เริ่มต้นกันที่ร้าน June in October ปรับเปลี่ยนจากร้านขนมออนไลน์สู่หน้าร้านขนมสไตล์ลอฟท์ในโครงการ Le Ja Din ตัวร้านแบ่งออกเป็นสองโซนสามารถนั่งตากแอร์เย็น ๆ ที่ด้านใน หรือจะนั่งรับลมธรรมชาติที่สวนด้านนอกก็ทำได้ โดยตัวร้านนั้นเน้นเสิร์ฟเบเกอรีโฮมเมดที่ทำจากฝีมือคุณจูนเจ้าของร้านเองทั้งหมด ดังนั้นขนมแต่ละชนิดจึงมีความเป็นเอกลักษณ์ของร้านเองอยู่ในทุก ๆ เมนู
นอกจากทุกเมนูของที่นี่จะเสิร์ฟเบเกอรีที่ผ่านกรรมวิธีแบบโฮมเมดเป็นหลักแล้ว วัตถุดิบที่เลือกใช้ทำนั้นต่างคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดีมาสร้างสรรค์เป็นขนมรสชาติสุดพิเศษมาให้ได้ลิ้มลองกัน
เริ่มต้นกันที่เมนูสำหรับคนที่ไม่ชอบรสหวานจนเกินไปอย่าง Lemon Meringue (135 บาท) เคิร์กเลมอนที่ให้รสเปรี้ยวนิด ๆ หอมกลิ่นเลมอนอ่อน ๆ ในทาร์ตที่ทางร้านอบให้อยู่ในระดับที่กรอบแบบกำลังพอดี ท็อปด้านบนด้วยเมอแรงก์เบิร์นไฟที่ให้รสชาติหวานตัดกับตัวเคิร์ก ตักทานพร้อมกันให้รสชาติที่เข้ากันเป็นอย่างดี แนะนำให้สั่งคู่กับ My Sunshine (75 บาท) เครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของทางร้านที่นำชาไปเบลนด์กับผลไม้อย่างส้มและพีช
หรือจะลอง Banoffee (135 บาท) ที่ทางร้านเลือกใช้ช็อกโกแลตกานาจคุณภาพดีนำเข้าจากต่างประเทศมาเป็นส่วนผสม สอดไส้ด้านในด้วยคาราเมลโฮมเมดและท็อปด้านบนด้วยครีมสดเนื้อเนียนนุ่ม โรยผงช็อกโกแลตเพิ่มความอร่อย แนะนำให้สั่งคู่กับ Rose Milk Tea (80 บาท) เครื่องดื่มที่ให้รสชาตินุ่ม ๆ ของนมผสมผสานกับความหอมของกลิ่นกุหลาบ
ปิดท้ายกันด้วย Maccademia Cheesecake (135 บาท) ชีสเค้กเนื้อเนียนนุ่ม ราดซอสคาราเมลโฮมเมดและท็อปด้านบนด้วยแมคคาเดเมียกรุบกรอบ แนะนำให้สั่งคู่กับ Earl Grey (120 บาท/กา) ชาเอิร์ลเกรย์ร้อนเสิร์ฟแบบกา มาพร้อมกับเลมอนช็อตเบสและวานิลลาไซรัป
June In October
โครงการ Le Ja Din ถนนแจ้งวัฒนะ-ประชาชื่น (เลียบคลองประปา)
เปิดทุกวัน 11.00 - 20.00 น.
www.facebook.com/JuneInOctoberBkk
The Collector’s Cafe คาเฟ่กึ่งร้านขายของเล่นในย่านถนนแจ้งวัฒนะ ชวนย้อนวัยหวานไปพบกับของเล่นมากมาย ในพื้นที่ดี ๆ ที่เหล่านักสะสมไม่ควรพลาด ตัวร้านมาในคอนเซ็ปต์ห้องสะสมที่รวบรวมของเล่นไว้หลากหลายสไตล์เพื่อตอบสนองความชอบที่ต่างกันออกไป
เมื่อก้าวเข้ามาในบริเวณร้านจะพบกับความน่ารักมากมายตั้งแต่เริ่ม ทั้งโซนเอาท์ดอร์ที่โดดเด่นด้วยกำแพงเพนท์ลายตัวการ์ตูนน่ารัก ตัดกับสีเขียวสดใสของสนามหญ้า และภายในโซนห้องแอร์ ที่เต็มไปด้วยของเล่นและของสะสมมากมายให้ผู้ที่สนใจสามารถมาศึกษาและสัมผัสของจริงก่อนตัดสินใจซื้อ รวมไปถึงความน่ารักระดับบอสของเจ้าของร้านตัวจริงอย่างโพรฟิท สุนัขพันธุ์เฟรนช์ บลูด็อก ที่จะคอยอยู่ต้อนรับลูกค้าที่ผ่านไปผ่านมาในทุก ๆ วัน
ต้องเกริ่นก่อนว่าตัวร้านนั้นพัฒนาคอนเซ็ปต์และเมนูต่าง ๆ มาจากร้านไอศกรีม Cups & Cones ซึ่งยังคงเมนูของหวานจากร้านเดิมไว้และพัฒนาในส่วนของเครื่องดื่มและเมนูอาหารขึ้นมาให้หลากหลายตอบโจทก์ลูกค้าที่ต้องกลายแวะมาแล้วอยู่จนจบมื้อ ได้ทั้งของคาวและของหวานภายในร้านเดียว
เริ่มต้นกันที่อาหารจานหลักอย่าง ข้าวสันคอหมูและไข่ออนเซ็น (168 บาท) โดยทางร้านเลือกใช้สันคอหมูคุณภาพดีถึง 200 กรัม คลุกเคล้ากับซอสสูตรพิเศษของทางร้านก่อนจะนำไปอบจนได้ที่ จากนั้นนำมาเสิร์ฟบนข้าวสวยร้อน ๆ และท็อปด้านบนด้วยไข่ออนเซ็น โรยด้วยออริกาโน่ช่วยให้กลิ่นหอมและน่าทานยิ่งขึ้น สามารถสั่งคู่กับ Summer Paradise Tea (80 บาท) ชาผลไม้ดี ๆ ที่จะช่วยให้สดชื่นได้ดียิ่งขึ้น ด้วยส่วนผสมดี ๆ อย่างพีช สตรอเบอร์รีและมะนาว
เมื่ออิ่มท้องกับอาหารคาวกันแล้ว ต่อกันที่เมนูขนมหวานสุดพิเศษอย่าง Waffle Strawberry & Banana (198 บาท) แป้งวาฟเฟิลโฮมเมดสูตรพิเศษของทางร้านที่สามารถเลือกรสของแป้งได้ทั้งแบบออริจินัล ชาร์โคล ช็อกโกแลตและมัทฉะกรีนที อบร้อน ๆ ราดด้วยซอสสตรอเบอร์รีและสตรอเบอร์รีสด เสิร์ฟคู่กับไอศกรีมที่สามารถเลือกรสชาติเองได้และวิปครีมเนื้อเนียนนุ่ม สามารถสั่งคู่กับ Caramel Macchiato (70 บาท) เมนูกาแฟมัคคิอาโต้ผสมผสานกับคาราเมล ทำให้ได้รสหวานและหอมจากตัวคาราเมล
ปิดท้ายกันด้วยการจับคู่กันของ Pancake Vanilla Peach (198 บาท) แป้งแพนเค้กแบบโฮมเมด เสิร์ฟมาพร้อมกับพีชสด ไอศกรีมที่สามารถเลือกรสได้ และวิปครีม โรยไอซิ่งเพื่อเติมความหวาน แนะนำให้สั่งคู่กับเครื่องดื่มแก้วพิเศษอย่าง 7th Heaven (75 บาท) ช็อกโกแลตเข้มข้นผสมผสานกับมินท์ไซรัป เสิร์ฟแบบแยกชั้นกันมาทำให้ได้เครื่องดื่มสีสวย ทั้งน่าดื่มและน่าถ่ายรูป
The Collector’s Cafe
หมู่บ้านสหกรณ์การบินไทย
เปิดทุกวัน (ปิดวันพุธ) เวลา 10.00 - 19.00 น.
โทร. 090-649-4564
www.facebook.com/collectorscafeth
พาไปสัมผัสอีกมุมหนึ่งของถนนแจ้งวัฒนะกับร้าน Tea Time’s The Charm คาเฟ่สุดเก๋ที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยแจ้งวัฒนะ 19 เยื้องกับเซ็นทรัล พลาซา แจ้งวัฒนะ ที่มาในคอนเซ็ปต์สบาย ๆ แต่ดูน่าค้นหา โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ดึงเรื่องราวของเวทย์มนตร์มาเป็นจุดเด่น
ภายในร้านโดดเด่นด้วยผนังสีดำขนาดใหญ่ที่ประดับประดาไปด้วยนาฬิกามากมาย โดยทั้งหมดถูกตั้งไว้เป็นเวลาตีสามเหมือนกัน ซึ่งคอนเซ็ปต์เหล่านี้มาจากคำว่า Third Time’s The Charm ที่หมายถึงการขอพรครั้งที่สาม มักจะสำเร็จเสมอ
สำหรับใครที่ผ่านไปผ่านมาสามารถเลือกจับจองมุมสงบได้ทั้งที่โซฟาชั้นล่าง เคาน์เตอร์บาร์ โซนชั้นสอง หรือเรือนกระจก ในบริเวณร้านนอกจากนาฬิกาหลากหลายเรือนที่โดดเด่นอยู่บนผนัง ยังมีมุมสินค้าแฮนด์เมดและงานคราฟท์น่ารัก ๆ รวมไปถึงชุดน้ำชาลวดลายสวยงามที่รอให้คนรักงานฝีมือมาเป็นเจ้าของ
ในส่วนของเมนูเครื่องดื่ม แน่นอนว่าเด่นชัดมาตั้งแต่ชื่อร้านว่าจะต้องเป็นร้านสำหรับสายดื่มชาอย่างแน่นอน ซึ่งที่นี่นำเสนอชาอังกฤษนำเข้าหลากหลายชนิดจากแบรนด์ Fortnum & Mason รวมไปถึงชาเบลนด์ในแบบของทางร้านเอง เริ่มต้นกันที่เมนูแรก Light Tea Set (340 บาท) เซ็ตชาเบลนด์สำหรับ 1 - 2 ท่าน Black Tea ที่มาพร้อมกับขนมให้ทานคู่กัน มีทั้งมาการองรสส้มและกุหลาบ สโคนสามารถเลือกได้ 2 ชิ้น มีทั้งรส Butter Milk , Cheddar Chesses และ Rum Resin เสิร์ฟคู่กับแยมสตรอเบอร์รีและคลอตเทตครีม และแซนด์วิชสามารถเลือกได้ระหว่างแซนด์วิชทูน่ากับแซนด์วิชแฮมชีส โดยทั้งหมดในเซ็ตจะคละกันไปในทุก ๆ วัน
ต่อกันที่เมนูชาเย็นที่จะช่วยให้สดชื่นขึ้นในวันที่แดดร้อนจัดหรือรถติดทำให้หงุดหงิดตลอดวันอย่าง Sunflower Breeze (135 บาท) ทางร้านคัดสรรชาอังกฤษคุณภาพดีมาเบลนด์กับผลไม้สด ทำให้ได้รสชาติของชาเข้มข้นหอมกลิ่นผลไม้อ่อน ๆ
ปิดท้ายกันด้วย ข้าวหมูอบ (115 บาท) เมนูอาหารจานเดียวน่าลิ้มลอง ที่ทางร้านเลือกใช้ข้าวหอมมะลิร้อน ๆ ท็อปด้านบนด้วยหมูอบซอสสูตรเฉพาะของทางร้าน
Tea Time’s The Charm
ซอยแจ้งวัฒนะ 19
เปิดทุกวัน (ปิดวันพุธ) เวลา 09.00 - 18.00 น.
โทร. 02-962-2349
www.facebook.com/teatimedthecharm
Butter Up Cafe สร้างสรรค์หลากหลายเมนูนมและขนมปังพร้อมเสิร์ฟในบรรยากาศบ้านหลังน้อยสุดเก๋ที่มาพร้อมกลาสเฮ้าส์สุดคูล ที่จะให้มานั่งชิลล์กันได้ทั้งวัน และด้วยพื้นฐานของเจ้าของร้านที่ไม่ใช่คนที่ถนัดดื่มกาแฟ จึงเลือกนำสิ่งที่ตัวเองชอบมาเป็นจุดเด่นและซิกเนเจอร์ โดยเลือกใช้นมเป็นวัตถุดิบหลัก ซึ่งแต่ละเมนูนั้นนำเสนอความเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน
โดยแต่ละเมนูนั้นผ่านกรรมวิธีการทำที่ใส่ใจ เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีสุดส่งตรงถึงลูกค้า ทางร้านแนะนำให้ลอง Rich Cocoa (69 บาท) เมนูโกโก้ซิกเนเจอร์ที่ให้รสชาติเข้มข้นแบบที่สาวกโกโก้ไม่ควรพลาด รวมไปถึงสามารถเลือกระดับความหวานได้ตามต้องการอีกด้วย
ต่อกันที่เมนูของหวานที่ทางร้านใช้วิธีการพรีเซนท์คล้าย ๆ กัน คือการใช้บัตเตอร์เค้กสูตรพิเศษของทางร้านเป็นองค์ประกอบหลักจากนั้นนำไปสร้างสรรค์เป็นขนมหวานสุดพิเศษต่าง ๆ ซึ่งทางร้านแนะนำให้ลอง Butter Cube Milovaltine (149 บาท) บัตเตอร์เค้กเนื้อนุ่ม ท็อปด้านบนด้วยวิปครีมและผงไมโล เสิร์ฟคู่กับไอศกรีมวานิลลาและซอสช็อกโกแลตโฮมเมดเข้มข้น
Butter Up Cafe
แจ้งวัฒนะ 19
เปิดทุกวัน (ปิดวันพุธ) พฤหัส - อังคาร เวลา 10.00 - 21.30 น.
โทร. 099-424-7996
www.facebook.com/butterupcafe
Hidden Backyard พื้นที่ดี ๆ ที่สร้างสรรค์มาเพื่อชาวแจ้งวัฒนะ ให้สามารถแวะเวียนมาผ่อนคลายจิบเครื่องดื่ม เคล้าเสียงเพลงเบา ๆ ในบรรยากาศสบาย ๆ ที่มีสวนเป็นที่พักพิง ตัวร้านนั้นรายล้อมไปด้วยธรรมชาติ เน้นพื้นที่เอาท์ดอร์ทำให้ดูโปร่งสบาย ตกแต่งด้วยอุปกรณ์ทำสวนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพลั่ว เสียม จอบไม้
ในส่วนของโซนคาเฟ่ถูกออกแบบมาให้ดูเท่และมีกลิ่นอายของความเป็นอินดัสเทรียลผสมลอฟท์นิด ๆ ด้วยผนังปูนเปลือย โต๊ะไม้และเก้าอี้ผ้า
สำหรับเมนูอาหารของที่นี่เน้นเสิร์ฟเป็นอาหารสไตล์ฟิวชั่นสร้างสรรค์รสชาติในแบบที่คนไทยคุ้นเคย ทางร้านแนะนำให้ลอง สลัดปูนิ่ม (180 บาท) สลัดผักสด ท็อปด้านบนด้วยปูนิ่มชิ้นโตและไข่กุ้ง เสิร์ฟพร้อมกับน้ำสลัดสูตรพิเศษ
หรือจะลองเป็นอาหารจานหลักหน้าตาน่าทานอย่าง พอร์คช็อพ (200 บาท) สเต็กหมูเนื้อนุ่มหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ เสิร์ฟมาบนมันบดราดซอสเกรวี่
Hidden Backyard
ซอยแจ้งวัฒนะ 45 (ถนนเลียบคลองประปา)
เปิดทุกวัน (ปิดวันจันทร์) เวลา 11.00 - 00.00 น.
โทร. 099-053-7323
www.facebook.com/hiddenbackyard
หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อของ Treat Cafe and Hangout ในซอยเสนานิคมกันมาแล้ว จนถึงคราวที่ทางร้านจะขยายความฮิปและมีสไตล์ในคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างไปจากสาขาแรกมาไว้บนถนนแจ้งวัฒนะ Treat Cafe and Hangout Chaengwattana คาเฟ่สไตล์ Luxury Art ท่ามกลางพื้นที่เกือบ 3 ไร่ย่านแจ้งวัฒนะ ภายในแบ่งเป็นโซนร้านอาหาร สตูดิโออเนกประสงค์และฟาร์มผักไฮโดรโปนิกส์
ภายในร้านนำเสนอเครื่องดื่ม เบเกอรี รวมไปถึงหลากหลายเมนูอาหารสไตล์ฟิวชั่นในรสชาติที่ถูกปากคนไทย แนะนำให้ลองเมนู Calamari (140 บาท) เมนูปลาหมึกทอดกรอบ โดดเด่นด้วยซอสสูตรเฉพาะของทางร้านที่เสิร์ฟมาคู่กัน ให้รสชาติกลมกล่อมและเป็นจานที่รองท้องก่อนสั่งอาหารจานหลักได้เป็นอย่างดี
ต่อกันด้วย สปาเก็ตตี้ไข่กุ้ง (180 บาท) สปาเก็ตตี้เส้นเหนียวนุ่มที่ถูกปรับรสชาติให้จัดจ้านถูกปากคนไทยยิ่งขึ้น ท็อปด้านบนด้วยไข่กุ้งและสาหร่าย
Treat Cafe and Hangout Chaengwattana
ถนนแจ้งวัฒนะ-ประชาชื่น (เลียบคลองประปา)
เปิดทุกวัน เวลา 11.030 - 00.00 น.
โทร. 02-044-4446
www.facebook.com/treatcafeandhangout
J Coffee ร้านกาแฟสุดเท่ที่นำตู้คอนเทนเนอร์มาดัดแปลงเป็นตัวร้านถึง 3 ชั้น ด้านในตกแต่งในสไตล์ลอฟท์เท่ ๆ ให้บรรยากาศสบายตาด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้ม และบานกระจกบานใหญ่ปลอดโปร่ง ก่อตั้งโดยฝีมือของเจ้าของชาวเกาหลี
ตัวร้านเน้นเสิร์ฟเมนูกาแฟและเบเกอรีเป็นหลัก โดยเมล็ดกาแฟส่วนใหญ่ของทางร้านนำเข้าจากบราซิลและโคลอมเบีย นำมาสร้างสรรค์ต่อเป็นเครื่องดื่มน่าลิ้มลอง ทางร้านแนะนำให้ลอง Iced Macchiato (80 บาท) กาแฟมัคคิอาโต้เย็นที่ใช้เมล็ดบราซิลคั่วเข้ม ให้ความหวานและกลิ่นหอมจากซอสคาราเมลทำให้ได้รสชาติที่ไม่เข้มข้นจนเกินไป
หรือจะลองเป็น Hot Latte (70 บาท) กาแฟร้อนผสมนม โดยจุดเด่นของที่นี่คือเครื่องดื่มผสมนมทุกชนิดทางร้านจะทำลาเต้อาร์ตน่ารัก ๆ ให้ทุกแก้ว ไม่ว่าจะเป็นลายกระต่าย แมวหรืออื่น ๆ
ปิดท้ายกันด้วยเมนูเบเกอรีจากทางร้านอย่าง Red Ruby (105 บาท) เมนูชีสเค้กสูตรพิเศษของทางร้าน ราดด้วยซอสเชอร์รี และ White Chocolate Cheese Cake (99 บาท) ชีสเค้กโอริโอ้เนื้อแน่นตกแต่งด้านบนด้วยไวท์ช็อกโกแลตและครีมสด
J Coffee (Chaengwattana)
ติดกับคอนโด The Base Chaengwattana (ก่อนถึงซอยแจ้งวัฒนะ 45)
www.facebook.com/J-coffee-1638450769733785