"จังหวัดพระนครศรีอยุธยา” เป็นหนึ่งในเมืองมรดกโลกของไทยที่เต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม สถาปัตยกรรม ภูมิปัญญาไทยและเป็นราชธานีที่มีอายุถึง 417 ปีจึงมักถูกเรียกว่า “เมืองกรุงเก่า” อีกทั้งในสมัยอยุธยายังมีกษัตริย์ปกครองถึง 5 ราชวงศ์ซึ่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยอีกด้วย ถึงแม้เวลาจะผ่านมายาวนานกว่าหลายร้อยปีแต่ที่นี่ยังคงกลิ่นอายและเสน่ห์ของเมืองเก่าไว้อยู่จนถึงปัจจุบัน แต่สำหรับในทริปนี้ BKK ขอนำเสนอทริปท่องเที่ยวแบบคนยุคใหม่ที่แอบหลงเข้าไปในเมืองเก่าไปตามหาสถานที่เก๋ ๆ ให้ได้แวะไปชิมและชิลล์กันในช่วงวันหยุดจะมีที่ไหนกันบ้าง ไปดูกัน
TEMPLES
แวะซึมซับเสน่ห์ของโบราณสถานที่ "วัดมหาธาตุ” หนึ่งในวัดที่สำคัญและมีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัดอยุธยา ซึ่งถูกสถาปนาเป็นวัดมหาธาตุในสมัยของขุนหลวงพะงั่ว (สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1) จุดไฮไลท์ของวัดมหาธาตุคือวิหารเล็กที่ถูกรากต้นโพธิ์แผ่ปกคลุมเต็มผนังและล้อมเศียรพระพุทธรูปหินทรายเอาไว้ ศิลปะที่สร้างสรรค์จากธรรมชาติกลายเป็นความงดงามที่แปลกตาจนเป็นที่รู้จักทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติหรือจะเดินไปที่เจดีย์แปดเหลี่ยมที่ซ้อนลดหลั่นกัน 4 ชั้น เจดีย์รูปร่างแปลกตาที่พบได้องค์เดียวในอยุธยา แต่สำหรับใครที่ชอบงานจิตรกรรมลองแวะไปถ่ายรูปที่จิตกรรมฝาผนังทางเข้าคูหาปรางค์ประจำทิศ จะปรากฏภาพเรือนแก้วใต้ต้นโพธิ์อันเป็นศิลปะแบบโบราณไว้ให้ได้ศึกษา
วัดนี้มีความสำคัญอย่างมากในสมัยกรุงศรีอยุธยา เพราะเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายคามวาสี อีกทั้งยังเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีต่าง ๆ แต่หลังจากมีการสร้างวัดพระศรีสรรเพชญ์ก็ได้ย้ายไปประกอบพิธีกรรมที่นั่นแทน
"วัดบรมพุทธาราม" โบราณสถานสำคัญตั้งอยู่ในรั้วเดียวกับมหาวิทยาลัยราชภัฎ พระนครฯ ซึ่งที่นี่เป็นวัดที่สมเด็จพระเพทราชา กษัตริย์แห่งอยุธยาองค์ที่ 28 แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวงโปรดให้สร้างขึ้นในบริเวณบ้านเดิมของพระองค์ตั้งอยู่ระหว่างประตูไชยกับคลองฉะไกรน้อย (คลองน้ำใหญ่ในสมัยอยุธยา)
โดยตัววัดมุงหลังคาด้วยกระเบื้องเคลือบซึ่งแปลกไปจากวัดอื่นที่มุงด้วยกระเบื้องดินเผาชาวบ้านจึงเรียกกันว่าวัดกระเบื้องเคลือบ ต่อมาถูกทิ้งร้างไปตั้งแต่เสียกรุงฯ ครั้งที่ 2 แต่ในส่วนของพระอุโบสถยังคงมีผนังอยู่เกือบเต็มทั้ง 4 ด้านและยังมีร่องรอยจิตรกรรมหลงเหลือให้เห็นที่บานประตูและหน้าต่าง ถือเป็นอีกหนึ่งวัดที่จัดว่าค่อนข้างสมบูรณ์แห่งหนึ่งในอยุธยา
CAFES
PART 1
โครงการ The Wine Ayutthaya ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับร้านอาหาร Grand Chaopraya ร้านอาหารริมน้ำรูปแบบใหม่ที่จะเปลี่ยนจังหวัดอยุธยาในสายตานักท่องเที่ยวให้ดูร่วมสมัยมากขึ้น ร้านอาหารไม้ริมน้ำ ท่ามกลางสวนสวยที่พร้อมเสิร์ฟเมนูอาหารไทยแสนอร่อยพร้อมไวน์สุดพิเศษในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้ โดยคุณคุณ ธัชช์ธิราช หงษ์อุปถัมชัย ตั้งใจจะเปลี่ยนทัศนคติของการดื่มไวน์ให้ผู้คนทั่วไปได้รู้ว่าไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีกำลังทรัพย์มากเท่านั้นถึงจะดื่มได้ แต่ที่นี่นำเข้าไวน์ทุกรูปแบบซึ่งไวน์เป็นเครื่องดื่มชนิดเดียวที่ช่วยให้รสชาติอาหารชัดเจนขึ้นมีตั้งแต่ราคาหลักร้อยไปจนถึงหลักพัน สามารถสั่งมาดื่มคู่กับอาหารสุดพิเศษของทางร้าน
เมนูแรกเมนูขึ้นชื่อของจังหวัดอยุธยาอย่าง กุ้งเผา (ไซส์จัมโบ้ 1,000 บาท) กุ้งเผาคัดไซส์มีให้เลือกหลากหลายระดับ เผาด้วยไฟในอุณหภูมิที่เหมาะสมทำให้ได้กุ้งตัวโตเนื้อแน่นเด้ง รสชาติหวานไร้ความคาว เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มที่ฟู้ดสูตรของทางร้าน
หรือจะลองอาหารไทยโบราณอย่างแกงขาวเนื้อ (290 บาท) หรืออีกชื่อหนึ่งคือแกงหลอก ที่หลอกด้วยรูปลักษณ์หน้าตาให้ความรู้สึกเหมือนต้มข่าแต่จริง ๆ แล้วคือแกงกะทิสูตรโบราณที่ชูรสชาติของวัตถุดิบโดยใช้ความเค็มของเนื้อหรือหมูแดดเดียว ใช้ความเปรี้ยวของหน่อไม้ เสิร์ฟคู่กับปลาสลิดทอดกรอบเคียงกัน
อย่าลืมสั่งเครื่องดื่มที่ยกขนมขึ้นชื่อของอยุธยามาดัดแปลงใหม่อย่าง Saimai (80 บาท) น้ำสตรอเบอร์รีท็อปด้านบนด้วยสายไหมอยุธยา แนะนำให้ลองดื่มรสชาติของน้ำก่อนแล้วค่อยให้สายไหมละลายไปกับน้ำ จะได้เครื่องดื่มที่ให้รสชาติหวานอมเปรี้ยว สดชื่นกำลังดี
The Wine Ayutthaya
42/1 ม.4 บ้านรุน
เปิดทุกวัน 11.00 - 22.00 น.
โทร. 081-942-1666
www.facebook.com/Thewineayudhya
ร้านขนมฝรั่งเศสที่เปิดมากว่า 2 ปีตั้งอยู่บนถนนหมายเลข 32 บางปะอิน - อยุธยา โดยฝีมือของคุณฤทธิ์ บุญฤทธิ์ และคุณดาว สุดารัตน์ เจ้าของร้านและเชฟที่เปรียบให้ Pastry Architect เป็นผู้สร้างสรรค์ความอร่อย คล้ายกับสถาปนิกที่คิดค้น ออกแบบโครงสร้างตึกที่สวยงาม ซึ่งแต่ละขั้นตอนกว่าจะได้มาแต่ละส่วนต้องใช้ความคิดและจินตนาการมากมาย การทำขนมก็เช่นกันเพราะขนมฝรั่งเศสไม่มีกฎตายตัว จะมีกี่เลเยอร์หรือกี่รสชาติก็ได้แต่รวมกันออกมาแล้วต้องเป็นหนึ่งคำที่อร่อย
แนะนำขนมเมนูแรก L’amour Rose (160 บาท) ภาษาฝรั่งเศสแปลว่ากุหลาบแห่งความรัก ขนมฝรั่งเศสที่คุณดาวคิดค้นขึ้นมาใหม่ให้รสชาติถูกปากคนไทยมากขึ้นและเป็นขนมที่มีความละเอียดในการทำสูง ตกแต่งภายนอกด้วยครีมโรสบีบเป็นรูปกุหลาบให้กลิ่นหอมของดอกไม้และความหอมมันของครีม ต่อมาเป็นราสป์เบอร์รีมูส ราสป์เบอร์รีคอมโพท ที่ให้รสชาติเปรี้ยวเล็ก ๆ ของผลไม้ตามด้วยมูสโคโคนัท เนื้อเค้กเนียนนุ่มตั้งบนฐานโคโคนัทครัมเบิ้ล
หรือจะลองเป็นเมนูพื้นบ้านของฝรั่งเศสอย่าง Criossant (55 บาท) ครัวซองต์ที่ใช้เนยและแป้งนำเข้าจากฝรั่งเศสและ Bostock (100 บาท) ขนมปัง Brioche เนื้อนุ่มด้านบนท็อปด้วยอัลมอนด์ครีมและอัลมอนด์สไลด์
อีกหนึ่งเมนูพื้นบ้านที่ไม่ควรพลาดของฝรั่งเศสอย่าง Lemon Tart (110 บาท) เลมอนเคิร์ดบนทาร์ตกรุบกรอบหอมกลิ่นเนยให้รสชาติเปรี้ยวและสดชื่นด้วยกลิ่นของเลมอน แนะนำให้สั่ง Red Berry (120 บาท) แบบร้อนดื่มคู่กันเป็นการล้างปากด้วยชาส่งท้ายมื้อนี้
Pastry Architect
77 หมู่ 3 ถนนเอเซีย
เปิดทุกวัน 08.00 - 19.00 น.
โทร. 086-311-7777
www.facebook.com/pastryarchitect.bpi
The Summer House คาเฟ่บรรยากาศอบอุ่นติดริมแม่น้ำตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับร้านกาแฟ Taste & Tone Studio โดยคุณชุติมา คุณคณิน คุณสิตานัน อนันรยา สามสาวที่ปรับปรุงบ้านหลังเก่าให้กลายเป็นร้านอาหารและคาเฟ่สุดเก๋ที่ตกแต่งให้เหมือนกับบ้านสวนหลังใหญ่พร้อมรองรับเพื่อน ๆ ที่แวะมาทานอาหารอร่อย ๆ โดยเมนูทั้งหมดของทางร้านหลาย ๆ เมนูเป็นจานโปรดของครอบครัวอยู่แล้ว จากที่เคยทำทานกันเองที่บ้านก็นำมาปรับสูตรใหม่ให้เขากับคนทั่วไปมากขึ้น รองท้องกันที่เมนูแรก สลัดปูมะละกอ (280 บาท) ที่นำเนื้อปูไปยีจากนั้นนำไปคลุกเคล้ากับสลัดและน้ำสลัดสูตรของทางร้านเสิร์ฟแบบเย็นในมะละกอสดให้ทานคู่กัน ช่วยรีเฟรชร่างกาย เหมาะกับอากาศร้อน ๆ
ตามด้วยอาหารจานหลักอย่าง สปาเก็ตตี้ต้มยำกุ้ง (280 บาท) เมนูขายดีของร้านที่นำสปาเก็ตตี้เส้นเหนียวนุ่มไปคลุกเคล้ากับซอสต้มยำกุ้งน้ำข้นที่ให้ความครีมมี่และรสชาติจัดจ้านสไตล์ไทย ๆ เสิร์ฟคู่กับกุ้งแม่น้ำเผาของดีอยุธยาขนาดพอดีจาน
เมื่อทานของคาวแล้วก็ต้องตบท้ายด้วยของหวานลองสั่ง Riceberry Mousse (90 บาท) มูสที่ทำจากน้ำนมข้าวไรซ์เบอร์รี่ เนื้อเนียนนุ่ม มีกลิ่นหอมตักทานคู่กับข้าวพองเคลือบคาราเมล จะให้รสชาติหอมนุ่มของมูสและเค็มหวานนิด ๆ จากคาราเมล
The Summer House
ถนน 3477 ต.เกาะเรียน
เปิดทุกวัน 08.30 - 19.00 น.
โทร. 094-224-2223
www.facebook.com/thesummerhouse.ayutthaya/
CAFES
PART 2
บ้านข้าวหนม คาเฟ่ขนมไทยสร้างสรรค์โดยคนรุ่นใหม่ที่ตั้งใจสืบสานวัฒนธรรมไทยก่อตั้งโดยคุณยุ้ย ฐาปกรณ์ สุนทรพฤกษ์ จากเด็กสาวที่ชอบทานขนมไทยและมักยืนรอคุณยายพายเรือมาขายขนมในสมัยเด็กจนปัจจุบันได้สานต่อความชอบของตนเองและตั้งใจเปิดเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายขนมไทยของชาวบ้านที่มีฝีมือในการทำขนมไทยโบราณและขนมไทยประยุกต์ที่นำมาดัดแปลงให้ร่วมสมัยยิ่งขึ้น โดยคุณยุ้ยจะคัดคนในท้องถิ่นที่มีฝีมือในการทำขนมและช่วยปรับสูตรให้รสชาติไม่หวานจนเกินไปเพื่อที่จะได้ถูกปากคนทั่วไปและคนที่ไม่ชอบทานหวานมาก สำหรับตัวร้านจะมีกลิ่นอายของความเป็นไทยแบบสมัยเก่าและความชิคแบบคาเฟ่สมัยใหม่ โดยขนมของที่นี่จะเลือกซื้อกลับบ้านหรือนั่งทานที่ร้านก็ทำได้
ลองสั่งเมนูขนมไทยที่ถูกใจคนทุกวัยอย่างขนมชั้น (40 บาท) ขนมตะโก้ (30 บาท) ขนมต้ม (30 บาท) ขนมสอดไส้ (6 บาท) กล้วยเชื่อม (40 บาท) ขนมกล้วย (6 บาท) หรือจะสั่งขนมตระกูลทองต่าง ๆ (50 บาท) ไม่ว่าจะเป็นทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง
หากใครอยากหลีกเลี่ยงความหวานจากขนมลองสั่งไอติมโบราณ (125 บาท) ไอศกรีมเสิร์ฟในขนมปังโรยหน้าด้วยทองม้วน
อย่าลืมสั่งเมนูเครื่องดื่มแนะนำของทางร้านอย่าง ชุบชูใจ (85 บาท) เมนูพิเศษสูตรของทางร้านเป็นนมเย็นที่แยกชั้นกับน้ำอัญชัน
หรือจะลองชาเขียวหลงกรุง (70 บาท) ชาเขียวเข้มข้นใส่น้ำตาลทรายแดง
บ้านข้าวหนม
ถนน อู่ทอง (ตรงข้ามการประปาส่วนภูมิภาค)
เปิดทุกวัน 08.00 - 18.00 เสาร์ - อาทิตย์ 09.00 - 19.00 น.
โทร. 097-921-9465
www.facebook.com/Baankaonhom
ร้านอาหาร รีสอร์ทและคาเฟ่ในสไตล์ไทยที่แอบซ่อนอยู่ในจังหวัดอยุธยา ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดป้อมใหญ่เท่าไหร่นัก ที่นี่บ้านเรือนไทยไม้สักหลังเก่าที่ถูกแปลงโฉมใหม่ให้น่าสนใจยิ่งขึ้นเหมาะสำหรับคนที่ชอบความเงียบสงบ ด้านหลังมีสระบัวขนาดใหญ่พร้อมเรือพายแบบเก่าไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสวิถีการพายเรือในสมัยก่อน สำหรับในส่วนของร้านอาหารและคาเฟ่ ตั้งอยู่ที่ใต้ถุนเรือนโดยมีที่นั่งให้เลือกมากมายไม่ว่าจะเป็นริมน้ำหรือห้องแอร์ที่มีต้นไม้ใหญ่อยู่ภายในให้บรรยากาศร่มรื่นแม้ในวันที่แดดจัด
สำหรับเมนูต่าง ๆ ของทางร้านจะเป็นโฮมเมดสูตรของทางร้านทั้งหมด เมนูที่ทางร้านแนะนำได้แก่ New York Cheese Cake (100 บาท) ชีสเค้กเนื้อแน่นบนครัมเบิ้ลกรุบกรอบ
หรือจะคลายร้อนด้วย Lychee Blue Soda (85 บาท) น้ำลิ้นจี่บลูโซดาให้รสชาติซาบซ่าสดชื่น
หรือจะลองเมนูขายดีอย่าง Salt Caramel Aunchan (85 บาท) ซอลต์คาราเมลที่ผสมผสานความเป็นไทยอย่างน้ำอัญชันลงไป
Ayutthaya Retreat
ถนนหมายเลข 3412 (ใกล้กับวัดป้อมใหญ่)
เปิดทุกวัน (ปิดวันจันทร์) อังคาร - ศุกร์ 10.00 - 18.00 น. เสาร์ - อาทิตย์ 10.00 - 17.00 น.
โทร. 080-394-8133
www.facebook.com/ayutthayaretreat/
T Bar ร้านชาสไตล์โมเดิร์นแบบ Take Away ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับ Tofu Cafe เป็นโปรเจ็กต์ที่สองของทีมงานที่ต้องการให้พื้นที่เล็ก ๆ บริเวณตรงข้ามโบราณสถานสำคัญอย่างวัดเจ้าปราบแห่งนี้เป็นจุดรวมตัวของคนรุ่นใหม่ โดยทางร้านเน้นเสิร์ฟเมนูที่มีส่วนประกอบของชาเป็นหลัก โดยเครื่องดื่มทุก ๆเมนูของที่นี่จะใช้ใบชาสดชงใหม่ในทุก ๆ วัน เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงรสชาติของใบชาหากทิ้งไว้นานเกินไป ทางร้านเลือกครีเอทเครื่องดื่มต่าง ๆ ให้มีความทันสมัยและเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้ง่าย
แนะนำเมนู Japanese Purple Yam Latte with Bubble (85 บาท) ให้รสชาติมันม่วงนม ๆ กลมกล่อมแต่ถ้าอยากรู้สึกสดชื่นลองสั่ง Japanese Melon with Bubble (85 บาท) ชารสเมลอนญี่ปุ่นเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบทานหวานจนเกินไปช่วยเติมความสดชื่นได้ดี Jasmine tea Yakult Lemon with bubble (85บาท) เมนูที่จะเปลี่ยนชาจัสมินแบบเดิม ๆ ให้มีรสชาติยิ่งขึ้นด้วยการเติมรสชาติของยาคูลท์และเมลอนเข้าไป แยกชั้นสีสวยควรค่าแก่การถ่ายรูป ส่วนด้านล่างใส่ไข่มุกสีส้มทำให้แก้วนี้ดูน่าดื่มและน่ารักมากยิ่งขึ้น
แต่ถึงแม้ที่นี่จะเน้นเมนูที่ชงด้วยชาเป็นหลักแต่เครื่องดื่มอื่น ๆ ทางร้านก็ใส่ใจไม่แพ้กัน เครื่องดื่มที่เป็นกาแฟก็เลือกใช้กาแฟเมล็ดไทยที่นำมาเบลนด์แบบสูตรเฉพาะผลิตจากโรงคั่วในจังหวัดอยุธยา หรือแม้แต่การคัดสรรโกโก้และชาเขียวคุณภาพลองสั่ง Chocolate (85 บาท) ช็อกโกแลตรสชาติเข้มข้นแยกเลเยอร์มากับนมสดด้านบน ท็อปด้วยไมโลนักเก็ตเพิ่มความกรุบกรอบให้แก้วนี้เป็นอย่างดี
หรือจะลอง Matcha Latte (95 บาท) มัทฉะลาเต้ใส่ไข่มุกสีทองสวยรสชาติเข้มข้นถือเป็นแก้วที่สาวกชาเขียวไม่ควรพลาด
T BAR
ถนน อู่ทอง ใกล้กับด้านข้างวัดเจ้าปราบ
เปิดทุกวัน 10.00 - 20.00 น.
โทร. 092-408-4848
www.facebook.com//tofucafe/
CAFES
PART 3
Silp-pa Cafe คาเฟ่เล็ก ๆ ในบ้านทรงไทยตั้งอยู่ที่เดียวกันกับโรงแรม Silp-paในซอยโชคเศรษฐี ตั้งอยู่ไม่ไกลกับวัดมหาธาตุ ที่นี่โดดเด่นด้วยการเลือกใช้บ้านทรงไทยสีดำทั้งหลังดูเท่แบบสไตล์ไทยประยุกต์ให้ผู้ที่แวะเวียนมาได้สัมผัสกลิ่นอายความเก่าแก่ของบ้านทรงไทยโบราณและการตกแต่งแบบมินิมอลในยุคสมัยใหม่ เน้นการใช้สีขาวและดำเป็นหลัก ตกแต่งส่วนต่าง ๆ ของโรงแรมด้วยข้าวของเครื่องใช้แบบคนโบราณเพิ่มความน่าสนใจและทำให้ที่นี่กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมอีกด้วย ในส่วนของคาเฟ่จะเน้นเสิร์ฟเมนูฟิวชั่นที่เน้นความเป็นไทยเป็นหลัก
ลองสั่งเมนูที่ทางร้านแนะนำเริ่มต้นที่เมนูรองท้องอย่างกระทงทอง (6 ชิ้น 89 บาท, 9 ชิ้น 99 บาท) เมนูออเดิร์ฟแบบโบราณที่นำมาปรับใหม่ด้วยการใส่ไส้กระทงเป็นไส้ลาบ กะเพรา หรือจะลองเมนูที่หนักขึ้นมาหน่อยอย่างสปาเก็ตตี้ซอสข้าวซอย (159 บาท)
ผัดไทยกุ้งสดเส้นคาเปลลินี (149 บาท) ผัดไทยกุ้งสดเมนูชื่อดังของไทยที่ดัดแปลงด้วยการใช้เส้นแองเจิลแฮร์ผัดแทนเส้นจันทน์เสิร์ฟกับกุ้งแม่น้ำขนาดพอดีสำหรับหนึ่งคนทาน หรือถ้าใครไม่ชอบทานเส้นลองสั่งข้าวผัดอยุธยา (110 บาท) เมนูที่นำเสนอความเป็นไทยด้วยการนำข้าวสวยร้อน ๆ ผัดกับน้ำพริกกะปิและดอกโสน เสิร์ฟคู่กับปลาทูทอด
ปิดท้ายด้วย Iced Lemonade and Nanilla (65 บาท) เมนูที่จะดับร้อนได้ดีอย่างเฟรชเลมอนโซดาผสมกับไซรัปวานิลลาให้รสชาติหวานนิด ๆ ด้วยไซรัปและความซ่าสดชื่นจากเลมอนโซดา
Slip-pa Cafe
1/18 ถนน โรจนะ
เปิดทุกวัน อาทิตย์ - พุธ 09.30 -18.30 น. , พฤหัส - เสาร์ 09.30 - 20.00 น.
โทร. 089-695-9909
www.facebook.com/Silp-pa-cafe
คาเฟ่สุดเก๋เปิดใหม่บนถนนอู่ทอง ที่หยิบยกความเป็นไทยมาดีไซน์ใหม่ในสไตล์ของ Busaba แบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ซึ่งที่นี่เป็นโปรเจ็กต์ต่อจาก Busaba Craft & Design ที่นำผ้าขาวม้ามาผลิตเป็นสินค้ารูปแบบต่าง ๆ ให้เข้ากับคนยุคใหม่มากขึ้นสำหรับดีไซน์ของ Busaba Cafe & Meal ได้แรงบันดาลใจมากจากการลดทอนลายเส้นของผ้าขาวม้ากลายเป็นเส้นกริดสีขาวสวยอันเป็นจุดเริ่มต้นความสวยงามของผ้า อีกทั้งภายในร้านยังเป็นโชว์รูมสินค้าขนาดย่อมอีกด้วย โดยตัวร้านตั้งอยู่ด้านหน้าของโฮสเทลเรือนไทยสีขาวสวยอย่าง Busaba Ayutthaya
ในส่วนของเมนูอาหารทางร้านแนะนำเส้นใหญ่อยุธยากุ้งซัลซ่า (130 บาท) เส้นใหญ่เหนียวนุ่มและกุ้งเนื้อแน่นผัดกับเครื่องเทศเสิร์ฟพร้อมกับซอสซัลซ่าต้มยำกุ้งสูตรของทางร้านโรยหน้าด้วยหอมเจียว คลุกเคล้าให้เข้ากันจะได้รสชาติเข้มข้นของต้มยำแบบไทย ๆ
ตบท้ายด้วยเครื่องดื่มแนะนำของทางร้านอย่างบุษบาลาเต้เย็น (75 บาท) เมนูลาเต้เย็นท็อปด้วยวิปครีมและสายไหมอยุธยา
Busaba Cafe & Meal
ถนน อู่ทอง
เปิดทุกวัน 10.00 - 21.00 น.
โทร. 081-751-1703
www.facebook.com/BusabaCafeMeal
A Lovely Table คาเฟ่ขนมออร์แกนิกสุดน่ารักตกแต่งในสไตล์รัสติกที่แอบผสมผสานความเป็นไทยไว้ราวกับเป็นบ้านหลังน้อยของฝรั่งที่เข้ามาตั้งในอยุธยา ทางร้านนำเสนอเมนูออร์แกนิกโฮมเมดสนุก ๆ ที่จะทำให้ความรักและความสุขเกิดขึ้นบนโต๊ะอาหารของคุณ โดยคุณปูเจ้าของร้านจะเน้นสร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ ที่นำมาจับคู่กับไอศกรีมแล้วออกมาเป็นหนึ่งเมนูที่ลงตัวและรสชาติเข้ากัน โดยทางร้านเลือกใช้ไอศกรีมและขนมปังออแกนิกจาก Dairy Home เป็นส่วนประกอบหลัก
เมนูแนะนำของทางร้านเมนูแรกได้แก่ ทองมงคล (129 บาท) ยกขนมมงคล 4 ชนิดที่มักใช้ในพิธีการอย่างจ่ามงกุฎมาทานคู่กับไอศกรีมชาโคลของแดรี่โฮมที่ทำจากถ่านชาโคลญี่ปุ่นให้รสชาติเข้มข้นตัดกับความหวานของขนมไทยเข้ากันอย่างลงตัว
และอีกหนึ่งเมนูโปรดของคนไทยอย่าง ข้าวเหนียวมะม่วง (169 บาท) ไอศกรีมข้าวเหนียวมะม่วงเสิร์ฟคู่กับมะม่วงน้ำดอกไม้
หรือจะลอง โรตีสายไหม (90 บาท) เมนูที่นำนมออร์แกนิกมาทำเป็นไอศกรีมรสสายไหมเสิร์ฟคู่กับสายไหมและโรตีกรอบ ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มน่าสนใจอย่าง มะตูมเจลลี่ลาเต้ (79 บาท) ที่นำน้ำสมุนไพรแบบไทย ๆ มาผสมผสานกาแฟลาเต้ที่คั่วจากเมล็ดไทยส่งตรงจากห้วยฮ้อม ในศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่ลาน้อย ห้วยห้อม จังหวัดแม่ฮ่องสอน
A Lovely Table
77 หมู่ 3 ถนนชีกุน ตรงข้ามสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย
เปิดทุกวัน (ปิดวันจันทร์) 09.00 - 19.00 น.
โทร. 083-086-3899
www.facebook.com/ALovelyTablecafe/
HOTELS
หลังจากเหนื่อยกันมาทั้งวันแวะมาพักที่โฮสเทลแบบไทยประยุกต์โดดเด่นด้วยเรือนไทยสีขาวหลังใหญ่อย่าง Busaba Ayutthaya เป็นหนึ่งกิจการในเครือของแบรนด์ Busaba แบรนด์คนไทยที่โดดเด่นในเรื่องการนำสิ่งรอบตัวมาเล่าเรื่องผ่านการดีไซน์ในรูปแบบใหม่ โฮสเทลนี้เองก็เช่นกันที่นำเรือนไทยหลังเก่ามาปรับปรุงใหม่ แต่ยังคงโครงสร้างของเรือนเดิมเอาไว้ปรับปรุงให้กลายเป็นห้องพัก โดยยังคงคอนเซ็ปต์ "การอยู่” แบบวิถีชีวิตคนไทยสมัยก่อนเอาไว้เช่นการปลูกห้องน้ำไว้แยกกับห้องนอน การให้ชานเรือนเป็นที่พบปะสังสรรค์ของทุกคนที่มาเข้าพัก
ห้องพักของที่นี่มีทั้งแบบ Female Dorm , Mix Dorm , Deluxe และ Family Bunk Room รวมทั้งหมดจำนวน 8 ห้อง อีกทั้งด้านหลังของเรือนยังติดริมคลอง แขกที่เข้าพักสามารถติดต่อสอบถามเกี่ยวกับกิจกรรมสนุก ๆ ได้อีกด้วยไม่ว่าจะเป็นแพ็กเกจนั่งเรือเที่ยวสัมผัสวิถีชีวิตริมแม่น้ำ หรือบริการปั่นจักรยานชมโบราณสถานในบริเวณใกล้เคียง
Busaba Ayutthaya
ถนน อู่ทอง
เปิดทุกวัน 07.00 - 22.00 น.
โทร. 061-449-4282
www.facebook.com/busabaayutthaya
อีกหนึ่งที่พักที่น่าสนใจในจังหวัดอยุธยากับ Silp-pa โฮสเทลในสไตล์ไทย ๆ โดดเด่นด้วยบ้านเรือนไทยทรงสวยสีดำหลังใหญ่ ตกแต่งด้านในสไตล์มินิมอลแบบสมัยใหม่แต่ผสมผสานกับศิลปะและเฟอร์นิเจอร์แบบเก่า โดยทั่วทั้ง Silp-pa จะมีของใช้และอุปกรณ์ต่าง ๆ ของคนสมัยก่อนตกแต่งไว้มากมาย รวมไปถึงจิตรกรรมและปะติมากรรมจากศิลปินมากมายราวกับที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมก็ว่าได้
สำหรับที่นี่มีห้องหลากหลายแบบทั้ง Triple Room , Superior Room , Standard Room และ Family Room อีกทั้งในชั้นเดียวกันกับล็อบบี้โรงแรมนั้นยังมี Silp-pa Cafe คอยให้บริการอาหารเครื่องดื่มอร่อย ๆ สำหรับลูกค้าที่พักและลูกค้าทั่วไปอีกด้วย
Slip-pa Phra Nakhon Si Ayutthaya
1/18 ถนน โรจนะ
โทร. 086-005-5005
www.facebook.com/Silp-pa-phra-nakorn-si-ayutthaya/