บรรยากาศสุดวินเทจที่รายล้อมไปด้วยผลงานภาพวาดศิลปะมากมายเหมือนได้นั่งทานอาหารอยู่ในอาร์ตแกลอรี่เลยทีเดียว
ภายในร้านมีการสอดแทรกกลิ่นอายของงานศิลปะเข้าไป โดยตกแต่งในสไตล์ Classic Vintage มู้ดแอนด์โทนสีน้ำเงิน-ฟ้า มีวาดภาพสีน้ำมันบริเวณผนังห้อง นำผลงานภาพวาดมาใส่กรอบรูปแล้วนำไปประดับทั่วทุกมุมห้อง รวมถึงการเลือกใช้โคมไฟแชนเดอเลีย หินอ่อน เฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ปะติดด้วยงานเปเปอร์ มาร์เช่ ด้วยฝีมือของคุณวิมาลินทั้งหมด
สำหรับเครื่องดื่มแนะนำ เริ่มต้นกันที่เมนูกาแฟจาก House Blend ที่เลือกใช้เมล็ดกาแฟพันธ์ุดีจาก 5 ประเทศ ได้แก่ เอธิโอเปีย ไทย ลาว อินโดนีเซีย และอินเดีย เพื่อให้เมนูแต่ละแก้วได้รสชาติของกาแฟที่แตกต่างกันออกไป อย่าง Into the Paradise (90 บาท) กาแฟอเมริกาโน่ผสมกับน้ำมะม่วง (หรือผลไม้ตามฤดูกาล) ได้กาแฟดำรสชาติแปลกใหม่ที่ผสมผสานเข้ากับความเปรี้ยวอมหวานของน้ำผลไม้ได้อย่างลงตัว ดื่มแล้วสดชื่นแน่นอน
ตามมาด้วยเบเกอรี่ประเภทต่าง ๆ ที่ต่างก็เรียกได้ว่าเป็นซิกเนเจอร์เมนูของที่นี่ทั้งสิ้น ทำสดใหม่แบบวันต่อวัน ไม่ว่าจะเป็นสโคน เค้กมะพร้าว ครัวซองต์ คุกกี้ ฯลฯ เมนูห้ามพลาดคือ Cranberry Scone (60 บาท) สโคนที่ไม่มีส่วนผสมของไข่ นำมานวดกับเนย ครีม และแครนเบอร์รี่อบแห้ง ทานแบบอบร้อนใหม่ ๆ ให้รสนุ่มหอมละมุนเต็ม ๆ คำ
ต่อกันที่ร้านเบเกอรี่โฮมเมดเปิดใหม่ย่านจักรพรรดิพงษ์อย่าง Pollen Baked Goods ที่เริ่มมาจากโรงงานผลิตขนมปังส่งออก ก่อนจะเปลี่ยนมาเปิดพื้นที่หน้าร้าน ให้เป็นร้านขนมปังเล็ก ๆ แสนอบอุ่น และเต็มไปด้วยขนมปังสูตรพิเศษที่เชิญชวนให้เราได้เดินเข้าไปลองชิม
บรรยากาศในร้านที่ตกแต่งสไตล์ลอฟท์แต่แฝงไปด้วยความเรโทรนิด ๆ บนพื้นที่เดิม แต่เติมแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์วินเทจที่เป็นของเก่าสะสมเรียบง่าย โดดเด่นด้วยบรรดาเบเกอรี่โฮมเมดบนชั้นวางหน้าตาน่าทาน และอบอย่างสดใหม่ทุกวันในราคาเบา ๆ แรงบันดาลใจของแต่ละเมนูมาจากความเรียบง่าย ทานง่าย แต่เต็มไปด้วยความอร่อย
เมนูแนะนำ Fresh Fruit Cream Cheese (95 บาท) ครีมชีสรสนุ่มที่สอดไส้ผลไม้สดอย่างลูกพีชมาให้แน่นเต็มคำ และ Madeleines (25 บาท) ที่หน้าตาคล้ายกับขนมไข่ แต่เคลือบด้วยช็อกโกแลต เมื่อกัดเข้าไปจะเจอกับความหอมของกลิ่นส้ม และรสชาติฉ่ำของเนื้อแป้งด้านใน
ถัดมาเป็นร้าน Alex & Beth คาเฟ่สไตล์ยุโรปบนถนนหลานหลวงแห่งนี้ที่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยผ่านหลากหลายเมนูอาหารและเครื่องดื่มสูตรโฮมเมด โดดเด่นด้วยประตูกระจกกรอบไม้สีขาวที่มาพร้อมกับตัวอักษรภาษาอังกฤษสีทองที่มีทั้งชื่อร้านและข้อความสั้น ๆ ’Coffee Bar & Juicery’ ที่บ่งบอกว่าคาเฟ่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยอะไรไว้รอคุณ ๆ อยู่ด้านใน
บรรยากาศด้านในทางร้านเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ มู้ดแอนด์โทนสีคลาสสิกและการตกแต่งในแบบวินเทจ แม้จะเป็นคาเฟ่ขนาดกะทัดรัด แต่ก็จัดวางโซนที่นั่งมุมต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว
FULL REVIEWเมนูแนะนำที่อยากให้ลิ้มลอง เริ่มต้นที่ Avocado Toast with Caramelised Onion (180 บาท) เมนูโทสต์ที่ท็อปด้านบนมาด้วยอะโวคาโดบด สูตรของทางร้านจะใส่ Caramelised Onion เข้ากันกับรสชาติมัน ๆ นุ่มละมุนของอะโวคาโดเป็นอย่างดีทีเดียว
ก่อนจะหันมาเอาใจคนดื่มกาแฟด้วยเมนู Hot Black (90 บาท) กาแฟดำที่ใช้วิธีการเสิร์ฟแบบอเมริกาโน่อิตาเลียน คือจะเสิร์ฟด้วยเอสเพรสโซช็อตหนึ่งแก้ว พร้อมกับกาน้ำร้อน ให้คนดื่มเลือกเติมน้ำลงไปเองให้ได้รสเข้มและไม่เข้มตามความชอบ
ตามมาที่คาเฟ่ฝั่งท่าเตียนอย่าง ฮาเตียน แอนทีคคาเฟ่บรรยากาศดีที่ตั้งอยู่ในซอยประตูนกยูง ซึ่งเป็นชุมชนเก่าแก่และสำคัญบนเกาะรัตนโกสินทร์ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์แอนทีคสะสมที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าของคุณเบิร์ดและหุ้นส่วน เจ้าของร้าน Humming Bird Kitchen and Garden
จากตำนานของเมืองท่าทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม เกิดเป็นแรงบันดาลใจให้เปลี่ยนตึกแถวเก่าย่านท่าเตียน โดยภายในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้และของแอนทีคที่สะสมมาตลอดสิบปี โดยยังคงไว้ด้วยโครงสร้างเก่าโบราณแบบดั้งเดิมทั้งส่วนคานและผนังตึก เพียงแต่ปรับให้ดูโปร่งและเต็มไปด้วยเรื่องราวที่เชื่อมโยงกับท่าเตียนมากยิ่งขึ้น
FULL REVIEWสำหรับเมนูแนะนำของทางร้านต้องยกให้เบเกอรี่ที่เน้นครีมชีสและผลไม้เพื่อสุขภาพอย่าง Raspberry Chocolate Cake, Cheese Cake และ Carrot Cake (180 บาท)
เครื่องดื่มซิกเนเจอร์ที่อยากให้ลองชิม ได่แก่ Ma-Toom Coffee (120 บาท) ที่ได้ไซรัปมะตูมจากการเคี่ยวจนได้ที่ ผสมลงในนมท็อปด้วยช็อตกาแฟและมะตูมแห้ง กลายเป็นกาแฟกลิ่นมะตูมที่ชิมแล้วต้องติดใจ
Craftsman
ปิดท้ายกันที่ร้านของคอกาแฟตัวจริงอย่าง Craftsman ที่ได้ขยายสาขามาเปิดที่บ้านอาจารย์ฝรั่ง ศิลป์ พีระศรี โดยยังคงกลิ่นอายของความคลาสสิกเพื่อให้คนที่แวะมาได้เสพย์งานศิลป์ของอาจารย์บนชั้น 2 ที่จัดเป็นแกลเลอรี่ของบ้าน พร้อมดื่มด่ำกับกาแฟชั้นดีที่ยังคงมาตรฐานในการคัดเลือกเมล็ดจากฟาร์มของไทย
ภายในบ้านหลังเล็ก ๆ นี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความอบอุ่น คลาสสิก ที่ออกแบบตกแต่งภายใต้โครงสร้างเดิมของบ้านไม้กึ่งปูน ชั้นล่างเป็นพื้นที่ต้อนรับลูกค้า ส่วนชั้นสองเป็นแกลเลอรี่ของบ้าน
จับคู่มากับขนมโฮมเมดอย่าง Earl Grey Cake (200 บาท) เค้กเอิร์ลเกรย์ราดซอสช็อกโกแลตนม ทานกับลูกฟิกสดและวิปปิ้งครีมสด หอมกลิ่นชาอย่างชัดเจน