จากแคมเปญที่ดอยคําได้ร่วมกับหลากหลายคาเฟ่และร้านอาหารชื่อดัง เปิดตัวด้วยซีซั่นแรกอย่าง ‘Fruit Fun Fresh’ by Doi Kham X 5 Restaurants ที่ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี นอกจากจะได้รับความสนใจเป็นอย่างมากแล้ว ยังทำให้ได้รู้จักกับความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมแง่มุมความอร่อยที่แตกต่างกันอีกด้วย ในซีซั่นที่ 2 นี้ BKK. จึงขอท้าให้ออกไปพิสูจน์ความอร่อยกันอีกครั้ง ในผลิตภัณฑ์กลุ่มครอบครัวมะเขือเทศ Product Hero จากดอยคำ กับแคมเปญ Fruit Collaboration by Doi Kham Season 2 ซึ่งมาพร้อมคอนเซ็ปต์ ‘ลูกหล้า อินเดอะซิตี้’ บอกเล่าการเดินทางสู่เมืองหลวงของ “ลูกหล้า” หรือคำที่ดอยคำใช้เรียกเป็นชื่อเล่นของมะเขือเทศสายพันธุ์ดี ที่ปลูกอย่างทะนุถนอมในพื้นที่แถบภาคอีสานโดยเกษตรกรไทย เพื่อส่งเสริมอาชีพเกษตรไทยอย่างยั่งยืนของดอยคํา
การเดินทางครั้งนี้ได้พกพาทีเด็ดของ 'ลูกหล้า' มาสู่การร่วมมือกับ 10 ร้านอาหารชื่อดัง ผ่านเมนูพิเศษสุดครีเอต ทั้งเมนูอาหาร ของหวาน และเครื่องดื่มที่ถูกตั้งใจสร้างสรรค์ออกมาให้มีทั้งหน้าตาน่าทานและรสชาติอร่อย แถมยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ เปิดมุมมองใหม่ ๆ ให้ทั้งคนที่ไม่ทานมะเขือเทศ และมะเขือเทศเลิฟเวอร์ได้หลงรักรสชาติของ "ลูกหล้า" ดอยคำได้ไม่ยาก จะมีร้านไหน มีเมนูไหนถูกใจให้ไปลองกันบ้าง มาดูกันเลย!
เริ่มต้นกันที่คาเฟ่ เอาใจคอกาแฟสาย Specialty ให้ลองแวะมาชิลล์ไปกับความดิบเท่ของ Red Diamond สาขา CentralWorld ที่ยังคงคอนเซ็ปต์ร้านกาแฟ Specialty และโรงคั่วสุดชิคในบรรยากาศเท่ ๆ เน้นตกแต่งด้วยไม้และเหล็ก ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องแล็ป พร้อมเปิดโอกาสให้คอกาแฟมาสัมผัสประสบการณ์การสร้างสรรค์เครื่องดื่มแก้วพิเศษอย่างใกล้ชิดกับเหล่าบาริสต้ามากฝีมือ ที่ในครั้งนี้ทางร้านขอโชว์ฝีมือกับ 2 เมนูใหม่สุดครีเอตร่วมกับครอบครัวมะเขือเทศจากดอยคำกัน!
เริ่มจากเมนู Teamato Shakerato (150 บาท) ชาเอิร์ลเกรย์อินฟิวส์กับ มะเขือเทศเชอร์รีอบแห้ง จากดอยคำ จนได้ทั้งความหอมของชาเอิร์ลเกรย์และความหวานจากมะเขือเทศอบแห้งที่ผสมผสานกันออกมาได้อย่างลงตัว เสิร์ฟในสไตล์ม็อกเทลพร้อมกันกับท็อปปิ้ง Doi Kham Dehydrated Cherry Tomato และ ดิป น้ำมะเขือเทศผสมน้ำผลไม้รวม ๙๘% ม็อกเทลให้ดื่มคู่กัน
หรือจะลองเป็น Bloody Number 7 (150 บาท) เมนูที่ได้แรงบันดาลใจจากม็อกเทล Bloody Mary มีส่วนผสมของ น้ำมะเขือเทศผสมน้ำผลไม้รวม ๙๘% ม็อกเทล ก่อนจะเพิ่มรสชาติให้เฟรชยิ่งขึ้นด้วย น้ำสตรอเบอร์รีเข้มข้น จากดอยคำ, ไซรัปเลมอนโฮมเมด, ทาบาสโก้ เชกให้เข้ากันแล้วเติมความหอมด้วยใบสะระแหน่ ได้รสชาติหวานอมเปรี้ยว หากใครเป็นคอกาแฟ สามารถสั่งเพิ่ม Espresso Shot ได้ในราคา 70 บาท
Red Diamond
CentralWorld
ชั้น 7
CentralWorld
เปิดทุกวัน เวลา 11.00 - 20.00 น.
www.facebook.com/Reddiamondthailand
ต่อกันที่อีกหนึ่งร้านกาแฟบรรยากาศในสวนที่ Hey! Coffee ย่านพระราม 9 ที่ล้อมรอบด้วยสวนสีเขียวสุดร่มรื่น เหมาะสำหรับนั่งสังสรรค์หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ แบบสบาย ๆ พร้อมให้ทุกคนที่แวะเวียนเข้ามาได้ใช้ช่วงเวลาดี ๆ เหมือนการได้ Let’s Hey! ทักทาย เติมเต็มความสุขความผ่อนคลายในระหว่างวัน ครั้งนี้ Hey! 53 Coffee & Kitchen ร่วมกับ ดอยคำ ครีเอตเมนูเครื่องดื่มสุดรีเฟรชสำหรับอากาศร้อน ๆ นี้ โดยมีเมนูเอาใจทั้งคอกาแฟและคนไม่ดื่มกาแฟนั่นเอง!
เริ่มกันที่แก้วแรกสำหรับคนไม่ดื่มกาแฟกันก่อนกับเมนู Tomato Apple Doi Kham (120 บาท) ที่ทางร้านเลือกใช้ น้ำมะเขือเทศ ๙๙% สูตรโซเดียมต่ำ จากดอยคำมาเป็นวัตถุดิบหลัก ผสมเข้ากับ Raspberry Puree, น้ำมะนาว, น้ำแอปเปิ้ลแดง, ไซรัปกุหลาบ และเพิ่มความซ่าสดชื่นด้วยโซดา ตกแต่งด้วย Rosemary และเพิ่มรสเปรี้ยวตัดความหวานด้วยท็อปปิ้ง Jelly Lime และ มะเขือเทศเชอร์รีอบแห้ง ออกมาเป็นแก้วสวยงามน่าดื่ม
หรือจะเป็นแก้วที่มีส่วนผสมของกาแฟอย่าง Tomato Cold Brew Doi Kham (100 บาท) ที่ทางร้านใช้กาแฟ Cold Brew สูตรของที่ร้าน มาผสมเข้ากับ น้ำมะเขือเทศผสมน้ำผลไม้รวม ๙๘% ม็อกเทล จากดอยคำ, Raspberry Puree, น้ำมะนาว, ไซรัปเลมอน, Flower Blossom และ Tonic ท็อปด้วยเลมอนเชื่อม กลายมาเป็นเครื่องดื่มสุดสดชื่นเหมาะดื่มในช่วงอากาศร้อน
Hey! 53 Coffee & Kitchen
ถนนพระราม 9 ซอย 53
เปิดทุกวัน เวลา 09.00 - 21.00 น.
โทร. 080-274-4736
www.facebook.com/HeyCoffee
ส่วนใครเป็นสายคาเฟ่ ลองแวะมาเช็กอินกันที่ Kay's Boutique Breakfast คาเฟ่ที่พร้อมเสิร์ฟหลากหลายเมนูเครื่องดื่มและอาหารเช้าสุดชิลล์ที่แอบซ่อนอยู่ในซอยรางน้ำ นำเสนออาหารเช้าสดใหม่ที่ทำแบบจานต่อจาน ใส่ใจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกสรรวัตถุดิบ ตลอดจนการปรุงอย่างพิถีพิถันให้คุณได้ใช้เวลาไปกับมื้อเช้าจานพิเศษที่ให้สารอาหารแบบครบ 5 หมู่ในบรรยากาศสบาย ๆ ของคาเฟ่ที่ขาวสะอาดตา ประดับประดาด้วยความร่มรื่นของซุ้มต้นไม้สุดเก๋ที่ตั้งอยู่ภายในร้าน
สำหรับเช้านี้ ทางร้านแนะนำให้ลองเมนูใหม่ล่าสุดอย่าง Egg Benny with Tomato Hollandaise (220 บาท++) เมนูที่ดัดแปลงมาจากอาหารเช้ายอดนิยมอย่าง Egg Benedict ที่จานนี้เสิร์ฟขนมปังมัฟฟินโฮมเมดร้อน ๆ มาพร้อมกันกับเบคอนบิตสไลด์ที่กริลล์จนกรอบ ก่อนจะราดด้านบนด้วยซอส Hollandaise สูตรพิเศษของทางร้านที่ผสมด้วย ซอสมะเขือเทศ สูตรปกติจากดอยคำ เพิ่มรสเปรี้ยวอมหวานให้กับจานนี้ เป็นเมนูที่ทานง่ายและอิ่มท้อง เสิร์ฟเคียงมากับ มะเขือเทศเชอร์รีอบแห้ง
หรือจะลองเป็นเมนูสำหรับสายสุขภาพอย่าง Tomato Berry Smoothie Bowl (170 บาท++) เมนูที่จะช่วยให้คนไม่ถนัดกินน้ำมะเขือเทศ ทานได้ง่ายขึ้นด้วยการนำ น้ำมะเขือเทศ ๙๙% มาปั่นผสมกับ Acai กล้วยและมิกซ์เบอร์รี่ ท็อปด้วยธัญพืชชนิดต่าง ๆ กราโนล่า และ มะเขือเทศเชอร์รีอบแห้ง
Kay’s Boutique Breakfast
116/55-57 ถนนรางน้ำ แขวงพญาไท (ตรงข้ามโรงแรม K Maison)
เปิดทุกวัน เวลา 06.30 - 16.00 น.
โทร. 02-245-1953
www.facebook.com/kaysboutiques
ส่วนคนรักชานม ต้องแวะมา Brown Café ブラウン คาเฟ่ชานมไข่มุกยอดฮิตจากเชียงใหม่ ที่ส่งตรงความอร่อยให้กับชาวกรุงเทพฯ ได้แวะเวียนไปชิมชานมสุดพรีเมียมที่ทางร้านได้นำชาไต้หวันมาเบลนด์กับใบชาของไทยอย่างพิถีพิถัน จนได้กลิ่นและรสชาติที่เป็นซิกเนเจอร์ครองใจคนรักชา สำหรับที่สาขาสีลมคอมเพล็กซ์แห่งนี้ ยังคงคอนเซ็ปต์ความชิลล์แบบ Modern Japanese ที่ให้ความเรียบง่ายสบายตา มีกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นแต่ดูชิคเก๋สไตล์โมเดิร์น
ซึ่งในครั้งนี้ทางร้านขอส่งเมนูใหม่ดื่มง่ายอย่าง Tomato Strawberry Tea with Tomato Bubble (75 บาท) เมนูแก้วสดชื่นที่ผสมผสานความหวานละมุนของชาสตรอเบอร์รีเข้ากันกับ น้ำมะเขือเทศ ๙๙% ได้รสเปรี้ยวอมหวานหอมกลิ่นชาชัดเจน เสิร์ฟมาพร้อมกันกับไข่มุกมะเขือเทศหนึบหนับ เพิ่มเติมความหอมด้วยโรสแมรีและ สัมผัสให้ได้เคี้ยวเพลิน ๆ จาก มะเขือเทศเชอร์รีอบแห้ง เป็นหนึ่งเมนูดื่มง่ายช่วยเติมความเฟรชได้เป็นอย่างดี
หรือส่วนใครชอบชานม ลองสั่งเป็น Milk Tea Tomato Panna Cotta (85 บาท) พานาคอตต้าเนื้อนุ่มที่มีส่วนผสมของ น้ำมะเขือเทศ ๙๙% ให้ความละมุนของพานาคอตต้าผสานกับความเปรี้ยวอมหวานของน้ำมะเขือเทศเข้มข้น แยกเลเยอร์มากับชานมรสเข้มซิกเนเจอร์ของร้าน
ปิดท้ายกันด้วย Tomato Mayon (65 บาท) เมนูของว่างทานง่าย เหมาะสำหรับคนที่อยู่ในช่วงเวลาเร่งรีบ โดยทางร้านเสิร์ฟเป็น Brown Sandwich ขนมปังเนื้อนุ่ม สลับชั้นกับแฮมโบโลน่าและหมูหยอง ราดด้วย Mayo Sauce ที่มีส่วนผสมของ ซอสมะเขือเทศ สูตรโซเดียมต่ำ จากดอยคำ ก่อนจะท็อปด้วยท็อปปิ้งเคี้ยวสนุกอย่าง มะเขือเทศเชอร์รีอบแห้ง
Brown Café ブラウン
Silom Complex ชั้น 4
เปิดทุกวัน เวลา 11.00 - 22.00 น.
โทร. 09-8842-2265
www.facebook.com/browndessert
หรือจะลองมาชิมเมนูพิเศษจากดอยคำที่ Audrey คาเฟ่สุดน่ารักในย่านทองหล่อที่พร้อมมอบแรงบันดาลใจดี ๆ ให้คุณในทุกครั้งที่แวะเวียนมาด้วยบรรยากาศแสนอบอุ่นที่ตกแต่งในสไตล์ French Vintage ให้กลิ่นอายสไตล์บ้านในยุโรป มาพร้อมความร่มรื่นที่รายล้อมอยู่รอบร้าน
ในครั้งนี้ ทางร้านพร้อมเสิร์ฟ 2 เมนูใหม่น่าลอง มาเพิ่มเติมความอร่อยให้กับโต๊ะอาหารของคุณ เมนูแรกคือ Spaghetti Spicy Pink Sauce served with Grilled River Prawn (260 บาท) สปาเก็ตตี้เส้นเหนียวนุ่ม ผัดคลุกเคล้ามากับกระเทียมและพริกแห้ง ก่อนจะเสริมทัพความอร่อยด้วยซอสสไปซี่พิงค์ ที่มีส่วนผสมของวิปปิ้งครีม และ น้ำมะเขือเทศ ๙๙% จากดอยคำ เสิร์ฟมาพร้อมกันกับกุ้งแม่น้ำย่างตัวโต
สามารถสั่งคู่กันกับ Tomato Splash (85 บาท) เมนูเครื่องดื่มสีหวาน ที่มีส่วนผสมจากความเปรี้ยวอมหวานของ น้ำมะเขือเทศ ๙๙% จากดอยคำ กับน้ำส้มยูซุ ซาบซ่าด้วยโซดา และปิดท้ายด้วยความมันจากกะทิกับรสหวานชุ่มฉ่ำของผลเชอร์รีแดงสดด้านบน
Audrey
ทองหล่อ ซอย 11
เปิดทุกวัน เวลา 11.00 - 22.00 น.
โทร. 02-712-6667
www.facebook.com/Audrey.Cafe.Bistro
เอาใจคนรักสุขภาพกันด้วยร้านอาหารที่รู้จักกันดีสำหรับสายเฮลตี้อย่าง Veganerie Concept ที่พร้อมต้อนรับทุกคนด้วยบรรยากาศสบาย ๆ ในย่านหลังสวนเบญจสิริ และเมนูอาหารอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นอาหารไทยหรืออาหารสไตล์ตะวันตก โดยยังคงคอนเซ็ปต์ Vegan ในทุกจาน ครั้งนี้ได้ร่วมกับดอยคำ รังสรรค์ 2 เมนูเอาใจคนดูแลสุขภาพกัน
เริ่มกันที่เมนูซุปคลีน ๆ อย่าง Tomato Soup & Vegan Grilled Cheese Sandwiches (165 บาท) ซุปมะเขือเทศและแซนวิชชีสวีแกน ที่ทางร้านต้องการเสิร์ฟรสชาติจากธรรมชาติ จึงผ่านการปรุงแต่งน้อยที่สุด โดยเลือกใช้ น้ำมะเขือเทศ ๑๐๐% แบบกระป๋องจากดอยคำ ที่มีจุดเด่นตรงรสชาติแบบมะเขือเทศคั้นสด เพราะเป็นมะเขือเทศต้นฤดูกาลที่แต่ละปีมีผลิตเพียงจำนวนจำกัด ปรุงเล็กน้อยด้วยปาปริก้า และพริกไทย ท็อปด้วยเมล็ดฟักทองและ Nut Parmesan เสิร์ฟมาคู่กับแซนวิชจากขนมปังโฮลวีทไส้ชีสจากพืช
ต่อด้วยเมนูเอาใจคนรักผักอย่าง Antioxidant Bowl (225 บาท) สลัดแอนตี้ออกซิแดนท์และซอสมะเขือเทศเพสโต้ จานนี้ทางร้านเลือกใช้ผักและธัญพืชคุณภาพดี ทั้งเคลที่ให้โปรตีนและแคลเซียม บีทรูทย่าง วอลนัท และเมล็ดฟักทอง ราดด้วยน้ำสลัดบัลซามิก เสิร์ฟมากับซอสเพสโต้ที่ใช้ น้ำมะเขือเทศ ๑๐๐% แบบกระป๋องจากดอยคำมาปั่นเข้ากับอัลมอนด์ และเพิ่มสัมผัสน่าเคี้ยวด้วย มะเขือเทศเชอร์รีอบแห้ง ออกมาเป็นเมนูสุดประทับใจ
Veganerie Concept
สุขุมวิท ซอย 24
เปิดทุกวัน เวลา 11.00 - 22.00 น.
โทร. 02-258-8489
www.facebook.com/Veganerie.Official
ส่วนใครรักอาหารอิตาเลียน ต้องไม่พลาดแวะมาที่ Peppina ร้านอาหารอิตาเลียนสไตล์แคว้นนาโปลี หนึ่งในตำนานร้านพิซซ่าแห่งย่านสุขุมวิทที่ครองใจใครหลายคนมาเป็นเวลานาน ตัวร้านตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 33 พร้อมต้อนรับทุกคนด้วยบรรยากาศสบาย ๆ โดดเด่นด้วยเตาอบพิซซ่าแบบต้นตำรับขนาดใหญ่ที่เป็นสัญลักษณ์ของแคว้นนาโปลีนั่นเอง
ครั้งนี้ทางร้านได้เข้าร่วมแคมเปญพร้อมครีเอตเมนูสุดพิเศษจากวัตถุดิบคุณภาพพรีเมียมจากดอยคำอย่าง น้ำมะเขือเทศ ๑๐๐% แบบกระป๋อง, มะเขือเทศเชอร์รีอบแห้ง และ น้ำมะเขือเทศผสมน้ำผลไม้รวม ๙๘% ม็อกเทล สู่ 3 เมนูสุดพิเศษ
เริ่มจาก Pizza Quattro Pomodori (480 บาท) พิซซ่า Pizza Gought Caputo แป้งบางนุ่ม มาในถาดใหญ่เต็มอิ่ม พร้อมวัตถุดิบหลักสุดพรีเมียมอย่าง มะเขือเทศหลากสายพันธุ์ที่ถูกแบ่งออกเป็น 4 หน้า ทั้ง Piennolo Giallo, Piennolo Tomatoes, Pomodori Pelati และ Peppina แต่งแต้มด้วย Basil Italian, Buffa lo Mozzarella, Virgin Olive Oil และเพิ่มเนื้อสัมผัสในการเคี้ยวด้วย มะเขือเทศเชอร์รีอบแห้ง จากดอยคำ นั่นเอง
ส่วนใครชอบ Ravioli ต้องสั่ง Ravioli Ripieni Pesto Con Pomodorini Secchi (420 บาท) มาลิ้มลอง โดยจานนี้เชฟใช้ Pasta Dough มาทำเป็นตัว Ravioli ผสมเข้ากับวัตถุดิบอื่นในส่วนของไส้ ทั้ง Ricotta, Pecorino Romano, Parmesan Cream, Pine Nut, Basil Italian, Big Garlic, Virgin Olive Oil, Black Pepper และแน่นอนว่า ได้เพิ่มเนื้อสัมผัสให้ได้เคี้ยวกันอีกนิดด้วย มะเขือเทศเชอร์รีอบแห้ง จากดอยคำ
ปิดท้ายด้วยเมนูของหวานสุดพิเศษที่ทางร้านตั้งใจนำเสนออย่าง Tortino Al Mascarpone Con Composta Di Pomodoro (240 บาท) ส่วนของแป้งทาร์ตทำจาก Pasta Flour ผสมเข้ากับเนยจืด เพิ่มความหวานด้วยน้ำตาลไอซิ่งและใส่ไข่เพื่อความนุ่มนวล ในส่วนของท็อปปิ้งประกอบด้วย Brown Sugar, Mint Leave, Lemon และ Red Wine
ด้านในตัวทาร์ต ใช้วัตถุดิบแปรรูปจากมะเขือเทศดอยคำถึง 3 อย่างด้วยกัน ทั้ง น้ำมะเขือเทศ ๙๙%, มะเขือเทศเชอร์รีอบแห้ง แถมยังมี น้ำมะเขือเทศผสมน้ำผลไม้รวม ๙๘% ม็อกเทล ที่ถูกนำมาผสมในซอส จนสามารถเรียกได้ว่าเป็น Doi Kham Tomato Tarte ได้เลย!
Peppina Sukhumvit 33
ซอยสุขุมวิท 33
เปิดทุกวัน เวลา 10.00 - 21.00 น.
โทร. 02-119-7677
www.facebook.com/peppinapizza
มาเอาใจคนรักเมนูเส้นกันต่อที่ Spaghetti Factory ร้านอาหารสไตล์ฟิวชันที่อยากนำเสนอความอร่อยของ Fresh Pasta พาสต้าเส้นสดที่มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบพร้อมรังสรรค์ออกมาเป็นเมนูจานเด็ดสำหรับคนชอบกินเส้นไม่เน้นกินข้าว ให้คุณได้เอ็นจอยไปกับจานโปรด ท่ามกลางบรรยากาศสุดเก๋ที่แฝงด้วยความเท่แบบอินดัสเทรียลและให้กลิ่นอายแบบโรงงานทำเส้นพาสต้า เพิ่มมู้ดอบอุ่นจากการเลือกใช้สีสันแบบเอิร์ธโทนแซมด้วยสีเขียวสบายตาจากต้นไม้ที่ประดับประดาอยู่รอบร้าน
สำหรับเมนูน้องใหม่ที่อยากชวนมาลอง Spaghetti with Seafood & Napoli Doi-Kham Tomatoes Sauce (250 บาท++) สปาเก็ตตี้เส้นสดคลุกเคล้ามากับซีฟู้ดและซอสนาโปลีสูตรเฉพาะของทางร้าน ที่ในครั้งนี้เลือกใช้ส่วนผสมเป็น ซอสมะเขือเทศ สูตรปกติจากดอยคำ ให้รสชาติที่เข้มข้นของซอสมะเขือเทศ ได้ความเปรี้ยวหวานลงตัว
ทานง่ายเข้ากันได้ดีกับสปาเก็ตตี้เส้นสด
หรือจะลองเป็น Cream Sauce Reginette with Doi-Kham Dry Cherry Tomatoes and Smoked Bacon (250 บาท++) พาสต้าเส้นเรจิเนเต้ผัดคลุกเคล้าให้ได้ความครีมมีของซอสครีมสูตรเฉพาะของทางร้านผสานกันกับความเค็มและเท็กซ์เจอร์กรุบกรอบของเบคอนรมควันหั่นชิ้นพอดีคำ ท็อปด้วย มะเขือเทศเชอร์รีอบแห้ง เพิ่มรสชาติเปรี้ยวอมหวาน ช่วยตัดรสความครีมมีส่งให้จานนี้กลมกล่อมเป็นอย่างดี
Spaghetti Factory
CentralWorld ชั้น 6
เปิดทุกวัน เวลา 11.00 - 22.00 น.
www.facebook.com/spaghettifactory
ต่อด้วยการชวนคนรักเส้นมาอร่อยกันที่ Ñam Ñam ร้าน Pasta & Tapas ชื่อดังในย่านถนนเพชรบุรี ที่พร้อมนำเสนอหลากหลายเมนูพาสต้าเส้นสดต้นตำรับสูตรโฮมเมด พร้อมครีเอตความอร่อยแบบสดใหม่ในทุก ๆ จาน ท่ามกลางบรรยากาศแสนอบอุ่นของบ้านหลังเล็กที่อัดแน่นไปด้วยความอร่อย !
เริ่มต้นจานแรกกันด้วยเมนูรองท้องอย่าง Fried Polenta with Tomato Jam and Coppa (220 บาท) เมนู Tapas ที่เชฟนำ Polenta ไปปั้นเป็นชิ้นพอดีคำแล้วนำไปทอดกรอบ ก่อนจะทาด้วยแยมมะเขือเทศโฮมเมดสูตรเฉพาะของเชฟที่มีส่วนผสมของ น้ำมะเขือเทศ ๑๐๐% แบบกระป๋องและ มะเขือเทศเชอร์รีอบแห้ง สลับชั้นกันกับมะเขือเทศมายองเนสสูตรโฮมเมดที่มีส่วนผสมของ น้ำมะเขือเทศ ๑๐๐% แบบกระป๋อง ก่อนจะท็อปด้วย Coppa Ham ความเค็มจากแฮมและความเปรี้ยวอมหวานของมะเขือเทศรวมกันเป็นเมนูทานง่ายที่ได้ความกรุบกรอบเข้ากันในแต่ละเลเยอร์ได้เป็นอย่างดี
มาถึงจานหนักท้องอย่าง Pasta with Dried Tomato Sauce, Olive and Anchovy with Fish Of The Day (310 บาท) สปาเก็ตตี้เส้นสดที่ทางร้านทำสดใหม่ในทุก ๆ วัน ผัดคลุกเคล้ากันกับซอสมะเขือเทศสูตรเฉพาะของทางร้านที่มีส่วนผสมของความกลมกล่อมจาก น้ำมะเขือเทศ ๑๐๐% แบบกระป๋องปั่นรวมกันกับมะกอกและแองโชวี่ ได้รสเค็มและกลิ่นหอม ๆ จากแองโชวี่ ผสมกับรสเปรี้ยวอมหวานจากน้ำมะเขือเทศแท้ 100% จากดอยคำ เสิร์ฟมาคู่กันกับปลาเนื้อขาวชิ้นโตที่นำไปจี่ลงบนกระทะจนสุกกำลังดี แนะนำให้บีบเลมอนตามลงไป จะช่วยชูรสชาติความอร่อยของจานนี้ได้เป็นอย่างดี
Ñam Ñam
ซอยศูนย์วิจัย (เพชรบุรี 47 แยก 5)
โทร. 09-8520-8026
เปิดทุกวัน (ปิดวันจันทร์)
เวลา 11.00 - 15.00 น. และ 17.00 - 22.00 น. (ตามเวลาปกติ)
www.facebook.com/namnampastaandtapas
After You
มาปิดท้ายกันที่ร้านขนมหวานชื่อดังอย่าง After You ซึ่งในครั้งนี้ได้ร่วมนำเสนอเมนูสุดพิเศษไม่เหมือนที่ไหนอย่าง มะเขือเทศพริกเกลือคากิโกริ (175 บาท) ที่ทางร้านได้คิดค้นขึ้นเองในทุกกระบวนการ และยังถือว่าค่อนข้างท้าทายในการนำ 'มะเขือเทศ' ผลไม้ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์และพริกเกลือที่ให้รสจัดจ้านสไตล์ไทยมาประยุกต์เข้ากับขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่นอย่าง คากิโกริ แถมยังใช้ผลิตภัณฑ์มะเขือเทศของดอยคำเข้ามาร่วมสร้างสรรค์ ทั้งส่วนของน้ำมะเขือเทศ ๑๐๐% แบบกระป๋อง และ มะเขือเทศเชอร์รีอบแห้ง โดยเมนูนี้ออกมาในรูปแบบของน้ำแข็งไสเย็นฉ่ำ เนื้อฟูเบา ได้รสหวานนิด ๆ จากน้ำมะเขือเทศดอยคำ โรยด้วยพริกเกลือ รสเผ็ดร้อน และยังได้ มะเขือเทศเชอร์รีอบแห้ง มาเพิ่มเนื้อสัมผัสชวนให้ขบเคี้ยว ช่วยเติมเต็มเมนูนี้ให้สมบรูณ์ยิ่งขึ้น โดยสามารถแวะมาลองเมนูพิเศษนี้ได้เลยที่ After You ทุกสาขา ระหว่างวันที่ 1 พ.ย. 2564 - 15 ธ.ค. 2564 เท่านั้น!
After You
After You ทุกสาขา
โทร. 02-318-4488
เปิดทุกวัน เวลา 10.00 - 19.30 น.
www.facebook.com/afteryoucafe
- แฟน ๆ BKK. สามารถตามไปลิ้มลองความอร่อยที่มาพร้อมประโยชน์ของมะเขือเทศในแคมเปญ Fruit Collaboration by Doi Kham Season 2 กับ ‘ลูกหล้า อินเดอะซิตี้’ ได้ที่ 10 ร้านอาหารและคาเฟ่เหล่านี้ ตั้งแต่วันที่ 1 พย 2564 - 31 มค 2565