Hopping แบบคลาสสิกที่ 6 คาเฟ่เปิดใหม่ในย่านเมืองเก่า

Published on July 23, 2018

ในช่วงนี้มีหลากหลายคาเฟ่ใหม่ ๆ เปิดใหม่กันไม่เว้นแต่ละวัน ทำเลที่ตั้งยอดฮิตส่วนใหญ่เห็นจะเป็นย่านเก่า อาทิ เยาวราช ท่าเตียน พระนคร ดุสิต ฯลฯ ที่รวมคาเฟ่ให้เป็นส่วนหนึ่งของความคลาสสิคอย่างกลมกลืน จะมีคาเฟ่อะไรบ้าง ไปดูกันเลย

 

Lhong Tou Cafe

มาเริ่มกันที่ร้าน Lhong Tou คาเฟ่เล็ก ๆ ย่านเยาวราชที่อัดแน่นไปด้วยเมนูคุณภาพที่ผ่านการคิดและสร้างสรรค์ออกมาให้เข้ากับคนทุกเพศทุกวัย เรียกว่าใครที่เดินผ่านก็ต้องแวะพักเหนื่อยก่อนจะไปต่อที่อื่น

FULL REVIEW

เมื่อเดินเข้ามาทุกคนจะได้พบกับคาเฟ่มิติใหม่ที่ไม่คุ้นตากันบ่อยนัก จากการออกแบบให้มีที่นั่งเพียงพอกับจำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ด้วยการต่อเติมที่นั่งสองชั้น โดยใช้เหล็กเป็นโครงสร้างหลักที่ยึดทุกส่วนเอาไว้อย่างแข็งแรง ตรงข้ามกันติดกระจกใสแผ่นใหญ่เสมือนกับว่ามีที่นั่งสองฝั่ง ทำให้ร้านดูกว้างขึ้นผิดหูผิดตา

 

สำหรับใครที่มองหาเมนูอิ่มท้อง แนะนำเซ็ต Chinese Set (129 บาท) ประกอบไปด้วย ข้าวต้ม พร้อมกับข้าว 8 อย่าง ได้แก่ เกี่ยมฉ่ายน้ำมันงา ไข่แดงเค็ม กุนเชียง หมูหยอง กานาฉ่าย ใบปอผัดไชโป๊ว ไชโป๊วเห็ดหอม และปลาฉิงฉ้างทอด โดยเครื่องเคียงจะเปลี่ยนทุก ๆ วัน

 

Chinese Set (129 บาท)

สำหรับเมนูทานเล่น เริ่มกันที่ Egg Lava Bun (29 บาท/ชิ้น) ขนมปังทอดสอดไส้ครีมไข่เค็ม มีเนื้อสีเหลืองนวล รสชาติหวานมันคล้ายคัสตาร์ด แนะนำให้ทานคู่กับชาร้อน ๆ ถือเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านที่สั่งกันแทบทุกโต๊ะ

 

Egg Lava Bun (29 บาท/ชิ้น)

2

วิมาลิน

FULL REVIEW
 

วิมาลิน

มาต่อกันที่ฝั่งพระนคร ย่านพาหุรัดกันบ้าง นอกจากจะได้เพลิดเพลินกับมนต์เสน่ห์ความคลาสสิกของตึกรามบ้านช่องย่านชุมชน ร้านค้า เสื้อผ้า อาหารแนวสตรีทฟู้ดมากมายแล้ว บรรดาร้านอาหาร คาเฟ่ดีไซน์เก๋ ๆ ในละแวกนี้ก็ดึงดูดใจให้แวะเข้าไปเช็คอินไม่แพ้กัน หนึ่งในนั้นคือ วิมาลิน คาเฟ่-ร้านอาหารสไตล์ Classic Vintage ที่เน้นเสิร์ฟความอร่อยด้วยสารพัดเมนูโฮมเมดภายใต้บรรยากาศสุดวินเทจที่รายล้อมไปด้วยผลงานภาพวาดศิลปะมากมายเหมือนได้นั่งทานอาหารอยู่ในอาร์ตแกลอรี่เลยทีเดียว 

FULL REVIEW

ภายในร้านมีการสอดแทรกกลิ่นอายของงานศิลปะเข้าไป โดยตกแต่งในสไตล์ Classic Vintage มู้ดแอนด์โทนสีน้ำเงิน-ฟ้า มีวาดภาพสีน้ำมันบริเวณผนังห้อง นำผลงานภาพวาดมาใส่กรอบรูปแล้วนำไปประดับทั่วทุกมุมห้อง รวมถึงการเลือกใช้โคมไฟแชนเดอเลีย หินอ่อน เฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ปะติดด้วยงานเปเปอร์ มาร์เช่ ด้วยฝีมือของคุณวิมาลินทั้งหมด 

 

ตกแต่งในสไตล์ Classic Vintage มู้ดแอนด์โทนสีน้ำเงิน-ฟ้า

สำหรับเครื่องดื่มแนะนำ เริ่มต้นกันที่เมนูกาแฟจาก House Blend ที่เลือกใช้เมล็ดกาแฟพันธ์ุดีจาก 5 ประเทศ ได้แก่ เอธิโอเปีย ไทย ลาว อินโดนีเซีย และอินเดีย เพื่อให้เมนูแต่ละแก้วได้รสชาติของกาแฟที่แตกต่างกันออกไป อย่าง Into the Paradise (90 บาท) กาแฟอเมริกาโน่ผสมกับน้ำมะม่วง (หรือผลไม้ตามฤดูกาล) ได้กาแฟดำรสชาติแปลกใหม่ที่ผสมผสานเข้ากับความเปรี้ยวอมหวานของน้ำผลไม้ได้อย่างลงตัว ดื่มแล้วสดชื่นแน่นอน 

 

Into the Paradise (90 บาท)

ตามมาด้วยเบเกอรี่ประเภทต่าง ๆ ที่ต่างก็เรียกได้ว่าเป็นซิกเนเจอร์เมนูของที่นี่ทั้งสิ้น ทำสดใหม่แบบวันต่อวัน ไม่ว่าจะเป็นสโคน เค้กมะพร้าว ครัวซองต์ คุกกี้ ฯลฯ เมนูห้ามพลาดคือ Cranberry Scone (60 บาท) สโคนที่ไม่มีส่วนผสมของไข่ นำมานวดกับเนย ครีม และแครนเบอร์รี่อบแห้ง ทานแบบอบร้อนใหม่ ๆ ให้รสนุ่มหอมละมุนเต็ม ๆ คำ

 

Cranberry Scone (60 บาท

3

Pollen Baked Goods

FULL REVIEW
 

Pollen Baked Goods

ต่อกันที่ร้านเบเกอรี่โฮมเมดเปิดใหม่ย่านจักรพรรดิพงษ์อย่าง Pollen Baked Goods ที่เริ่มมาจากโรงงานผลิตขนมปังส่งออก ก่อนจะเปลี่ยนมาเปิดพื้นที่หน้าร้าน ให้เป็นร้านขนมปังเล็ก ๆ แสนอบอุ่น และเต็มไปด้วยขนมปังสูตรพิเศษที่เชิญชวนให้เราได้เดินเข้าไปลองชิม 

บรรยากาศในร้านที่ตกแต่งสไตล์ลอฟท์แต่แฝงไปด้วยความเรโทรนิด ๆ บนพื้นที่เดิม แต่เติมแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์วินเทจที่เป็นของเก่าสะสมเรียบง่าย โดดเด่นด้วยบรรดาเบเกอรี่โฮมเมดบนชั้นวางหน้าตาน่าทาน และอบอย่างสดใหม่ทุกวันในราคาเบา ๆ  แรงบันดาลใจของแต่ละเมนูมาจากความเรียบง่าย ทานง่าย แต่เต็มไปด้วยความอร่อย 

FULL REVIEW
 

บรรดาเบเกอรี่โฮมเมดบนชั้นวางหน้าตาน่าทาน

เมนูแนะนำ Fresh Fruit Cream Cheese (95 บาท) ครีมชีสรสนุ่มที่สอดไส้ผลไม้สดอย่างลูกพีชมาให้แน่นเต็มคำ และ Madeleines (25 บาท) ที่หน้าตาคล้ายกับขนมไข่ แต่เคลือบด้วยช็อกโกแลต เมื่อกัดเข้าไปจะเจอกับความหอมของกลิ่นส้ม และรสชาติฉ่ำของเนื้อแป้งด้านใน

 

Fresh Fruit Cream Cheese (95 บาท) และ Madeleines (25 บาท)

 

Alex & Beth

ถัดมาเป็นร้าน Alex & Beth คาเฟ่สไตล์ยุโรปบนถนนหลานหลวงแห่งนี้ที่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยผ่านหลากหลายเมนูอาหารและเครื่องดื่มสูตรโฮมเมด โดดเด่นด้วยประตูกระจกกรอบไม้สีขาวที่มาพร้อมกับตัวอักษรภาษาอังกฤษสีทองที่มีทั้งชื่อร้านและข้อความสั้น ๆ ’Coffee Bar & Juicery’ ที่บ่งบอกว่าคาเฟ่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยอะไรไว้รอคุณ ๆ อยู่ด้านใน

บรรยากาศด้านในทางร้านเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ มู้ดแอนด์โทนสีคลาสสิกและการตกแต่งในแบบวินเทจ แม้จะเป็นคาเฟ่ขนาดกะทัดรัด แต่ก็จัดวางโซนที่นั่งมุมต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว 

FULL REVIEW
 

เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ มู้ดแอนด์โทนสีคลาสสิก

เมนูแนะนำที่อยากให้ลิ้มลอง เริ่มต้นที่ Avocado Toast with Caramelised Onion (180 บาท) เมนูโทสต์ที่ท็อปด้านบนมาด้วยอะโวคาโดบด สูตรของทางร้านจะใส่ Caramelised Onion เข้ากันกับรสชาติมัน ๆ นุ่มละมุนของอะโวคาโดเป็นอย่างดีทีเดียว

 

Avocado Toast with Caramelised Onion (180 บาท)

ก่อนจะหันมาเอาใจคนดื่มกาแฟด้วยเมนู Hot Black (90 บาท) กาแฟดำที่ใช้วิธีการเสิร์ฟแบบอเมริกาโน่อิตาเลียน คือจะเสิร์ฟด้วยเอสเพรสโซช็อตหนึ่งแก้ว พร้อมกับกาน้ำร้อน ให้คนดื่มเลือกเติมน้ำลงไปเองให้ได้รสเข้มและไม่เข้มตามความชอบ

 

Hot Black (90 บาท)

 

Ha Tien Cafe

ตามมาที่คาเฟ่ฝั่งท่าเตียนอย่าง ฮาเตียน แอนทีคคาเฟ่บรรยากาศดีที่ตั้งอยู่ในซอยประตูนกยูง ซึ่งเป็นชุมชนเก่าแก่และสำคัญบนเกาะรัตนโกสินทร์ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์แอนทีคสะสมที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าของคุณเบิร์ดและหุ้นส่วน เจ้าของร้าน Humming Bird Kitchen and Garden

จากตำนานของเมืองท่าทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม เกิดเป็นแรงบันดาลใจให้เปลี่ยนตึกแถวเก่าย่านท่าเตียน โดยภายในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้และของแอนทีคที่สะสมมาตลอดสิบปี โดยยังคงไว้ด้วยโครงสร้างเก่าโบราณแบบดั้งเดิมทั้งส่วนคานและผนังตึก เพียงแต่ปรับให้ดูโปร่งและเต็มไปด้วยเรื่องราวที่เชื่อมโยงกับท่าเตียนมากยิ่งขึ้น

FULL REVIEW
 

บนชั้นสองเปลี่ยนให้มีกลิ่นอายของเมืองนอกมากขึ้น

สำหรับเมนูแนะนำของทางร้านต้องยกให้เบเกอรี่ที่เน้นครีมชีสและผลไม้เพื่อสุขภาพอย่าง Raspberry Chocolate Cake, Cheese Cake และ Carrot Cake (180 บาท)

 

Raspberry Chocolate Cake, Cheese Cake และ Carrot Cake (180 บาท)

เครื่องดื่มซิกเนเจอร์ที่อยากให้ลองชิม ได่แก่ Ma-Toom Coffee (120 บาท) ที่ได้ไซรัปมะตูมจากการเคี่ยวจนได้ที่ ผสมลงในนมท็อปด้วยช็อตกาแฟและมะตูมแห้ง กลายเป็นกาแฟกลิ่นมะตูมที่ชิมแล้วต้องติดใจ

 

Ma-Toom Coffee (120 บาท)

6

Craftsman

 

Craftsman

ปิดท้ายกันที่ร้านของคอกาแฟตัวจริงอย่าง Craftsman ที่ได้ขยายสาขามาเปิดที่บ้านอาจารย์ฝรั่ง ศิลป์ พีระศรี โดยยังคงกลิ่นอายของความคลาสสิกเพื่อให้คนที่แวะมาได้เสพย์งานศิลป์ของอาจารย์บนชั้น 2 ที่จัดเป็นแกลเลอรี่ของบ้าน พร้อมดื่มด่ำกับกาแฟชั้นดีที่ยังคงมาตรฐานในการคัดเลือกเมล็ดจากฟาร์มของไทย

ภายในบ้านหลังเล็ก ๆ นี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความอบอุ่น คลาสสิก ที่ออกแบบตกแต่งภายใต้โครงสร้างเดิมของบ้านไม้กึ่งปูน ชั้นล่างเป็นพื้นที่ต้อนรับลูกค้า ส่วนชั้นสองเป็นแกลเลอรี่ของบ้าน

 

ภาพอาจารย์ ศิลป์ พีระศรี ถูกจัดตกแต่งอยู่ทุกมุมร้าน

นอกจากกาแฟทั่วไปที่เสิร์ฟเหมือนกันสาขาแรกแล้ว ที่นี่ยังมีเมนูซิกเนเจอร์ที่คิดค้นเพื่อ อาจารย์ศิลป์ พีระศรี อีกด้วย ได้แก่ Sparkling Tamarind for Baan Ajarn Farang (135 บาท) น้ำมะขามผสมกับน้ำผึ้งป่าออร์แกนิค ท็อปด้วย Pellegrino Sparkling Water จากฝรั่งเศส มีรสเปรี้ยว หวานปลายลิ้น หอมกลิ่นน้ำผึ้ง
 

Sparkling Tamarind for Baan Ajarn Farang (135 บาท)

จับคู่มากับขนมโฮมเมดอย่าง Earl Grey Cake (200 บาท) เค้กเอิร์ลเกรย์ราดซอสช็อกโกแลตนม ทานกับลูกฟิกสดและวิปปิ้งครีมสด หอมกลิ่นชาอย่างชัดเจน

 

Earl Grey Cake (200 บาท)