สำหรับใครที่กำลังมองหามื้อค่ำดี ๆ ในช่วงเทศกาลนี้ BKK ชวนเหล่า Beef Lover ไปเลือกปักหมุดที่ 7 ร้านเนื้อสุดพรีเมียมที่ไม่ควรพลาด ซึ่งแต่ละร้านนั้นต่างคัดสรรเนื้อสุดพรีเมียมจากหลากหลายประเทศมารวมเอาไว้ให้ได้เลือกปรุงกันตามใจชอบ พร้อมหรือยังที่จะไปสัมผัสความฉ่ำ รสสัมผัสละมุนนุ่มลิ้นและละลายในปากของเนื้อหลากหลายสัญชาติที่พร้อมให้ได้ลิ้มลอง ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยว่าจะมีที่ไหนที่ตรงใจกันบ้าง
เริ่มต้นความฟินกันที่ Tetsu ร้านอาหารญี่ปุ่นและยากินิคุสไตล์ Contemporary ที่คัดสรรหลากหลายวัตถุดิบระดับพรีเมียมส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่น ทางร้านนำเสนอ Omi Wagyu 1 ใน 3 เนื้อวัวคุณภาพดีที่สุดของญี่ปุ่น เป็นเนื้อที่มีประวัติมายาวนานกว่า 400 ปี ตั้งแต่สมัยเอโดะ ซึ่งเนื้อชนิดนี้ถูกนำมาปรุงอาหารให้กับเหล่าซามูไรและถวายแก่โชกุน ในปัจจุบันกลายมาเป็นของดีขึ้นชื่อในจังหวัดชิกะ
สำหรับสายเนื้อตัวจริงไม่ควรพลาดเมนู Selected Omakase Wagyu Mori (3,300 บาท) ทางร้านนำเสนอเสน่ห์ของเนื้อโอมิในแต่ละส่วนที่แตกต่างกันออกไปทั้งความหอมและความชุ่มของไขมันที่แทรกซึมไปในส่วนต่าง ๆ ภายในเซ็ตนี้ประกอบไปด้วย Omi Tokujyo Rosu เนื้อส่วนสันกลางที่มีไขมันแทรกกระจายเป็นลายสวย Omi Jyo Karubi เนื้อส่วนอกถึงท้อง นุ่มละลายในปาก นอกจากนี้ยังมี Omi Momo และ Omi Ichibo
หรือจะลองเป็น Kagoshima Zabuton (1,550 บาท) เนื้อคาโกชิม่าที่ได้จากวัวสายพันธุ์ทาจิริที่ถูกเลี้ยงในสภาพแวดล้อมที่ดีและได้รับอาหารที่ดี ทำให้มีชั้นไขมันแทรกซึมอยู่ในเนื้อมาก ทำให้เนื้อคาโกชิม่าจานนี้นุ่มและละลายในปาก
ปิดท้ายด้วย Atsui Tan (590 บาท) ลิ้นวัวคัดพิเศษ ที่มีความหนามากกว่าปกติและให้กลิ่นหอมของเนื้อบ่งบอกถึงความเอาใจใส่ในการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี
Tetsu
ชั้น 5 Central Embassy
เปิดทุกวัน เวลา 10.00 - 22.00 น.
โทร. 02-160-5722
www.facebook.com/tetsu.embassy
แวะมาเช็คอินกันที่ร้าน KRBB The Boutique Butcher จุดรวมพลของคนรักเนื้อ ที่นี่เป็น Butcher Shop นำเข้าวัวทั้งตัวและคัดสรรวัตถุดิบจากฟาร์มคุณภาพดีทั่วโลก และนำมาตัดแบ่งเป็นส่วนต่าง ๆ โดยฝีมือของ Butcher ผู้มีความชำนาญ บรรยากาศภายในร้านนั้นให้ความอบอุ่นและเป็นกันเองในสไตล์ Homey ตกแต่งด้วยอุปกรณ์ทำครัวมากมายที่ทำจากไม้หลากหลายแบบด้วยกัน พร้อมทั้งเขียนอธิบายส่วนต่าง ๆ ของวัว รวมไปถึงโซนเอาท์ดอร์รองรับลูกค้าที่ต้องการนั่งทานที่ร้าน
สำหรับคนรักเนื้อที่แวะเวียนกันมาที่นี่ ไม่ว่าจะนั่งทางที่ร้าน เลือกซื้อกลับบ้านหรือซื้อเป็นของขวัญในโอกาสพิเศษ ก็สามารถเลือกประเภทเนื้อได้ตามต้องการโดยจะมี Butcher คอยแนะนำว่าเนื้อส่วนไหนเหมาะแก่การนำไปปรุงอาหารชนิดไหนบ้าง โดยราคาจะแตกต่างกันไปในเนื้อแต่ละชนิด
ส่วนใครที่อยากลิ้มลองความพรีเมียมจากประเทศญี่ปุ่นลองสั่ง Ozaki สุดยอดเนื้อวัวที่หาทานได้ยาก จำหน่ายเพียง 30 ตัวต่อเดือนและหาทานได้จาก 8 ร้านในมิยาซากิเท่านั้น ให้รสสัมผัสนุ่ม ละลายในปาก ไขมันแทรกเป็นลายสวย
หรือจะลองเป็นเนื้อ F1 เนื้อวัวลูกผสมระหว่างวัวนมและวากิวฮอกไกโด ให้กลิ่นหอม ไขมันต่ำ แช่ในตู้ที่ได้มาตรฐานจากเยอรมันเพื่อให้เนื้อยังคงนุ่มและสดใหม่อยู่เสมอ นอกจากนี้ลูกค้าทานใดที่สั่งทานที่ร้านเพิ่มเงินท่านละ 350 บาท ทางร้านก็จะมีอุปกรณ์ในการประกอบอาหารแบบต่าง ๆ ให้เลือกตามที่ชอบทั้งชาบู สุกี้ ยากินิคุ สเต๊ก มาพร้อมกับชุดผักและน้ำจิ้มต่าง ๆ
Krbb The Boutique Butcher
Habito Mall ชั้น 3
เปิดทุกวัน (ปิดวันอังคาร) เวลา 11.00 - 22.00 น.
โทร. 02-090-9697
www.facebook.com/krbbbutcher
ชวนคนรักเนื้อไปเปิดประสบการณ์การทานอาหารในสไตล์อเมริกันสเต๊กเฮาส์กันที่ The Ranch Bangkok บนชั้น 1 ของ Groove at CentralWorld ที่พร้อมเสิร์ฟเนื้อดรายเอจวิสกี้ครั้งแรกในเมืองไทย นำเสนอเนื้อคุณภาพดีจากหลากหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Thai Wagyu, Australian Angus, Matsusaka และ Us Angus
ตัวร้านตกแต่งในสไตล์ The Ranch บ้านสุดเท่ของชาวไร่อเมริกันผสมกับความโมเดิร์นในแบบสมัยใหม่โดยใช้พื้นที่ของร้านกว่า 50% เปิดเป็น Open Kitchen ครัวขนาดใหญ่แบบพื้นยกสูง โดดเด่นมากขึ้นด้วยห้อง Butcher และห้องเอจที่เปิดให้คนภายนอกสามารถมองเห็นเนื้อชั้นดีมากมายภายในได้อีกด้วย
แนะนำให้ลองซิกเนเจอร์ของทางร้านอย่าง Whisky Dry-Aged Beef Thai Wagyu ที่มีให้เลือกถึง 4 ส่วนด้วยกัน T-Bone, Primerlb (395 บาท), Striploin, Ribeye (565 บาท/100 g.) จากเนื้อ 4 สัญชาติที่สามารถเลือกได้ตามชอบ สำหรับจานนี้ทางร้านเลือกใช้เนื้อไทยวากิวคุณภาพดีมาดรายเอจวิสกี้ในห้องเอจเนื้อของทางร้าน จนได้เนื้อนุ่มและให้รสชาติความเข้มข้นของวิสกี้ได้เป็นอย่างดี เสิร์ฟพร้อมกันกับ Side Dish แนะนำอย่าง Truffle Mashed Potatoes (160 บาท) Mac & Cheese-Brown Butter Breadcrumbs (150 บาท) และซอส Truffle Butter (85 บาท)
The Ranch Bangkok
ชั้น 1 Groove at CentralWorld
เปิดทุกวัน เวลา 11.00 - 01.00 น.
โทร. 02-116-8909
www.facebook.com/theranchbangkok
Fat Beef Meat Lab ร้านเนื้อชิค ๆ ที่เป็น Hidden Place บนชั้นสองของ De For Rest บนถนนนางลิ้นจี่ มาในคอนเซ็ปต์ 'Backyard Grill' ชวนกันมาอิ่มอร่อยกับอาหารคุณภาพดีในบรรยากาศสบาย ๆ ร่มรื่นใต้เงาต้นไม้ใหญ่บน Rooftop สุดคูล
ความพิเศษของที่นี่นอกจากจะคัดสรรเนื้อวัวชั้นดีมาให้คนรักเนื้อได้ลิ้มลองแล้ว ก็ยังใส่ใจไปถึงกระทะที่ใช้ในการทำอีกด้วย ซึ่งทางร้านเลือกใช้เป็น Crystal Plate ที่สั่งทำพิเศษจากแร่ Quartz ที่มีคุณสมบัติทำให้เนื้อสุกกำลังดี ไม่ไหม้และไม่ติดกระทะ สามารถรักษาความฉ่ำของเนื้อไว้เป็นอย่างดี
แนะนำจานแรกเป็น Sweet Honey Marinated Australian Angus Tomahawk (1,890 บาท) เนื้อวัวออสเตรเลีย สายพันธุ์แองกัสส่วนโทมาฮอว์คที่เหล่าคนรักเนื้อไม่ควรพลาด ทางร้านจะย่างมาให้ก่อนในระดับ Rare และสามารถมาย่างต่อและคลุกเคล้าเข้ากับเนยได้ตามใจบนกระทะพิเศษอีกครั้ง โดยมีรสชาติของเนยให้เลือกมากถึง 6 ชนิด
หรือจะลองเป็น Harima Wagyu A4 (1,150 บาท) เนื้อลายหินอ่อนส่งตรงจากญี่ปุ่น ให้รสหวานฉ่ำ แนะนำให้ทานกับเกลือและพริกไทยจะช่วยเสริมรสสัมผัสของเนื้อชนิดนี้ได้ดียิ่งขึ้น เสิร์ฟพร้อมกับเครื่องเคียงแน่น ๆ ไชเท้าดอง สลัดหอมใหญ่ซอสพอนสึ ซุปกิมจิ ข้าวผัดกระเทียมและน้ำจิ้มยากินิคุ ที่เคี่ยวด้วยเบียร์และแอปเปิ้ลสูตรพิเศษของทางร้าน
Fat Beef Meat Lab
ชั้น 2 โครงการ De For Rest
เปิดทุกวันจันทร์ - เสาร์ เวลา 17.00 - 00.00 น. และวันอาทิตย์ เวลา 16.00 - 23.00 น.
โทร. 084-666-2120
www.facebook.com/FatBeefMeatLab
ต่อกันที่ร้านข้าวหน้าเนื้ออันโด่งดังในโลกโซเชียลอย่าง Tora Tora Japanese Kitchen ร้านเนื้อสุดชิลล์ที่เมนูไม่ชิลล์ตามร้าน แอบซ่อนตัวอยู่ในประดิพัทธ์ซอย 6 พร้อมนำเสนอเมนูฟิวชันระหว่างยุโรปและญี่ปุ่น พร้อมนำเนื้อวัวคุณภาพมาครีเอทเป็นเมนูเด็ด ๆ ที่น่าลิ้มลอง
ตัวร้านนั้นเน้นความเข้าถึงง่าย เมื่อได้เข้ามานั่งแล้วรู้สึกไม่เกร็ง ตกแต่งแบบเท่ ๆ ในสไตล์โมเดิร์นลอฟต์ เพิ่มความเป็นกันเองกับลูกค้ามากขึ้นด้วยการติดกระจกใสไว้ในส่วนครัว ให้คนที่สนใจได้มาแอบมองฝีมือการทำของเชฟ Le Cordon Bleu จากประเทศออสเตรเลียที่พ่วงตำแหน่งเจ้าของร้านกันได้อย่างสนุก ๆ เชฟนั้นจะเลือกใช้เนื้อวัวเกรดพรีเมียมที่คัดสรรจากฟาร์มคุณภาพดีของประเทศไทย นำมาปรุงด้วยกรรมวิธีสไตล์ยุโรปโดยปรุงรสชาติและครีเอทหน้าตาออกมาในสไตล์ญี่ปุ่น
เริ่มต้นมื้อดี ๆ แบบนี้กันที่ Steak Don (299 บาท) เนื้อไทยคุณภาพดี ผัดให้เข้ากันกับเนยและน้ำมันมะกอกช่วยเพิ่มกลิ่นหอมให้กับเนื้อ จากนั้นนำไปท็อปบนข้าวญี่ปุ่นร้อน ๆ และไข่ออนเซ็น แนะนำให้สั่งซุปมิโซะมาทานคู่กันช่วยเพิ่มความอร่อยมายิ่งขึ้น
ต่อกันที่ Beef Chahan Don (299 บาท) ข้าวญี่ปุ่นผัดกระเทียมคลุกเคล้ากับกระเทียมทอดกรอบและเนื้อไทยคุณภาพดีหั่นเต๋าพอดีคำ
Tora Tora Japanese Kitchen
ประดิพัทธ์ 6
เปิดทุกวัน อาทิตย์ - ศุกร์ (ปิดวันเสาร์) เวลา 12.00 - 14.00 น. และ 17.00 - 22.00 น.
โทร. 064-772-3787
www.facebook.com/ToratoraJapaneseKitchen
ส่วนใครที่กำลังมองหาที่นั่งแฮงเอาต์เพลิน ๆ ลองแวะมาที่ Jamie’s Burgers ในโครงการ Naplab จุฬาซอย 6 ซึ่งสาขานี้ขยายพื้นที่ให้กว้างขวางและสะดวกสบายมากขึ้น โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 โซนด้วยกัน โซน Indoor ด้านในตกแต่งโดยเน้นโครงสร้างของเหล็กสีเข้มและเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ดูเท่ ส่วนโซน Outdoor ที่นอกจากมีที่นั่งรองรับลูกค้าแล้ว ส่วนหนึ่งยังเป็นครัวแบบเปิด สามารถมองเห็นทุกขั้นตอนการทำได้อีกด้วย
สำหรับเมนูซิกเนเจอร์แนะนำของทางร้าน Jamie’s Burgers (159 บาท) เบอร์เกอร์ขนาดพอดีคำประกบกับเนื้อไทยวากิวที่นำไปกริลล์จนสุกกำลังดี เบคอนกรอบ ๆ ชีสและพริกดอง
หรือจะลองเมนูที่หนักขึ้นมาหน่อยอย่าง Beef Steak (เริ่มต้นที่ 300 บาท/100 g.) ที่ทางร้านคัดสรรเนื้อคุณภาพดีมาจากทั้งไทยและต่างประเทศให้เหล่า Beef Lover ได้เลือกสรรทั้ง Australian Wagyu, USA Prime และ Japanese Wagyu ที่จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปในแต่ละสัปดาห์
Jamie’s Burgers
โครงการ Naplab ซอยจุฬา 6
เปิดทุกวัน (ปิดวันอาทิตย์) เวลา 17.00 - 23.00 น.
โทร. 097-001-1108
www.facebook.com/jamies.burgers.naplab
ปิดท้ายกันด้วย Sushicyu & Carnival Yakiniku ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ผสมผสานสไตล์โอมากาเสะและยากินิกุไว้ด้วยกันอย่างลงตัว โดดเด่นในเรื่องการคัดสรรวัตถุดิบชั้นเลิศและฝีมือการปรุงที่ตรงตามต้นตำรับจากญี่ปุ่น สำหรับที่สาขา Eight Thonglor แห่งนี้ดีไซน์ของร้านเน้นความเรียบง่ายและดูอบอุ่นสไตล์ญี่ปุ่น แต่มีการหยิบยกความโมเดิร์นเข้ามาผสมผสานให้ได้บรรยากาศสบาย ๆ มากยิ่งขึ้น
สำหรับภายในร้านนั้นแบ่งออกเป็นสัดส่วนอย่างชัดเจนไม่ว่าจะเป็นโซนซูชิบาร์ ห้อง Private ส่วนตัวสไตล์ Zen พร้อมเสิร์ฟซูชิและซาซิมิสดใหม่ รวมไปถึงคอร์สโอมากาเสะ และโซนปิ้งย่างสไตล์ยากินิกุที่ดูเรียบง่ายและสะอาดสะอ้าน สามารถมองเห็นวิวสวย ๆ ใจกลางเมืองได้ผ่านกระจกใสบานใหญ่
ในส่วนของยากินิกุนั้นทางร้านการันตีความดีงามด้วยฝีมือการคัดเลือกเนื้อคุณภาพดีของเชฟชาวไทย ที่เลือกมาเฉพาะส่วนที่เหมาะสำหรับการรับประทานแบบปิ้งย่างเท่านั้น โดยจะคำนึงไปถึงปริมาณไขมันที่แทรกซึมเข้ามาในชั้นเนื้อ รสชาติ รสสัมผัส และกลิ่น แนะนำให้ลองเซ็ต Yakiniku (4,090 บาท) ที่ผสมผสานเนื้อวากิวชั้นเลิศเอาไว้ด้วยกันทั้งโกเบ คาโกชิม่า ซากะ โอมิ คารูบิหรือโรสต์ ที่ทางร้านจะสลับสับเปลี่ยนกันมาให้ได้ทานกันทั้งในส่วนของสะโพกและสันใน หมักโดยสูตรเฉพาะของทางร้าน
Sushicyu & Carnival Yakiniku
Eight Thonglor
เปิดทุกวัน เวลา 11.30 - 22.30 น.
โทร. 02-713-8312 หรือ 085-145-1722
www.facebook.com/Sushicyu-Carnival-Yakiniku-8-Thonglor