พาชม 5 โซนย่อยเปิดใหม่ของ Bo.lan ที่พร้อมต้อนรับทุกคนให้อิ่มอร่อย พร้อมช้อปปิ้งแบบรักษ์โลก

Published on September 28, 2020

สำหรับใครที่ติดตามวงการอาหารไทย คงเคยได้ยินชื่อของ Bo.lan มาบ้าง ซึ่งนอกจากทางร้านจะคว้าดาวมิชลินมาได้แล้ว Bo.lan ยังขึ้นชื่อในเรื่องของการเป็นร้านอาหารที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นหลักและยังสนับสนุนเกษตรกรไทยอีกด้วย โดยทั้ง เชฟโบ-ดวงพร ทรงวิศวะ และ เชฟดีแลน โจนส์ เจ้าของร้าน ได้ส่งต่อเจตนารมณ์เพื่อลดการรบกวนต่อสิ่งแวดล้อมผ่านหลากหลายโครงการไม่ว่าจะเป็น 'โครงการขยะจบที่เรา' ที่ร่วมมือกับร้านอาหารต่าง ๆ และ Etna Glass เพื่อนำขวดแก้วเหลือใช้มาผลิตเป็นเหยือกน้ำและนำกลับไปใช้งานต่ออีกครั้ง หรือจะเป็นโครงการสนับสนุนเหล่าเกษตรไทยที่เพาะปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ เป็นต้น 

จากช่วงสถานการณ์ Covid-19 ที่ผ่านมาทางร้าน Bo.lan ก็ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบร้านใหม่ โดยใช้พื้นที่ของร้านเดิมในซอยสุขุมวิท 53 ให้กลายมาเป็นคอมมูนิตี้สเปซ ที่รวบรวมทั้งร้านอาหาร บาร์ และมุมช้อปปิ้งจากหลากหลายพาร์ทเนอร์ ที่มีวิสัยทัศน์รักษ์สิ่งแวดล้อมและสนับสนุนสินค้าท้องถิ่นไทยมาไว้ด้วยกัน โดยแบ่งออกเป็น 5 โซนย่อย ดังนี้

 

ทางเข้าร้าน

 

บริเวณสวนของโบ.ลานที่ถูกดูแลตามหลัก Permaculture

1. Wasteland

เริ่มจากโซนแรกที่อยู่ด้านหน้าสุดกับ Wasteland บาร์เท่ ๆ ที่มาพร้อมความตั้งใจที่จะนำวัตถุดิบเหลือใช้จากครัวของ Bo.lan มาครีเอตเป็นเมนูเครื่องดื่มต่าง ๆ ภายใต้คอนเซ็ปต์ 'Community Sipping Space' ที่เปิดให้ได้มานั่งจิบเครื่องดื่มในบรรยากาศชิลล์ ๆ พร้อมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน โดยที่นี่ได้ คุณกอล์ฟ-กิติบดี ช่อทับทิม, ฝาเบียร์-สุชาดา โสภาจารี และ โจอี้-กฤษฏ์ ประกอบดี เหล่าบาร์เทนเดอร์มากฝีมือมาครีเอตเมนูให้

 

บรรยากาศภายใน Wasteland

 

มุมที่นั่งหน้าบาร์ของ Wasteland

ทางร้านแบ่งเมนูออกเป็นเมนูในหมวด Finger Print หรือเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน ซึ่งมีเมนูแนะนำอย่าง ลุงบุญมี (350 บาท) เครื่องดื่มที่บสด้วยไวน์ขาว, สุราพื้นบ้าน เพิ่มด้วยเนียมหอม, คาโมมายล์ และโกฐจุฬา ต่อด้วยเมนูในหมวด Classical Waste ที่ทางร้านนำเมนูคลาสสิกค็อกเทลมาปรับสูตรใหม่ ทางร้านแนะนำ Widori Sour (390 บาท) โดยนำคลาสสิกค็อกเทลที่สาว ๆ ชอบมาปรับใหม่ เบสด้วย Midori, Lime peel essence cordial, Absinthe และโซดา

 

ลุงบุญมี (Wasteland)

 

Widori Sour (Wasteland)

นอกจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้ว ทางร้านยังมีเครื่องดื่มแบบ Non-Alcholic ให้เลือกสั่งด้วย ลองเมนูในหมวด Brew & Steep ที่ทางร้านเบลนด์ชาเองจากวัตถุดิบเหลือใช้ในครัว และยังมีเมนู Teatail หรือการนำชามาครีเอตเป็นเมนู Mocktail ให้เลือกสั่งด้วย แนะนำ Teatail ชาก้านโหระพา (180 บาท) เสิร์ฟมาเย็น ๆ เพิ่มความหอมด้วยใบเตย หรือจะเป็น ชาก้านโหระพาร้อน (180  บาท / กา) ชาร้อนกลิ่นหอม เหมาะกับดื่มในวันอากาศเย็น
 

Teatail (Wasteland)

 

ชาก้านโหระพา (Wasteland)

2. Err Urban Rustic Thai

ย้ายจากสาขาเดิมที่ท่าเตียน มาเปิดพื้นที่ร้านร่วมกับที่นี่ด้วย สำหรับ Err Urban Rustic Thai ร้านอาหารไทยแท้รสชาติจัดจ้าน ที่มาพร้อมหลากหลายเมนูอาหารไทยทานง่ายสำหรับคนเมือง พร้อมเสิร์ฟความอร่อยให้ทุกคนได้ทานกันในบรรยากาศสบาย ๆ เต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้และของตกแต่งกระจุกกระจิก ที่สื่อถึงบรรยากาศของเมืองไทยสมัยก่อน ไม่ว่าจะเป็นปิ่นโตหรือตะกร้าสาน เป็นต้น 

 

โซน Err Urban Rustic Thai

 

มีเมนูยอดนิยมอย่าง จิ้นส้มหมูเมือง (220 บาท) แหนมหมูที่ทางร้านหมักจนได้รสเปรี้ยวที่พอดี ทานคู่กับผักสดหลากชนิด หรือจะเป็นเมนูคลาสสิก ผัดกะเพราเนื้อ (380 บาท) เนื้อวัวชั้นดีที่นำมาสับและผัดกับใบกะเพรา พริกกระเทียม โดยไม่ใส่ผักอื่น ๆ มากวนใจ เสิร์ฟคู่กับไข่ดาวทอดกรอบ รสชาติของผัดกะเพรานั้นเข้มข้น เหมาะทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ 

อีกหนึ่งเมนูแนะนำ แกงคั่วซี่โครงหมูใต้ (395 บาท) พริกแกงใต้รสจัดจ้านที่ทางร้านตำเอง ต้มกับซี่โครงหมูชิ้นใหญ่ที่ต้มมาจนได้เนื้อนุ่มและยอดมะพร้าวอ่อน เพิ่มรสด้วยกะทิคั้นสดใหม่ ทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ ให้รสชาติที่ลงตัว

 

จิ้นส้มหมูเมือง (Err Urban Rustic Thai)

 

ผัดกะเพราเนื้อ (Err Urban Rustic Thai)

 

แกงคั่วซี่โครงหมูใต้ (Err Urban Rustic Thai)

3. Bo.lan

มาถึง Bo.lan โซนร้านอาหารไทยไฟน์ไดน์นิ่งที่จริงจังมากขึ้น การันตีความอร่อยด้วยการคว้าดาวมิชลิน 1 ดวงมาครอง เป็นร้านอาหารไทยยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องจองล่วงหน้าเป็นเวลานาน และในครั้งนี้ทางร้านก็ได้เปิดต้อนรับทุกคนให้มานั่งทานอาหารไทยที่ทำจากวัตถุดิบท้องถิ่นไทย พร้อมเสิร์ฟความอร่อยในห้องที่ล้อมด้วยบานประตูกระจกใส เปิดรับแสงธรรมชาติเข้ามา บนผนังประดับด้วยรูปวาดที่บอกเล่าเรื่องราวบรรยากาศตลาดอาหารไทย สำหรับอาหารทางร้านจะเน้นเสิร์ฟแบบเป็นคอร์ส โดยแบ่งเป็นช่วงกลางวัน ตั้งแต่เวลา 12.00-14.00 น. ทุกวันพฤหัสบดี-อาทิตย์ และช่วงเย็น ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ทุกวันพุธ-เสาร์
 

มุมที่นั่งของ Bo.lan

 

มุมที่นั่งของ Bo.lan

"ถ้าเราเลือกกินอาหารที่ดีสำหรับเรา ดีสำหรับเกษตรกร ดีสำหรับสิ่งแวดล้อม เราจะเปลี่ยน Climate Change ได้ อยากให้ทุกคนเลือกเองว่าเราจะเลือกกินอย่างไร" - เชฟดีแลน, 2020, Bo.lan


Bo.lan เน้นย้ำเรื่องที่มาของวัตถุดิบที่นำมาประกอบอาหารว่าจะต้องเป็นวัตถุดิบจากท้องถิ่นไทยเท่านั้น และยังสามารถสอบถามแหล่งที่มาของวัตถุดิบแต่ละชนิดได้ด้วย สำหรับใครที่แวะมาทานอาหารที่นี่ ทางร้านจะเสิร์ฟเมนู Amuse Bouche ก่อน เพื่อให้ทานเรียกน้ำย่อย ซึ่งทางร้านจะมีการเปลี่ยนเมนูไปเรื่อย ๆ

ส่วนเมนูจานหลัก ทางร้านแนะนำ ขนมจีนน้ำเงี้ยว รสชาติเข้มข้นและเต็มไปด้วยท็อปปิ้งหลากหลายชนิด ได้รสชาติถึงเครื่อง

 

Amuse Bouche (Bo.lan)

 

Amuse Bouche (Bo.lan)

 

ขนมจีนน้ำเงี้ยว (Bo.lan)

4. Must Wine Bar

อีกหนึ่งพาร์ทเนอร์ที่ร่วมแชร์ความตั้งใจดี ๆ ในการรักษ์สิ่งแวดล้อมก็คือ Must Wine Bar ไวน์บาร์ที่พร้อมให้เลือกช้อปเพื่อเปิดดื่มภายในร้านและติดไม้ติดมือกลับบ้าน โดยนำเข้าไวน์ที่ไม่ใช้สารเคมีในการผลิตจากหลากหลายประเทศทั่วโลกมาวางขายที่นี่ นอกจากนี้ ขวดไวน์ที่เหลือยังถูกนำไปรีไซเคิลและครีเอตเป็นเหยือกน้ำ เพื่อนำมางานใช้ต่ออีกด้วย

 

โซน Must Wine Bar

5. Bo.lan Grocer

ปิดท้ายด้วยโซน Bo.lan Grocer มุมช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จากผู้ผลิตของไทย มีให้เลือกซื้อตั้งแต่ช็อกโกแลต, น้ำตาล, น้ำปลา ไปจนถึงของฝากที่ระลึก ทั้งหมดถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี สามารถสอบถามกับทางร้านและช้อปกลับไปฝากที่บ้านได้เลย
 

โซน Bo.lan Grocer

และนอกจากทั้ง 5 โซนนี้แล้ว ทางเชฟโบและเชฟดีแลน ยังมีโครงการและอีเวนต์ดี ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบริการผูกปิ่นโต หรืออีเวนต์พิเศษในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ สำหรับใครที่สนใจอยากแวะมาที่นี่ ไม่ว่าจะมาทานอาหารหรือซื้อของ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/BolanBangkok หรือโทร. 0-2260-2962


Bo.lan, Wasteland, Err Urban Rustic Thai, Must Wine Bar และ Bo.lan Grocer
ซอย 24 สุขุมวิท 53 (ซอยไปดี มาดี)
โทร. 0-2260-2962
www.facebook.com/BolanBangkok