ได้เวลาส่งต่อดี ๆ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตใหม่ไปพร้อมกับความใส่ใจสิ่งแวดล้อมของโลกใบนี้ให้ดำเนินไปในทิศทางที่ดีขึ้นและยั่งยืนมากขึ้น โดยเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงจากจุดเล็ก ๆ อย่างแนวคิดการลดใช้ขวดน้ำพลาสติกที่เรียกได้ว่าเป็นการมองเห็นถึงปัญหาใหญ่ของปริมาณขยะพลาสติกมากมายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในแวดวงธุรกิจ Hospitality ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมหรือร้านอาหารที่มักส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมโดยตรง ด้วยเหตุนี้เอง ‘rynn’ แบรนด์ผลิตน้ำดื่มสำหรับร้านอาหารและโรงแรม จึงผุดไอเดียในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของภาคส่งเสริมและสนับสนุนเรื่องความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม (100% Sustainable - Zero for More) ผ่านการให้บริการทางเลือกใหม่แก่แวดวงธุรกิจ Hospitality กับการหันมาใช้เครื่องผลิตน้ำดื่ม rynn ซึ่งได้ทั้งความพรีเมียม สะอาดปลอดภัย ชูรสชาติอาหาร แถมยังดีต่อสิ่งแวดล้อม แบบตอบโจทย์ครบทุกความต้องการ
ทำความรู้จักกับ rynn แบรนด์ผลิตน้ำดื่มคุณภาพ
เพื่อความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
การทำงานของระบบผลิตน้ำดื่ม rynn ใช้ 'Nano Filtration Technology’ ในระบบกรอง ซึ่งมีความละเอียดในการกรองถึงระดับ 0.001ไมครอน ช่วยป้องกันและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคและแบคทีเรีย ทั้งยังคงแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายภายในน้ำไว้ได้เป็นอย่างดี ให้คุณภาพน้ำดื่มที่ใกล้เคียงกับน้ำแร่ธรรมชาติเลยทีเดียว ซึ่ง ‘Mineral Taste’ หรือผลลัพธ์ที่ได้จากเครื่องผลิตน้ำดื่ม rynn นั้น ให้รสชาติหรือมอบรสสัมผัสที่แตกต่างจากน้ำดื่มที่ผ่านการกรองในรูปแบบทั่วไปอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ยังสามารถวางใจในด้านการจัดการติดตั้งเครื่องผลิตน้ำดื่มได้เลยว่า ณ จุดติดตั้งเครื่องของทุกโลเคชันร้าน ล้วนผ่านการวิเคราะห์และรับรองตามมาตรฐานน้ำบริโภคมาเป็นอย่างดี จึงนับเป็นระบบผลิตน้ำดื่มของคนยุคใหม่ที่ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของความสะอาดปลอดภัยและคุณภาพของน้ำดื่มได้อย่างสมบูรณ์ครบถ้วน
ระบบผลิตน้ำดื่ม rynn Mineral Preserved Water มีให้เลือกใช้งานน้ำทั้ง 3 แบบในเครื่องเดียวกัน ประกอบด้วยน้ำ rynn แบบ Still Water ทั้งน้ำเย็นพร้อมดื่มและน้ำที่อุณหภูมิห้องซึ่งยังคงแร่ธาตุต่าง ๆ ในน้ำดื่มไว้ได้อย่างครบถ้วน ควบคู่ไปกับน้ำ rynn แบบ Sparkling Water (เป็นเครื่องผลิตน้ำดื่มแบบ Cold-Carbonization ซึ่งมีการเติมแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ลงไปในน้ำที่มีอุณหภูมิเย็นจัดด้วย ข้อสังเกตคือ Sparkling Water ของ rynn จะมีฟองอากาศที่เล็กกว่า จึงให้รสสัมผัสที่นุ่มละมุนกว่าน้ำสปาร์คกลิงหรือน้ำโซดาทั่วไป) โดยน้ำดื่มสปาร์คกลิงนั้นจะนิยมเสิร์ฟภายในร้านอาหารประเภท Fine Dining เป็นส่วนใหญ่ เพราะมีส่วนช่วยเคลียร์รสชาติในปากได้มากกว่า แต่ไม่ว่าจะเสิร์ฟความสดชื่นในรูปแบบไหน ควบคู่ไปกับอาหาร หรือนำน้ำดื่มไปเป็นส่วนประกอบของการครีเอตเมนูอาหารและเครื่องดื่มประจำร้านก็ตอบโจทย์การใช้งานอย่างคุ้มค่าทั้งสิ้น
ไม่เพียงแต่เฉพาะเรื่องของน้ำดื่มเท่านั้นที่ทางแบรนด์ rynn นั้นให้ความสำคัญ ในส่วนของภาพลักษณ์ด้านแพ็กเกจจิ้งก็ได้ให้ความใส่ใจในเรื่องการออกแบบขวดน้ำดื่มไปพร้อม ๆ กันอีกด้วย โดยขวดน้ำดื่มของ rynn ได้เลือกใช้เป็นขวดแก้วใสที่ผ่านการออกแบบและผลิตมาอย่างสวยงาม การันตีด้วยรางวัล DEmark Award (Design Excellence Award 2023) ด้านแนวคิดการดีไซน์ขวดน้ำ ซึ่งง่ายต่อใช้งานและทำความสะอาด เหมาะสำหรับใช้เสิร์ฟน้ำดื่มภายในร้านอาหารอย่างมาก
เอ็นจอยมื้ออาหารสุดพรีเมียม
เติมเต็มความอร่อยที่มากกว่าด้วยน้ำแร่ rynn
ประเดิมความอร่อยแห่งแรกกันที่ ‘Le Du’ หรือ ‘ฤดู’ ร้านอาหารไทยสไตล์ Fine Dining โดย เชฟต้น-ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร เชฟรุ่นใหม่ไฟเเรงที่ตั้งใจสร้างสรรค์อาหารไทยในรูปเเบบใหม่ โดยคัดสรรวัตถุดิบท้องถิ่นของประเทศไทยในแต่ละฤดูกาล อย่าง ไข่มดแดง น้ำเต้า ปลาร้า ฯลฯ เพื่อหา Combintation ของวัตถุดิบมานำเสนอออกมาเป็นรูปแบบอาหารไทยสมัยใหม่ ผสมผสานกรรมวิธีการปรุงอาหารแบบดั้งเดิมเข้ากับแนวคิดและเทคนิคใหม่ ๆ ออกมาในรูปแบบ Tasting Menu อาหารของที่นี่จึงตั้งอยู่บนรสชาติไทยเเบบเดิม ๆ ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่สัมผัสรสชาติที่แท้จริงของแต่ละวัตถุดิบได้ชัดเจนกว่าในอาหารไทยปกติ และหาทานที่ไหนไม่ได้อย่างแน่นอน
โดยการันตีคุณภาพและความอร่อยด้วยรางวัลมิชลิน 1 ดาว 2 ปีซ้อน ก่อนคว้าอันดับ 1 ร้านอาหารที่ดีที่สุดของเอเชียในการจัดอันดับ Asia’s 50 Best Restaurants 2023 โดย Theworlds50best และได้รับการจัดอันดับที่ 15 ในการจัดอันดับการแข่งขันระดับโลก The World’s 50 Best Restaurants 2023
นอกจากความพิถีพิถันในคัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุดเพื่อรังสรรค์อาหารแต่ละจาน สิ่งหนึ่งที่ Le Du ให้ความสำคัญไม่แพ้กันเป็นอันดับต้น ๆ คือเรื่องของ Sustainable โดยเลือกติดตั้งระบบน้ำดื่มระดับพรีเมียมจาก ‘rynn’ ภายในร้าน เพื่อใช้เป็นส่วนประกอบของอาหาร และส่งต่อน้ำแร่ที่ดีมีคุณภาพ สะอาดและปลอดภัยควบคู่ไปกับอาหารจานพิเศษ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อม โดยการผลิตน้ำดื่มในร้านภายใต้คอนเซ็ปต์ Zero Waste ยังช่วยลดจำนวนพลาสติก ที่จัดเก็บ และค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งได้ในจำนวนมาก ยังสามารถเลือกประเภทของน้ำดื่มไม่ว่าจะเป็น Still Water หรือ Sparkling Water เพื่อเสิร์ฟควบคู่ไปกับคอร์สอาหารฉบับไทยแท้ เพื่อสร้างสีสันและประสบการณ์ทานอาหารที่ดีที่สุดให้กับนักชิมทุกท่านได้เป็นอย่างดี
ที่นี่เน้นจัดเสิร์ฟอาหารไทยแบบ Fine-Dining ที่คงรสชาติความเป็นไทยแท้ พร้อมการจัดจานที่บรรจงปรุงแต่งอย่างตั้งใจ ในรูปแบบ Tasting Menu ซึ่งให้เลือกทั้งแบบ 4 คอร์ส (3,900++ บาท) และแบบ 6 คอร์ส (4,500++ บาท)
สำหรับเมนูสุดสร้างสรรค์ในคอร์สแรกขอแนะนำ ‘Seabass I Cladophora I Northern Curry’ ปลากะพงจากชาวประมงในจังหวัดปัตตานี ที่นำไปซูวีให้เข้ากับเครื่องเทศสุดพิเศษที่ผ่านกระบวนการ Dry จนออกมาเป็นผง ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก ‘อ็อกปลา หรือ แอ๊บปลา’ อาหารของทางภาคเหนือ ต่อด้วยการคัดสรรมะเขือเทศออร์แกนิกจากเชียงใหม่ นำมาสกัดเป็นน้ำและอินฟิวส์กับโหระพาจนได้ซุปที่มีกลิ่นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ระหว่างนี้แนะนำให้จิบน้ำ rynn Sparkling Water เพื่อเคลียร์รสชาติในปากก่อนเริ่มเมนูถัดไปอย่าง ‘Banana Prawn I Seaweeds I Toasted Chilli’ เมนูกุ้งแช่บ๊วยจากระนอง เสิร์ฟคู่กับสาหร่ายข้อจากจันทบุรี สาหร่ายพวงองุ่นจากสมุทรสงครามเพื่อให้ได้สัมผัสที่แตกต่างกัน โดยนำโหระพาและบีทรูทไปผสมกับมะนาว น้ำปลาพริก เพื่อสร้างสรรค์วิธีการเสิร์ฟในรูปแบบใหม่คล้ายกับไอศกรีม ที่สัมผัสแรกชวนให้คิดถึงกุ้งแช่น้ำปลาแบบไทย ๆ ที่เป็นอาหารจานโปรดของใครหลาย ๆ คน
ต่อไปเป็นหนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน Le Du ที่สามารถ Add-on เข้ามาเพื่อเพิ่มเติมความอร่อยให้เพอร์เฟ็กต์ลงตัวกับ ‘Signature River Prawn (1,200++ บาท)’ ข้าวคลุกกะปิหน้าตาน่ารับประทาน ที่ได้กุ้งแม่น้ำตัวโตมาจากทะเลสาบสงขลา ก่อนจะนำมาย่างจนได้เนื้อที่นุ่มเด้ง และสัมผัสของมันกุ้งผสมต้มยำที่ชุ่มฉ่ำ ทานคู่กับข้าวคลุกกะปิ ที่เพิ่มความพิเศษด้วยการใช้ข้าวหอมปาย ที่ปลูกท่ามกลางอากาศดีของบนเขาจากอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน มาผสมกะปิจากระยองที่ขึ้นชื่อในเรื่องความหอมเป็นเอกลักษณ์ ทานคู่กับหมูหวานในรูปแบบแยม และเครื่องเคียงอื่น ๆ ผสมผสานครบรสเป็นข้าวคลุกกะปิในรูปแบบที่ไม่เหมือนใครของ Le Du
Ledu
399/3 ซอยสีลม 7 แขวงสีลม เขตบางรัก
เปิด วันจันทร์-เสาร์ (ปิดวันอาทิตย์) เวลา 19.00-22.00 น.
โทร. 09-2919-9969
www.facebook.com/Ledurestaurant
สำรองที่นั่งล่วงหน้าเท่านั้น! ผ่านทาง www.ledubkk.com
ส่งมอบประสบการณ์มื้ออาหารสุดพรีเมียมกันอีกหนึ่งแห่งที่ ‘Craftsman Roastery & Brew Bar’ หนึ่งในร้านกาแฟและร้านอาหารที่ให้การสนับสนุนในเรื่องของความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมผ่านการใช้บริการติดตั้งเครื่องผลิตน้ำดื่ม rynn ซึ่งทางร้านได้มีการนำมาครีเอตเป็นเมนูเครื่องดื่มประจำร้านและเสิร์ฟควบคู่ไปกับเมนูอาหารในคราวเดียวกัน
Craftsman Roastery & Brew Bar แห่งนี้ มาพร้อมโลเคชันและบรรยากาศร้านที่ยังคงคอนเซ็ปต์ความคลาสสิก ให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสถึงมนต์เสน่ห์ของอาคารเก่าตามแบบฉบับของชาว Craftsman Roastery ไว้เช่นเดิม โดยอาคารหลังนี้ตั้งอยู่ภายในซอยสาธุประดิษฐ์ 20 ซึ่งเดิมทีสถานที่แห่งนี้เคยเป็นโรงกลึงเก่ามาก่อน ตามความชอบของ ‘คุณแวว-เนตรนภา นราธัศจรรย์’ ผู้ก่อตั้ง Craftsman Roastery ซึ่งต้องการสร้างภาพจำ ความเป็นเอกลักษณ์ของร้านกาแฟที่อยู่ในอาคารโบราณเสมอ โดยโลเคชันนี้จะมีทั้งความโมเดิร์นและความเรียบง่ายในตัว เหมาะสมกับคาแร็กเตอร์ของ Craftsman Roastery ไม่ว่าจะเป็นโซนนั่งด้านในหรือด้านนอกที่โชว์ให้เห็นถึงความดิบเท่ของตัวอาคารซึ่งแทบไม่ต้องปรับปรุงส่วนใดใหม่เลย
เพราะการทำธุรกิจร้านกาแฟและร้านอาหารของที่นี่ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการอนุรักษ์อาคารโบราณ ทางร้านจึงเลือกสนับสนุนแนวคิดเรื่องของความยั่งยืน ด้วยการหันมาใช้เครื่องผลิตน้ำดื่ม rynn ซึ่งถูกนำมาติดตั้งไว้ด้านหลังเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม เพื่อลดการใช้ขวดน้ำพลาสติกภายในร้าน ในขณะเดียวกันยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าผู้มาใช้บริการด้วยการเสิร์ฟน้ำดื่มคุณภาพ ที่ทั้งสะอาดและปลอดภัย ร่วมกับแพ็กเกจจิ้งขวดแก้วที่มีดีไซน์สวยงาม ใช้ซ้ำได้อย่างคุ้มค่า ตอบโจทย์ทุกความต้องการทั้งด้านสุขอนามัยและลดการใช้ขยะพลาสติกได้อย่างตรงใจ
ในส่วนของการนำน้ำดื่ม rynn มาใช้นั้น ทางร้านได้เลือกใช้ rynn Sparkling Water ในการครีเอตเมนูเครื่องดื่มประจำร้านถึง 2 เมนูด้วยกันคือ Kaffir Lime Ginger & Rosemary Mocktail (95 บาท) เครื่องดื่มม็อกเทล ที่มีส่วนผสมหลักเป็นน้ำมะกรูดคั้นสด ซึ่งก่อนเสิร์ฟจะมีการคั้นเอาส่วนเปลือกหรือผิวมะกรูดท็อปตามลงไปด้วยนิดหน่อยเพื่อให้เครื่องดื่มมีกลิ่นหอมสดชื่น ภายในแก้วจะเบสรสชาติด้วยกลิ่นของขิง เพื่อเป็นตัวเชื่อมระหว่างโรสแมรี่กับมะกรูดเข้าไว้ด้วยกัน ให้ความอโรมาที่ซับซ้อน หอมกลิ่นสมุนไพรอ่อน ๆ เน้นเสิร์ฟเพื่อเติมความสดชื่น ให้กลิ่นอายของเครื่องดื่มสไตล์ทรอปิคอลที่โดดเด่นด้วยส่วนผสมของผลไม้เขตร้อนอย่างเลมอน ชูวัตถุดิบพืชผักสมุนไพรของไทย ผสมผสานเข้ากับความซาบซ่าของ rynn Sparkling Water ของน้ำดื่ม rynn ได้อย่างลงตัว
ตามมาด้วย Lychee Rose Black Sparkling (95 บาท) เครื่องดื่ม Fruity Coffee หรือกาแฟผลไม้ที่ดื่มง่ายและให้ความสดชื่น ด้วยการเลือกใช้ rynn Sparkling Water เป็นส่วนผสมหลัก ทางร้านได้จัดแยกเสิร์ฟระหว่าง rynn Sparkling Water กับช็อตกาแฟ โดยแนะนำให้ลองจิบน้ำสปาร์คกลิงก่อน ก่อนจะเทช็อตกาแฟตามลงไป พร้อมด้วยไซรัปลิ้นจี่กุหลาบ โดยน้ำสปาร์คกลิงนั้นมีแร่ธาตุเป็นตัวเชื่อมรสชาติระหว่างน้ำผลไม้ ช็อตกาแฟ เข้าไว้ด้วยกัน จึงช่วยเพิ่มมิติรสชาติของเครื่องดื่มได้มากขึ้น
ไม่เพียงแต่การครีเอตเครื่องดื่มด้วย rynn Sparkling Water เท่านั้น แต่ยังเน้นเสิร์ฟความสดชื่นควบคู่ไปกับมื้ออาหารที่ส่วนใหญ่เน้นเป็นเมนูอาหารไทยหรือเมนูแกงที่ให้รสชาติเข้มข้น ซึ่งการดื่ม rynn Sparkling Water จะช่วยเคลียร์รสชาติอาหารในปากได้เป็นอย่างดี สำหรับเมนูที่ทางร้านเลือกเสิร์ฟความอร่อยในครั้งนี้ ได้แก่ ข้าวเป็ดกงฟีต์ ราดซอสแกงคั่วสับปะรด (290 บาท) เนื้อน่องติดสะโพกของเป็ดที่นำไปซูวี (Sous Vide) หรือปรุงให้สุกในถุงสุญญากาศผ่านระยะเวลานานหลายชั่วโมง จนสุกทั่วถึง ได้หนังกรอบนอกเนื้อนุ่มในชุ่มซอสแกงคั่วสับปะรดที่ให้รสชาติเปรี้ยวอมหวานเข้มข้น ตักรับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยเหาะอย่าบอกใคร!
ข้าวหมูอบสูตรจีนแคะ (220 บาท) หนึ่งในเมนูข้าวยอดนิยมของทางร้าน เด็ดด้วยสูตรลับเฉพาะที่คัดสรรวัตถุดิบซี่โครงหมูอบชั้นดีมาหมักซอสข้ามคืนจนเข้าเนื้อ เสิร์ฟให้รับประทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ พร้อมด้วยน้ำจิ้มพริกรสเปรี้ยวเพื่อเพิ่มรสชาติ
แล้วปิดท้ายมื้ออร่อยนี้ด้วย โรตีแกงกะหรี่เนื้อออสเตรเลีย (390 บาท) แกงกะหรี่เนื้อตุ๋นที่ทางร้านคัดสรรเฉพาะเนื้อคุณภาพมาตุ๋นจนเปื่อยกำลังดี ผสานเข้ากับเครื่องเทศรสจัดจ้านตามสไตล์อินเดีย เสิร์ฟพร้อมกับแป้งโรตีที่ให้สัมผัสทอดกรอบนอกนุ่มใน พร้อมด้วยหัวไชเท้าดองขมิ้นที่ทางร้านทำเองมาช่วยตัดรสชาติได้เข้ากันอย่างลงตัว
เรียกว่า Sparkling Water จากเครื่องผลิตน้ำดื่ม rynn ช่วยเติมเต็มประสบการณ์การรับประทาน และสามารถเป็นทางเลือกใหม่ในการสร้างสรรค์เครื่องดื่มกาแฟและเครื่องดื่มสปาร์คกลิงรสชาติใหม่ ๆ ให้กับร้าน Craftsman Roastery & Brew Bar ได้ตรงจุดอย่างแท้จริง
Craftsman Roastery & Brew Bar
12 ซอยจันทน์ 43 แยก 45 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม
เปิด วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 07.00-18.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.30-18.00 น.
โทร. 08-5820-4010
www.facebook.com/craftsmanroastery
ปักหมุดมื้ออร่อยสุดพรีเมียมกันต่อที่ร้าน ‘CLARA’ ร้านอาหารอิตาเลียนไฟน์ไดน์นิ่งจากเชฟเจ้าของร้าน 'คุณ Christian Martena' และภรรยา ‘คุณ Clara Del Corso-Martena’ ผู้ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของร้านนี้ โดยตัวร้านตั้งอยู่ในอาคารสีขาวหลังใหญ่ที่เคยเป็นอาร์ตแกลเลอรีมาก่อนหน้านี้ ซ่อนตัวอยู่ในย่านเย็นอากาศ พร้อมที่จอดรถไว้คอยให้บริการ
เมื่อเข้ามายังบริเวณร้านคุณจะต้องประทับใจไปกับบรรยากาศความร่มรื่นของสวนสวยเขียวขจีด้านนอก อีกทั้งแนวการตกแต่งร้านในสไตล์โมเดิร์นเรียบง่าย ล้อมรอบด้วยหน้าต่างกระจกใสที่ดูคล้ายกับกลาสเฮ้าส์ ทั้งยังคงความเป็นอาร์ตแกลเลอรีเอาไว้ ประดับผนังด้วยผลงานศิลปะจากหลากหลายศิลปินที่จะคอยหมุนเวียนเปลี่ยนกันมาไว้ตามมุมต่าง ๆ ได้อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ตัวร้านมีทั้งหมด 2 ชั้น ด้านล่างเป็นครัวเปิด สามารถมองเห็นเหล่าเชฟแสดงฝีมือการทำอาหารกันได้อย่างเต็มที่ ถัดจากครัวจะเป็นโซนที่นั่งแบบ Chef's Table และโซนที่นั่งสำหรับใครที่มาเป็นคู่หรือกลุ่มเล็ก ๆ สำหรับชั้นลอยด้านบนเหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการความไพรเวทหรือต้องการจัดปาร์ตี้ส่วนตัว ทั้งร้านตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นแต่แฝงด้วยความอบอุ่นตามความตั้งใจของเจ้าของร้านที่อยากให้ทุกคนที่ได้มา สามารถเอ็นจอยกับการรับประทานอาหาร สัมผัสความอบอุ่น ผ่อนคลาย และดื่มด่ำบรรยากาศสบาย ๆ เป็นกันเองได้อย่างเต็มที่
การเสิร์ฟความอร่อยของทางร้าน เป็นการพรีเซนต์อาหารอิตาเลียนในรูปแบบที่ทันสมัย (Italian Modern Style) โดยมีให้เลือกสั่ง 2 รูปแบบ คือ Signature Menus เมนูยอดนิยมประจำร้าน และ By Region Menus เมนูที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ รังสรรค์ความอร่อยด้วยแรงบันดาลใจจากอาหารท้องถิ่นหรือวัตถุดิบในแต่ละภูมิภาคของประเทศอิตาลี ซึ่งจะนำไปแพริ่งควบคู่กับการจิบไวน์ ไล่เรียงลำดับเมนูตามแคว้นต่าง ๆ เหมือนเป็นการส่งต่อวัฒนธรรมการกิน พร้อมบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางไปท่องเที่ยวอิตาลีผ่านอาหารประจำแคว้น ทำให้ผู้รับประทานรู้สึกเพลิดเพลินไปกับมื้ออาหารสุดพิเศษ
ครั้งนี้ทางร้านได้เลือกนำเสนอ 2 เมนูแนะนำที่เสิร์ฟภายในคอร์ส ‘Once upon a time in Italy - Chapter VIII Summer Edition - 7 Regions’ โดยพรีเซนต์เมนูอาหารประจำภูมิภาคจากทางตอนเหนือมายังตอนใต้ของอิตาลี ประเดิมความอร่อยจานแรกด้วยเมนู DA NORD A SUD Amuse-bouche ซึ่งประกอบด้วย 3 คำเล็ก ๆ ได้แก่ Heirloom Tomato-Lavender-Strawberry ทาร์ตมะเขือเทศ Heirloom ภายในทาร์ตมีส่วนผสมของมะเขือเทศสับละเอียด น้ำมันดอกลาเวนเดอร์ เลมอน สตรอเบอร์รี, คำที่ 2 คือ Cherry Tomato-Anchovy-Ricotta มะเขือเทศจากทางตอนใต้ของอิตาลี มีส่วนผสมของปลาแองโชวี ใส่น้ำมันโหระพาลงไป ท็อปด้วยมูสชีสริคอตต้าและผงใบโหระพา และคำสุดท้ายคือ Tomato-Marshmallow-Chili มีส่วนผสมของน้ำมะเขือเทศ เป็นมาร์ชเมลโลว์มะเขือเทศ ล้อมรอบด้วยผงพริกและมะเขือเทศ ให้รสชาติของมะเขือเทศและความเผ็ดร้อนนิด ๆ ของพริก
เรียกว่าเป็นการนำเสนอ ‘มะเขือเทศ’ วัตถุดิบท้องถิ่นจากหลากหลายแห่งที่ชาวอิตาลีนิยมรับประทานกันในช่วงหน้าร้อน จึงมีมะเขือเทศเป็นตัวชูโรง ซึ่งทางร้านสามารถครีเอตความอร่อยออกมาได้อย่างสร้างสรรค์และคุ้มค่า
ส่วนอีกหนึ่งเมนูน่าลองของซีซั่นนี้ ขอยกให้กับ SICILIA เมนูพาสต้าเย็นประจำแคว้นซิซิลี (ตั้งอยู่บริเวณเกาะทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี) ที่นิยมรับประทานกันในช่วงหน้าร้อน ซึ่งเส้นพาสต้าที่นำมาทำอาหารคือเส้นฟูซิลี ตามด้วยวัตถุดิบหลักอย่างกุ้งแดง (Gembero Rosso) จากซิซิลี พร้อมส่วนผสมอื่น ๆ ได้แก่ ซอสอัลมอนด์ น้ำมันออริกาโน และคาเวียร์จากอิตาลี พร้อมด้วยเจลเลมอนที่มาเสริมรสชาติความอร่อยแบบเข้มข้น
ด้วยความที่คอนเซ็ปต์การนำเสนอเมนูอาหารของทางร้านนั้นเน้นการคัดสรรวัตถุดิบท้องถิ่นคุณภาพจากทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างคำนึงถึงความคุ้มค่าเป็นหลัก จึงสอดคล้องกับแนวคิด การสนับสนุนในเรื่องของความยั่งยืนควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม ทางร้านจึงเลือกใช้น้ำดื่ม rynn ในลักษณะของการเสิร์ฟเครื่องดื่ม (รสสัมผัสที่ได้จาก rynn Sparkling Water จะให้รสสัมผัสที่ค่อนข้างเด่นชัด ช่วยชูรสชาติอาหารได้เป็นอย่างดี เพราะมีความสดใหม่ ฟองอากาศที่ถูกกดออกมาจากแท็ปให้ความสดชื่นและรสที่นุ่มละมุนกว่า Sparkling Water ทั่วไป) และการนำไปใช้เป็นส่วนผสมของอาหารผ่านกรรมวิธีต่าง ๆ เพราะเชื่อมั่นในเรื่องของความสะอาด รวมถึงให้คุณประโยชน์จากแร่ธาตุที่มากกว่า เพื่อมุ่งหน้าดำเนินไปในทางธุรกิจร้านอาหารอย่างยั่งยืน เพื่อลดการใช้ขวดน้ำพลาสติกและลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งน้ำดื่มไปในตัว การตัดสินใจนำเครื่องผลิตน้ำดื่มของแบรนด์ rynn มาใช้ภายในร้าน นับเป็นแนวทางเลือกใหม่ที่มาช่วยอำนวยความสะดวกและตอบโจทย์ในเรื่องของความยั่งยืน ซึ่งทางร้านเองได้ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด
CLARA
69 ซอยประสาทสุข ถนนเย็นอากาศ เขตยานนาวา
มื้อกลางวัน เปิดให้บริการเฉพาะวันเสาร์ เวลา 12.00-15.00 น.
มื้อเย็น เปิด วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00-23.00 น., วันเสาร์ เวลา 18.00-23.00 น.
โทร. 08-3496-3663
www.clarabangkok.com
www.facebook.com/clarabangkok
www.instagram.com/clarabangkok
จากนั้นชวนไปลิ้มลองความอร่อยของมื้อบรันช์ในบรรยากาศสบาย ๆ ภายในซอยสวัสดีกันต่อที่ ‘Chu Chocolate Bar & Cafe’ คาเฟ่และร้านอาหารสุดโมเดิร์นที่เน้นเสิร์ฟความอร่อยด้วยหลากหลายเมนูบรันช์ ทั้งอาหารคาวและของหวานในสไตล์โฮมเมด แบบ All Day Dining ซึ่งในระหว่างวันตั้งแต่เช้าจรดเย็นคุณสามารถแวะมาอิ่มอร่อย พร้อมแฮงเอาต์กับเหล่าผองเพื่อนคนสนิทได้อย่างชิลล์ ๆ เพราะไม่ว่าจะเลือก Dining โซนไหน จะด้านในหรือด้านนอกร้าน ก็ให้ความรู้สึกที่อบอุ่นและเป็นกันเองไม่แพ้กัน
แน่นอนว่าคาเฟ่และร้านอาหารแห่งนี้ เป็นอีกหมุดหมายสำหรับผู้ที่ต้องการเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหาร ควบคู่ไปกับการสนับสนุนในเรื่องของความยั่งยืน โดย ‘คุณเต้ย-จิรยุว์ ณ ระนอง’ ผู้เป็นเจ้าของร้านก็ได้ตอกย้ำถึงเจตนารมณ์ของการเลือกนำเครื่องผลิตน้ำดื่มแบรนด์ rynn มาใช้ภายในร้านว่า เป็นการตอบโจทย์ในเรื่องของ Zero Waste ซึ่งทางร้านเองได้พยายามลดการใช้พลาสติก การสร้างขยะพลาสติกภายในร้านอาหารให้ได้มากที่สุด ซึ่งคุณเต้ยคิดว่าสิ่งนี้น่าจะเป็น Solution ที่ดีสำหรับผู้ที่ทำธุรกิจร้านอาหารโดยตรง ทั้งเรื่องของจำนวนการผลิตน้ำดื่มในแต่ละวันที่ค่อนข้างคุ้มค่า รวมไปถึงลดปัญหาพื้นที่จัดเก็บน้ำไม่เพียงพอที่แต่เดิมต้องนำมาสต็อกไว้ในแต่ละเดือน
ในส่วนของเมนูแนะนำประจำร้าน Chu Chocolate Bar & Cafe มาแล้วต้องลองสั่ง ‘Norway Scramble (320 บาท)’ เมนูไข่ข้นที่ทางร้านเลือกใช้เนยฝรั่งเศสเป็นส่วนผสม ให้เนื้อสัมผัสนุ่มฟูและได้ความครีมมี่ของชีสรีคอตต้าสด เสิร์ฟมาพร้อมกับแซลมอนรมควันชิ้นใหญ่ ให้รสเค็มนิด ๆ ท็อปลงบนขนมปังซาวร์โดว์ (ขนมปังซาวร์โดว์โฮมเมด จากร้าน Bartels ซึ่งเป็นแบรนด์ขนมปังโฮมเมดที่มีจำหน่ายในเมืองไทย) เนื้อหนึบหนับ ยิ่งเมื่อได้เครื่องดื่มที่มีความสดชื่นซาบซ่าอย่าง rynn Sparkling Water มาจิบคู่กันด้วยแล้ว จะช่วยตัดรสชาติมื้ออาหารจานนี้ได้เป็นอย่างดี
เอาใจคนรักเส้นด้วยเมนู 'Pasta : Spaghetti, Fresh Burrata, Burst Cherry Tomatoes, Fresh Basil (360 บาท)'
สปาเก็ตตี้บูราต้า ที่คลุกเคล้าด้วยส่วนผสมหลักคือ ชีสบูราต้าที่ทำจากวัตถุดิบท้องถิ่นในประเทศไทย พร้อมด้วยวัตถุดิบคุณภาพสดใหม่อีกมากมาย ทั้งมะเขือเทศเชอร์รีและใบโหระพาที่มาช่วยเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมให้พาสต้าจานนี้มีความกลมกล่อมลงตัวมากยิ่งขึ้น
เอ็นจอยกับเมนูอาหารคาวกันไปแล้ว อย่าลืมสั่งเมนูขนมหวานซิกเนเจอร์ของทางร้านอย่าง ‘Homemade Pancake with Signature warm maple butter and Fresh Berries (250 บาท)’ แพนเค้กโฮมเมด หนึ่งในเมนูที่ขึ้นชื่อและขายดีตลอดกาลของที่นี่ ซึ่งโดยปกติแล้วจะนิยมเสิร์ฟกับเมเปิ้ลไซรัป แต่ทางร้านเพิ่มความอร่อยที่มากว่าด้วยการเลือกใช้ Maple Butter Syrup ที่ผสมเนยฝรั่งเศสลงไปด้วย เป็นสูตรลับความอร่อยที่กลายเป็นซอสราดรับประทานคู่กับแพนเค้กแบบสำเร็จรูปไปในตัว ได้รสหวาน มัน เค็ม ที่ผสมผสานรสชาติกันอย่างลงตัว เข้ากันดีกับเนื้อแพนเค้กนุ่ม ๆ ละมุนลิ้น ความเปรี้ยวหวานของบลูเบอร์รีและสตรอเบอร์รีสด เคล้ากลิ่นหอมของเนยแบบเต็ม ๆ คำ แนะนำให้รับประทานคู่กับ Sparkling Lemonade น้ำสปาร์คกลิงรสเลมอนที่มีส่วนผสมของ Sparkling Water จากแบรนด์ rynn จะช่วยคลีนรสชาติในปาก ตัดรสเลี่ยนของขนมหวานได้เป็นอย่างดี หรือหากใครที่เป็นคอกาแฟก็สามารถสั่งเมนู Americano ที่มีส่วนผสมของ rynn Sparkling Water มาดื่มก็ดีงามไม่แพ้กัน ปิดท้ายมื้อบรันช์สุดพิเศษนี้ได้อย่างน่าประทับใจ
ทางร้านได้นำเครื่องผลิตน้ำดื่ม rynn มาตั้งไว้บริเวณหน้าเคาน์เตอร์บาร์อย่างเด่นชัด เพื่อสร้างทางเลือกใหม่ พร้อมเสริมความมั่นใจให้กับผู้มารับประทานอาหารที่ร้านได้ลองสั่งน้ำ rynn มาดื่มคู่กับอาหารจานโปรด เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ในการรับประทานอาหารมื้อต่าง ๆ ที่ช่วยชูรสชาติอาหาร เมื่อบวกกับรูปลักษณ์บรรจุภัณฑ์ ขวดแก้วและแก้วน้ำของ rynn ด้วยแล้ว ก็ยิ่งเพิ่มความพรีเมียมให้กับมื้ออาหารมากขึ้นตามไปด้วย นอกจากจะใช้เสิร์ฟดื่มควบคู่ไปกับมื้ออาหารแล้ว ยังสามารถนำน้ำ rynn ไปใช้ในส่วนต่าง ๆ อย่างการนำไปประกอบอาหารหรือครีเอตเมนูเครื่องดื่มได้อีกด้วย (ทางร้านเลือกจำหน่ายทั้ง Still Water และ Sparkling Water ในราคาเดียวกัน ซึ่งก็ได้มีการประชาสัมพันธ์กับทางลูกค้าที่เข้ามารับประทานอาหารว่าสามารถสั่งน้ำดื่มได้ 2 รูปแบบ ตามที่ต้องการ โดยเฉพาะ rynn Sparkling Water สามารถดื่มแทน Sparkling Water หรือโซดาทั่วไปได้เลย เพราะให้ทั้งความซาบซ่าและรสชาติที่นุ่มละมุนกว่า แถมยังได้คุณประโยชน์จากแร่ธาตุที่ดีต่อร่างกาย)
Chu Chocolate Bar & Cafe
18/1 สุขุมวิท 31 (ซอยสวัสดี) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา
เปิดทุกวัน เวลา 08.00-22.00 น.
โทร. 09-1545-4847
www.facebook.com/CHU.BKK
www.instagram.com/chu.bkk
เปลี่ยนบรรยากาศการไดน์นิ่งมาชิลล์เอาต์เคล้าบรรยากาศสุดหรูของรูฟท็อปบาร์ใจกลางเมืองกันที่ ‘Scarlett Bangkok’ ห้องอาหารฝรั่งเศสสุดหรูที่ตั้งอยู่บนชั้น 37 ของ โรงแรมกรุงเทพฯ จี (Pullman Bangkok Hotel G) พร้อมต้อนรับผู้มาเยือนให้ได้รื่นรมย์ไปกับการจิบเครื่องดื่ม รับประทานอาหารค่ำ พร้อมดื่มด่ำวิวเมืองของกรุงเทพฯ
ด้วยความที่ทางร้านนั้นเป็นร้านอาหารฝรั่งเศสสไตล์บิสโทร จำนวนผู้เข้ามาใช้บริการที่ร้านในแต่ละวันค่อนข้างเยอะมาก เพราะฉะนั้นการมีเครื่องผลิตน้ำดื่มคุณภาพของแบรนด์ rynn มาใช้ภายในร้าน จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเสิร์ฟน้ำดื่มให้กับกลุ่มลูกค้าได้อย่างไม่มีขีดจำกัด ช่วยประหยัดเวลาการเสิร์ฟน้ำดื่มครั้งละจำนวนมาก รวมถึงช่วยลดขยะจากการใช้ขวดน้ำพลาสติกด้วย ซึ่งตอบโจทย์ในเรื่องของ Zero Waste รวมถึงในส่วนของการครีเอตเครื่องดื่มจำพวก Cocktail-High Ball หรือ Mocktail ของทางร้านอาหาร โดยที่ Sparkling Water ของ rynn สามารถนำไปใช้แทน Sparkling หรือ Soda ทั่วไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้รสสัมผัสที่เย็นสดชื่น นุ่มละมุน ด้วยปริมาณฟองอากาศที่กดจากแท็ปแบบสดใหม่ เหมาะดื่มควบคู่ไปกับมื้ออาหารได้เป็นอย่างดี
หลังจากอุ่นเครื่องด้วยเรื่องของดริงก์กันไปเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาลิ้มลองความอร่อยของมื้ออาหารค่ำ โดยที่นี่จะเน้นเสิร์ฟอาหารฝรั่งเศสตามแบบต้นตำรับ ซึ่งมีลักษณะการเสิร์ฟแบบอาหารจานใหญ่ จัดเต็มความอร่อยแบบเนื้อ ๆ เน้น ๆ พร้อมให้บริการทั้งรูปแบบ A La Carte อาหารฝรั่งเศสคลาสสิก และ Daily Special Menu ซึ่งมีการครีเอตเมนูอาหารจานพิเศษตามฤดูกาลให้มีความทันสมัยมากขึ้น ควบคู่ไปกับไวน์และเครื่องดื่ม Signature Drink ต่าง ๆ
สำหรับเมนูแนะนำในครั้งนี้ เชฟเลือกนำเสนอเมนูพิเศษประจำวัน หรือ Daily Special Menu ซึ่งครีเอตจากวัตถุดิบประจำฤดูกาลหรือประจำวันที่ทางร้านได้มาจากแหล่งผลิต โดยจะปรับเปลี่ยนไปตามระยะเวลาที่ทางร้านกำหนด (สามารถอัพเดตเมนูประจำวันได้จากทางเพจของร้าน) เริ่มต้นเรียกน้ำย่อยกันด้วยเมนู ‘Carpaccio grouper’ เมนูจานสลัดสุดพิเศษ ซึ่งเชฟได้เลือกนำเสนอวัตถุดิบท้องถิ่นในไทยมาครีเอตความอร่อยในรูปแบบของอาหารฝรั่งเศส โดยมีส่วนประกอบหลักเป็นเนื้อปลาซีบรีมแล่เป็นชิ้นบาง ๆ พร้อมด้วยพืชผักสมุนไพรท้องถิ่น ได้แก่ เสาวรส และมะเขือเทศเชอร์รี ก่อนจะเพิ่มรสชาติด้วยซอสถั่วเหลือง น้ำมันสกัดจากสมุนไพร แล้วตกแต่งจานด้วยดอกโหระพา
ต่อเนื่องความอร่อยแบบเอาใจคนรักสุขภาพด้วย ‘Vegetable plate’ อีกหนึ่งเมนูสุดเฮลท์ตี้ ที่คนชอบรับประทานเห็ดจะต้องถูกใจเป็นพิเศษ โดยจานนี้จะประกอบไปด้วยหลากหลายวัตถุดิบพืชผักสมุนไพรท้องถิ่น อย่างเห็ด Buttons Brown นำเข้าจากฝรั่งเศสที่นำมาหั่นสไลด์ รับประทานคู่กับหน่อไม้ฝรั่งอ่อน ๆ, ถั่วแขกจากฝรั่งเศส, กระเทียมต้นที่นำไปเบิร์นกับชาร์โคลให้มีกลิ่นหอม ทั้งหมดเสิร์ฟมาให้รับประทานคู่กับซอสมะนาวเข้มข้นที่มีส่วนผสมของน้ำผึ้งและน้ำมันมะกอก ตามด้วยซาวร์ครีมเลมอนที่โรยท็อปด้วยผงขนมปังให้เลือกจิ้มเข้าคู่กัน ให้รสเปรี้ยวอมหวานผสานความอร่อยเข้ากับหลากหลายวัตถุดิบภายในจานได้เป็นอย่างดี
ปิดท้ายความอร่อยแบบจัดเต็มด้วย ‘Le Coquelet de Ferme Roti aux herbes de Provence’ ไก่ย่างหมักเครื่องเทศสไตล์โพรวองซ์ ซึ่งเชฟของทางร้านได้เลือกใช้ Baby Chicken ที่ผ่านการเลี้ยงตามธรรมชาติ เพื่อให้เนื้อสัมผัสที่นุ่มเป็นพิเศษ ก่อนจะนำไปหมักเข้ากับเครื่องเทศสูตรเฉพาะตามแบบต้นตำรับของทางฝรั่งเศส เสิร์ฟมาพร้อมกับมันบดที่มีส่วนผสมของเห็ดทรัฟเฟิลมาช่วยเพิ่มความครีมมี่และความหอมอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะ ให้รับประทานคู่กัน ได้ความอร่อยที่ลงตัว
Scarlett Bangkok
โรงแรมพูลแมน กรุงเทพฯ จี (Pullman Bangkok Hotel G), ชั้น 37 188 ถนนสีลม แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรักเปิดทุกวัน เวลา 17.00-24.00 น.
โทร. 09-6860-7990
www.randblab.com/scarlett-bangkok
www.facebook.com/scarlettwinebarbangkok
ผู้ประกอบกิจการด้าน Hospitality ที่สนใจ สามารถมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและสนับสนุนเรื่องของสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ผ่านการใช้เครื่องผลิตน้ำดื่ม rynn ได้แล้ววันนี้ โดยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่โทร. 0-2713-6033 หรือติดตามรายละเอียดได้ทาง www.rynn.co, www.facebook.com/rynn.water และ www.instagram.com/rynn.water