BKK. ขอชวนสายเนื้อตัวจริงแท็กทีมก๊วนเพื่อนไปเช็คอิน 8 ร้านเนื้อฉ่ำ ๆ ที่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยให้เหล่านักชิมได้อิ่มฟินกับความนุ่มละมุนลิ้นของเนื้อวัวหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบเอเชียและแบบตะวันตก ซึ่งมีให้เลือกทานกันอย่างจุใจ ส่วนจะมีร้านไหนเด็ด ๆ ควรค่าแก่การลิ้มลองบ้างนั้น ตามไปอัพเดตพิกัดล้มวัวพร้อม ๆ กันเลย!
เชื่อเหลือเกินว่าบรรดาคนรักเนื้อต้องอยากแวะมาพิสูจน์ความอร่อยกันที่ MUST MEAT แหล่งพบปะดี ๆ สำหรับนักกินสายเนื้อ โดยร้านนี้ตั้งอยู่ในย่านสีลม ตัวร้านมาพร้อมคอนเซ็ปต์สนุก ๆ ไม่เป็นทางการจนเกินไป โดยเลือกใช้สีสันสดใส ประดับทั่วทุกมุมของร้าน ให้สอดรับกับคอนเซ็ปต์ 'สนามเด็กเล่น' ทางร้านได้มีการสอดแทรกกิมมิกต่าง ๆ ที่สื่อถึงวัตถุดิบต่าง ๆ ที่ใช้ทำอาหารของทางร้านอย่างโคมไฟหลากสีรูปร่างแปลกตา ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเนื้อวัว หากนำมาต่อกันทั้งร้านก็จะประกอบเป็นวัวหนึ่งตัวพอดี
ทางร้านเลือกใช้เนื้อวัวของไทยหรือเนื้อที่มีส่วนผสมของวัวไทยเป็นหลัก ทั้ง Thai-Wagyu, Thai-Angus, Thai-French หรือ Thai-Charolles เพราะเนื้อวัวที่มีคุณภาพนั้น ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูวัวว่าผู้เลี้ยงให้ทานอะไรเป็นหลัก และวัวมีความสุขมากแค่ไหน ทางร้านจึงเลือกติดต่อกับฟาร์มโดยตรง เพื่อควบคุมคุณภาพวัตถุดิบในทุก ๆ จานก่อนเสิร์ฟ ลองชิม Beef Skewer (99 บาท / ไม้) เนื้อเสียบไม้ที่กริลล์กับถ่านไม้สน ให้กลิ่นหอมจากถ่านและมันของเนื้อ ราดด้วย Asian Sauce สูตรพิเศษของทางร้านและโรยหน้าด้วยพาสลีย์
ต่อด้วยไฮไลต์ที่แน่นอนว่าคนรักเนื้อต้องพลาดไม่ได้กับเมนู Ribeye Thai-Wagyu (290 บาท / 100 กรัม) สำหรับจานนี้ทางร้านเลือกใช้ส่วน Ribeye ของ Thai-Wagyu มาเสิร์ฟคู่กับซอสสูตรพิเศษ 3 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น Mango Chili ที่ให้ความหวานนิด ๆ เผ็ดเล็กน้อย, Asian Sauce ซอสรสชาติแบบไทย ๆ ที่ให้ความเข้มข้นจากน้ำสต๊อกเนื้อ และ Chimichurri ซอสยอดฮิตที่มักเสิร์ฟคู่กับเมนูเนื้อย่าง มีลักษณะคล้ายเพสโต้ แต่ให้ความหอมและรสชาติของสมุนไพรที่เด่นชัดกว่า
Must Meat BKK
โครงการบ้านสีลม สีลม 19
เปิด วันอังคาร - อาทิตย์ เวลา 11.00-14.00 น. และ 17.00-23.00 น.
โทร. 06-2916-5155
www.facebook.com/mustmeatbkk
ต่อด้วยอีกหนึ่งร้านเนื้อน้องใหม่ อีกหนึ่งขุมทรัพย์ร้านเนื้อในย่านเอกมัย ที่เหล่าสายเนื้อต้องไม่พลาดมาลิ้มลองจริง ๆ สำหรับ ฉัน - CHUNN ร้านอาหารที่เน้นเสิร์ฟความอร่อยด้วยสารพัดเมนูเนื้อ มาพร้อมกับการตกแต่งในสไตล์ Rustic เน้นของสะสมเท่ ๆ ที่ถูกนำมาตกแต่งร้านให้ได้บรรยากากาศคลาสสิก กับคอนเซ็ปต์ที่ว่า “มาบ้านฉัน มาลองชิมแบบที่ฉันชอบ”
FULL REVIEWมาแล้วแนะนำให้ลองทาน CHUNN Beef Rice Bowl (190 บาท) ข้าวหน้าเนื้อฉ่ำ ๆ ที่เสิร์ฟมาบนข้าวสวยร้อน ๆ โรยหน้าด้วยหอมเจียวแบบไทย ๆ และท็อปด้านบนด้วยไข่ดองซีอิ๊วที่ทานรวมกันแล้วได้รสชาตินุ่มละมุน
และเมนูเอาใจสายเนื้อกับ Strip Loin (450 บาท) จานนี้เป็นสเต๊กเนื้อออสเตรเลียส่วนของ Strip Loin ขนาด 300 กรัม ที่ให้สัมผัสนุ่มชุ่มฉ่ำ หรือจะเป็นในส่วนของ Rib Eye (590 บาท) ที่มีไขมันแทรกมากกว่าเนื้อส่วนอื่น ๆ ทำให้รสสัมผัสที่นุ่มละมุนลิ้น ก่อนจะนำหมักเข้ากับเครื่องปรุงสูตรพิเศษของทางร้าน ย่างมาแบบ Medium Rare เคียงด้วยมะเขือเทศย่าง พร้อมเสิร์ฟมากับซอสจิ้มแจ่วและ Béarnaise ที่ออกรสเปรี้ยวปนเค็มนิด ๆ ช่วยตัดเลี่ยนได้เป็นอย่างดี
CHUNN
ซอยสุขุมวิท 61
เปิดทุกวัน เวลา 17.00-23.00 น., วันเสาร์ เวลา 11.30-14.30 และ 17.00-23.00 น., วันอาทิตย์ เวลา 11.00-23.00 น.
โทร. 08-4666-4422
www.facebook.com/chunn.bkk
ต่อด้วยการชวนทุกคนลัดเลาะไปในซอยเจริญกรุง 45 ซอยเล็ก ๆ ฝั่งตรงข้ามกับไปรษณีย์กลางบางรัก เพื่อไปพบกับร้าน วัวทองโภชนา ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อสูตรชิงเต่าที่โดดเด่นด้วยสูตรเฉพาะและรสชาติตามแบบต้นตำรับของชิงเต่า ที่เพียงแค่เดินผ่านก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของสไตล์จีนสุดคลาสสิกที่ผสมผสานเข้ากับความทันสมัย ในแบบ Modern Chinese ได้แบบลงตัว
เมนูแรกที่ถูกแนะนำคือ ก๋วยเตี๋ยวแห้งเนื้อวัวทองโภชนา เส้นเมี่ยน (125 บาท) ก๋วยเตี๋ยวแห้งแบบชิงเต่า ความพิเศษอยู่ที่ทางร้านเลือกใช้เนื้อถึง 3 ส่วน ได้แก่ เนื้อใบพาย เนื้อสไลซ์ และเนื้อส่วนของแก้มวัวตุ๋น เสิร์ฟมาแบบก๋วยเตี๋ยวแห้งพร้อมเส้นเมี่ยน ซึ่งเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวแบบจีนโบราณ ท็อปด้านบนด้วยเต้าหู้ที่ขึ้นชื่อของทางร้าน
อีกเมนูคือ เกาเหลาเนื้อวัวทองโภชนา (150 บาท) เมนูเกาเหลาเนื้อวัวตุ๋นในน้ำซุปร้อน ๆ ที่หอมอบอวลไปด้วยกลิ่นเครื่องเทศ สมุนไพรจีนจากชิงเต่า หรือจะเป็น เนื้อตุ๋นวัวทองโภชนา (145 บาท) เนื้อวัวส่วนของร่องซี่โครงที่ตุ๋นมากับเครื่องเทศจนเปื่อยนุ่ม เสิร์ฟมาแบบเน้น ๆ พร้อมน้ำจิ้มรสจัดจ้านแบบไทย ๆ ที่มีส่วนประกอบของกระเทียม พริกขี้หนู และมะนาว รับรองว่าถูกใจคนชอบทานเนื้อแน่นอน
วัวทองโภชนา
ซอยเจริญกรุง 45
เปิดทุกวัน เวลา 11.00 - 22.00 น.
โทร. 09-7260-5305
www.facebook.com/wuatongpochana
จากร้าน Smoke House ชื่อ February & Sons กลายมาเป็น Mahasan Burnt & Bowl แหล่งขุมทรัพย์ของคนชอบทานเนื้อวัวเป็นพิเศษ จากการที่คุณแบงค์-เจ้าของร้าน เข้ามาปรับปรุงตัวอาคารให้กลายมาเป็นร้านเนื้อเล็ก ๆ แต่อบอวลไปด้วยความอบอุ่นกันเอง พร้อมที่ให้คุณได้ลองชิมเนื้อวัวหลากหลายรูปแบบกับเมนูที่คุณแบงค์ ได้ครีเอทมาให้เข้ากับรสชาติในแบบที่คนไทยชื่นชอบ
FULL REVIEWแนะนำให้สั่งจานขายดีอย่าง ข้าวหน้าเนื้อพิคาน่า (295 บาท) มาลองทาน โดยทางร้านเสิร์ฟเนื้อพิคาน่าฉ่ำ ๆ ย่างบนเตาถ่านร้อน ๆ จานนี้ย่างมาแบบ Meduim Rare แล้วท็อปลงบนข้าวหอมมะลินุ่ม ๆ โรยด้วยหอมเจียวกรอบ ๆ และไข่ดิบแบบญี่ปุ่น จานนี้เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำปลาพริกให้ทานคู่กัน
ส่วนจานไฮไลต์สำหรับคนชอบทานเนื้อ ต้องสั่ง สเต๊กทีโบน (580 บาท) เนื้อส่วนของทีโบนที่ผ่านการกริลล์บนเตาพร้อมกลิ่นสโมคหอม ๆ จากถ่านไม้ที่แทรกซึมลงไปในตัวเนื้อ จานนี้เลือกระดับความสุกได้เอง เสิร์ฟมาแบบเป็นชิ้นพอดีคำ พร้อมกับสลัดผักเคียงและน้ำจิ้มแจ่ว ใครชอบรสชาติหวาน ๆ และความฉ่ำของเนื้อต้องไม่พลาดจานนี้
Mahasan Burnt & Bowl
1843 ถนนเจริญกรุง
เปิด วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00- 23.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00 - 23.00 น.
โทร. 06-3406-5566
www.facebook.com/mahasanmeatyou
ถ้าความสุขของคุณคือการได้ทานเนื้ออร่อย ๆ ขอแนะนำร้านเล็ก ๆ บรรยากาศอบอุ่นในซอยสุขุมวิท 31 อย่าง THAAN Charcoal Cooking ที่เสิร์ฟเนื้อวัวคุณภาพดี ย่างสดใหม่ให้เหล่าคนรักเนื้อวัวได้สัมผัสความอร่อย ที่นี่โดดเด่นในเรื่องของเนื้อวัวที่คัดคุณภาพมาแล้วเป็นอย่างดี สับเปลี่ยนมาให้ชิมกันอย่างหลากหลาย ทั้งเนื้อวัวฮิมาวาริของประเทศไทย เนื้อวากิวของญี่ปุ่น รวมถึงเนื้อวัวออสเตรเลีย
FULL REVIEWลองชิม A4 Beef Sukiyaki, Soy Sauce Cured Egg Yolk (480 บาท) เนื้อวากิวเกรด A4 ที่สไลซ์จนบาง ผ่านการเบิร์น มาในระดับพอดี ท็อปด้านบนด้วยไข่แดงดองซีอิ๊ว ให้รสนุ่มละมุนลิ้น
ปิดท้ายด้วยจานหลักอย่าง OH MY SUPPER!!! (1,350 บาท) ข้าวผัดเนื้อไซส์ s ที่ไม่เล็กตามชื่อไซส์ ข้าวสวยที่ถูกผัดเข้ากับส่วนมันของเนื้อ คล้าย ๆ กับข้าวผัดเนื้อแดดเดียว ท็อปด้านบนด้วย Angus Steak เต็ม ๆ คำ และเพิ่มกิมมิกด้วยการโรย Black Truffle ที่มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพิ่มมูลค่าและความพิเศษให้ข้าวผัดเนื้อจานนี้ได้เป็นอย่างดี ทางร้านยังเสิร์ฟมาคู่กับพริกกระเทียมและเลม่อน เอาใจคนชอบรสชาติแบบไทย ๆ อีกด้วย
THAAN Charcoal Cooking
ซอยสุขุมวิท 31
เปิด วันจันทร์-เสาร์ เวลา 17.30-22.30 น.
โทร. 08-6303-1211
www.facebook.com/thaan31bangkok
Fat Beef Meat Lab อีกหนึ่งร้านสุด Hidden บนชั้นสองของโครงการ De For Rest ย่านถนนนางลิ้นจี่ กับบรรยากาศดี ๆ บน Rooftop ให้ความรู้สึกร่มรื่นใต้เงาต้นไม้ใหญ่ที่ปกคลุมอยู่ด้านบน ทำให้ที่นี่พิเศษกว่าที่อื่นภายใต้คอนเซ็ปต์ "Backyard Grill" ให้ได้ชวนกันมาอิ่มอร่อยกับอาหารคุณภาพดีในบรรยากาศสบาย ๆ กับกลุ่มเพื่อนและครอบครัว
สำหรับจานแรกแนะนำ Sweet Honey Marinated Australian Angus Tomahawk (1,890 บาท) เนื้อวัวออสเตรเลียสายพันธุ์แองกัสส่วนโทมาฮอว์ค หรือซี่โครงติดกระดูกส่วนที่ใหญ่ที่สุดของเนื้อวัว ที่เชฟจะย่างมาให้ ก่อนจะจัดวางลงบน Crystal Plate เพื่อคลุกเคล้ากับเนยอีกครั้ง โดยทางร้านจะทำมาให้ในระดับความสุก Rare และให้เราสามารถมาตั้งเตาปิ้งต่อ ตามความสุกที่เราต้องการได้ แต่แนะนำให้ทานแบบ Rare เพราะเนื้อจะมีความนุ่มที่พอดี
ถัดมาเป็น Harima Wagyu A4 (1,150 บาท) เนื้อลายหินอ่อนส่งตรงจากญี่ปุ่น เนื้อละมุนนุ่มลิ้นเป็นที่สุด เหมาะกับการปิ้งบน Crystal Plate หวานฉ่ำ แนะนำให้ทานกับเกลือและพริกไทยจะได้สัมผัสกับความอร่อยของเนื้ออย่างสมบูรณ์แบบ จานนี้สามารถสั่งเครื่องเคียงแน่น ๆ
Fat Beef Meat Lab
ชั้น 2 โครงการ De For Rest ถนนนางลิ้นจี่
เปิด วันจันทร์-เสาร์ เวลา 17.00-24.00 น. และวันอาทิตย์ เวลา 16.00-23.00 น.
โทร. 08-4666-2120
www.facebook.com/FatBeef
ใครหลายคนอาจจะเคยได้ยินถึงความโด่งดังของข้าวหน้าเนื้อที่ร้าน Tora Tora Japanese Kitchen ร้านเนื้อดี ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในประดิพัทธิ์ซอย 6 นำเสนอความฟิวชันระหว่างอาหารยุโรปและอาหารญี่ปุ่น ที่ถูกครีเอทออกมาเป็นเมนูรสชาติดีให้ได้แวะมาลิ้มลองกัน เมนูอาหารของที่นี่ครีเอทโดยฝีมือของเจ้าของร้านที่พ่วงตำแหน่งเชฟ Le cordon bleu จากประเทศออสเตรเลีย ที่อยากจะสร้างสรรค์เมนูฟิวชัน
เริ่มต้นกันที่เมนูอันเลื่องชื่อในโลกโซเชียล อย่าง Steak Don (299 บาท) ที่ทางร้านนำเนื้อไทยคุณภาพดี ผัดกับเนยและน้ำมันมะกอกช่วยเพิ่มกลิ่นหอมให้กับเนื้อ จากนั้นนำไปท็อปบนข้าวญี่ปุ่นร้อน ๆ และไข่ออนเซ็น แนะนำให้สั่งซุปมิโสะมาทานคู่กันจะช่วยเพิ่มความอร่อยได้ดียิ่งขึ้น
จานถัดมาเป็นข้าวผัดรสชาติดีน่าลิ้มลอง Beef Chahan Don (299 บาท) ข้าวญี่ปุ่นผัดกระเทียมคลุกเคล้ากับกระเทียมทอดกรอบและเนื้อไทยคุณภาพดีหั่นเต๋า
Tora Tora Japanese Kitchen
ประดิพัทธิ์ 6
เปิด วันอาทิตย์-ศุกร์ เวลา 12.00-14.00 น. และ 17.00-22.00 น.
โทร. 06-4772-3787
www.facebook.com/ToratoraJapaneseKitchen
Nikkuu Grill ร้านที่คนรักเนื้อไม่ควรพลาด กับหลากหลายเมนูที่เน้นเสิร์ฟเนื้อคุณภาพดี โดยเฉพาะเมนูสเต๊กที่ใช้เนื้อวากิวชั้นดีจากเมืองมิยาซากิ ใช้วิธีการย่างด้วยถ่านกับไม้ฟืนที่ให้กลิ่นหอมกว่าการทำสเต๊กทั่วไป นอกจากเนื้อแล้ว ที่นี่ยังให้ความสำคัญและพิถีพิถันในการคัดสรรวัตถุดิบทุกชนิด รวมถึงมีเมนูพาสต้าและสลัดที่ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงและวัตถุดิบจากธรรมชาติ ไม่ใช้ผงชูรส ซึ่งทั้งตัวซอสและน้ำสลัดล้วนเป็นสูตรโฮมเมด ผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดี
แนะนำ Seasonal Menu อย่าง Premium WAGYU Miyazaki Rosu with Oyster topped salmon roe DONABE Rizotto Style Earthen Pot Japan (1,280 บาท) หรือริซอตโต้หุงหม้อดินสไตล์ญี่ปุ่นที่ใช้ข้าวพันธุ์โคชิฮิคาริและฮานาเอะจิเซ็นซึ่งผลิตในจังหวัดฟูกูอิ สำหรับเมนูนี้เป็นการรวมวัตถุดิบที่อร่อยที่สุดในฤดูกาล อย่างเนื้อวากิวชั้นดี หอยนางรม และไข่ปลาแซลมอนมาไว้ในหม้อเดียว
อีกเมนูแนะนำคือ KAGOSHIMA Tokujyo Karubi YUKKE (490 บาท) ยุกเกะที่ร้านใช้เนื้อวากิวชั้นดีจากจังหวัดคาโกชิมะที่สดใหม่และมีไขมันกำลังดี ไร้กลิ่นคาวและนุ่มละลายในปาก จานนี้เชฟนำเนื้อมาผ่านความร้อนเพียงเล็กน้อยให้สุกแค่ระดับแรร์ จากนั้นนำมาปรุงรสแล้วเสิร์ฟพร้อมน้ำมันเห็ดทรัฟเฟิล ซอสมะเขือเทศสูตรโฮมเมด งาบดกับสมุนไพร เจลลี่น้ำซุปปลา ปิดท้ายด้วยการวางไข่แดง (ออร์แกนิกสดใหม่ ทานดิบได้) ไว้ด้านบน เวลาทานควรคลุกเคล้าให้เข้ากันก่อนจะให้รสชาติที่ลงตัว
Nikkuu Grill
43 ซอยสุขุมวิท 55
เปิดทุกวัน เวลา 17.30-24.00 น.
โทร. 0-2714-2151
www.facebook.com/NikkuuGrill