อย่างที่ทราบกันดีว่า ‘กาแฟ’ นับเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มยอดนิยมของคนทั่วโลก เนื่องด้วยรสชาติและกลิ่นหอมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ จึงไม่แปลกที่เครื่องดื่มชนิดนี้จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่โดยเฉพาะการสอดรับกับไลฟ์สไตล์คนเมืองที่มีส่วนช่วยเติมเต็มความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าให้กับร่างกายไปตลอดทั้งวัน แต่จะดีแค่ไหนถ้าคนดื่มสามารถเลือกจิบกาแฟแก้วโปรด ดื่มด่ำรสชาติที่ถูกใจในแบบของตัวเองได้ด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลหลักที่นำมาสู่การคิดค้นและคัดสรรเมล็ดกาแฟชั้นดี รังสรรค์ออกมาเป็นกาแฟแก้วพิเศษที่พร้อมเสิร์ฟความกลมกล่อมหอมกรุ่นให้คอกาแฟได้ลิ้มลอง
ครั้งนี้ BKK. จึงขอชวนเหล่า Coffee Lover ไปร่วมสัมผัสวัฒนธรรมการดื่มกาแฟของคนเมืองผ่านหลากหลายเมนูเครื่องดื่มสุดพิเศษที่ 5 ร้านกาแฟคุณภาพดี ย่านต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่คัดสรรเมล็ดกาแฟ House Blend เกรดพรีเมียมทั้งสิ้น รวมถึงแบรนด์กาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า 100% ระดับมาตรฐานโลก จากประเทศออสเตรเลียอย่าง Gloria Jean’s Coffees ที่คุณไม่ควรพลาด ส่วนแต่ละร้านจะเป็นที่ไหนและมีความพิเศษอย่างไรบ้างนั้น ตามไปเช็คลิสต์พร้อม ๆ กันเลย
ประเดิมร้านแรกกับการชวนทุกคนมาดื่มด่ำรสชาติกาแฟสไตล์ออสเตรเลียนกันที่ Gloria Jean's Coffees ร้านกาแฟคุณภาพดีที่โดดเด่นในเรื่องของรสชาติอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มาพร้อมแนวคิดที่ต้องการอยากนำเสนอรสชาติกาแฟสไตล์ออสเตรเลียนมาสู่คนไทยให้ได้ลิ้มลองความอร่อย โดยคัดสรรเมล็ดพันธุ์กาแฟอาราบิก้า 100% จากทั่วทุกมุมโลกมาพิถีพิถันชงกาแฟที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพในทุก ๆ แก้วตามแบบฉบับของ Gloria Jean's Coffees
Gloria Jean's Coffees โดดเด่นด้วยการเป็น Coffee House ระดับพรีเมียมที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจด้าน Franchise มากที่สุด จนในปัจจุบันได้ขยับขยายสาขากว่า 800 สาขาใน 50 ประเทศทั่วโลก โดยมีสาขาที่ประเทศไทย 11 สาขา ที่พร้อมมอบช่วงเวลาแห่งความสุขให้เหล่าคนรักกาแฟได้ลองมาสัมผัสวัฒนธรรมการดื่มกาแฟสไตล์ออสเตรเลียนที่มีหลากหลายเมล็ดกาแฟให้เลือกสรร พร้อมพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องราวกาแฟร่วมกันกับบาริสต้าได้อย่างเป็นกันเอง
ด้วยคอนเซ็ปต์ของการเป็น Coffee House ทำให้ Gloria Jean's Coffees พร้อมเปิดต้อนรับผู้มาเยือนด้วยบรรยากาศของมุมที่นั่งสบาย ๆ อันแสนผ่อนคลาย ที่ผสมผสานความเรียบง่ายด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้โทนสีน้ำตาลตัดกับสีดำ ทำให้ทันทีที่ก้าวเข้ามาในร้านจะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นพร้อมกลิ่นหอมกรุ่นของเมล็ดกาแฟหลากหลายรสชาติที่อบอวลอยู่ทั่วร้าน
สำหรับความพิเศษของเมนูเครื่องดื่มจาก Gloria Jean's Coffees การันตีคุณภาพด้วยการคัดสรรเมล็ดกาแฟจาก 3 ทวีปหลักทั่วโลก ได้แก่ ละตินอเมริกา ทวีปแอฟริกา และเอเชียแปซิฟิก โดยมาพร้อมความพิเศษที่นอกจากจะชงกาแฟด้วยเครื่องเอสเพรสโซแล้ว ยังให้บริการกาแฟผ่านการชงแบบคลาสสิกอย่าง Syphon, Drip และ French Press อีกด้วย โดยจะให้รสชาติและกลิ่นกาแฟมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนมากขึ้น ที่ทาง Gloria Jean's Coffees พร้อมนำเสนอวัฒนธรรมการดื่มกาแฟสไตล์ออสเตรเลียนให้คุณได้เพลิดเพลินตลอดวัน
สัมผัสกลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟแก้วแรกกับเมนู Hot Black Coffee (100 บาท) กาแฟดำที่ทางร้านเลือกใช้เมล็ดกาแฟ French Breakfast Blend ที่ผสมผสานการคั่วแบบเข้มและปานกลาง พร้อมเสิร์ฟมาด้วยวิธีการชงแบบ French Press ที่ให้สัมผัสรสชาติแบบเข้มข้นพร้อมกลิ่นหอมกรุ่นโดยไม่ผ่านฟิลเตอร์ใด ๆ นอกจากนี้ ทางร้านยังมีเมล็ดกาแฟให้เลือกอีกหลากหลายรสชาติ อาทิ Colombia Supremo, English Toffee, French Vanilla และอื่น ๆ อีกมากมาย
สำหรับเมนูกาแฟดำ ราคาจะขึ้นอยู่กับวิธีการชงที่ลูกค้าเลือก ได้แก่ French Press ราคา 100 บาท / Drip ราคา 120 บาท / Syphon ราคา 140 บาท
อีกหนึ่งเมนูพิเศษของทางร้าน แนะนำ Very Vanilla Latte (120 บาท) กาแฟนมที่โดดเด่นด้วยส่วนผสมของรสชาติและกลิ่นหอมหวานของวานิลลาอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Gloria Jean's Coffees โดยผสมผสานรสชาติหอมหวานเข้ากับกาแฟและนมออกมาได้เป็นอย่างดี ให้รสสัมผัสที่กลมกล่อม หอมละมุนแบบดื่มง่าย
สำหรับเมนู Very Vanilla Latte ราคาจะขึ้นอยู่กับขนาดแก้ว อาทิ แก้วเล็ก 120 บาท / แก้วกลาง 135 บาท / แก้วใหญ่ 155 บาท
ปิดท้ายด้วยเมนูเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของทางร้านอย่าง Voltage (130 บาท) กาแฟที่ผสมผสานความหอมหวานด้วยวานิลลาและนม พร้อมเพิ่มความกรุบกรอบด้วยการนำเมล็ดกาแฟอาราบิก้ามาปั่นรวมกันกับเครื่องดื่มที่เป็นสูตรพิเศษของทางร้าน แล้วราดด้วยเอสเพรสโซช็อตปิดท้าย ให้รสชาติเข้มข้น หอมกลมกล่อมที่ไม่เหมือนใคร
สำหรับเมนู Voltage ราคาจะขึ้นอยู่กับขนาดแก้ว อาทิ แก้วเล็ก 130 บาท / แก้วกลาง 150 บาท / แก้วใหญ่ 180 บาท
Gloria Jean's Coffees
ถนนสาทร-นราธิวาสราชนครินทร์ ซอย 9
เปิดทุกวัน เวลา 07.00-20.00 น.
โทร. 0-2286-7231-2
www.gloriajeanscoffees.co.th
www.facebook.com/GJCThailand
สำหรับคอกาแฟคนไหนที่กำลังมองหาร้านกาแฟคุณภาพดี ต้องลองแวะมาที่ Wela Coffee Room ห้องกาแฟขนาดกะทัดรัดที่ขยับขยายจากโรงคั่วกาแฟ Wela Artisan Coffee Roaster มาสู่หน้าร้านบนถนนรามคำแหง 24 โดยมาพร้อมความตั้งใจอันดีที่อยากแบ่งปันเรื่องราวของกาแฟให้คนรักกาแฟสามารถดื่มกาแฟคุณภาพดีด้วยฝีมือตัวเองทุกวัน
ด้วยความที่เจ้าของร้านเชื่อว่าทุก ๆ กระบวนการของกาแฟ นับตั้งแต่การปลูกจนไปสู่เมนูเครื่องดื่มแก้วโปรดของใครหลายคน ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับเวลา นับตั้งแต่การปลูก เก็บ หมัก ตากแห้ง คั่ว ตลอดจนถึงการชงและดื่ม จึงเป็นเหตุผลที่ทางร้านได้ใช้ชื่อร้านว่า Wela Coffee Room พร้อมต้อนรับผู้มาเยือนได้มาใช้ช่วงเวลาประทับใจไปกับเครื่องดื่มดี ๆ ในบรรยากาศอบอุ่นของห้องกาแฟ
Wela Coffee Room โดดเด่นด้วยการคัดสรรเมล็ดกาแฟหลากหลายสายพันธุ์จากแหล่งปลูกในไทยและต่างประเทศ นำมาคั่วอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ได้กลิ่นและรสสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของ Wela Artisan Coffee Roaster โดยมีหลากหลายเมล็ดกาแฟให้เลือกสรรตามความต้องการ อาทิ บราซิล โคลัมเบีย เอธิโอเปีย และหลากหลายเมล็ดกาแฟจากทางภาคเหนือของไทย
เริ่มต้นรสชาติกาแฟที่ใช่ไปกับเมนู Filter (Drip) Coffee (80++ บาท) กาแฟดริป ที่ทางร้านมีเมล็ดกาแฟให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้งเมล็ดกาแฟไทยและเมล็ดกาแฟนำเข้า โดยจะให้กลิ่นและรสสัมผัสที่แตกต่างกันออกไป อาทิ กลิ่นช็อกโกแลตจากกาแฟบราซิล กลิ่นผลไม้จากกาแฟเอธิโอเปีย หรือกลิ่นหอมหวานสดชื่นของผลไม้ไทย ๆ เช่น ขนุน ลำไย จากกาแฟภาคเหนือของไทย โดยจะสัมผัสได้ถึงความหอมกรุ่นของกลิ่นกาแฟคั่วเข้มได้เป็นอย่างดี
อีกหนึ่งเมนูแนะนำ ต้องลอง Latte (70 บาท) ลาเต้ร้อน ที่มีความพิเศษอยู่ที่ทางร้านเลือกใช้เมล็ดกาแฟแบบคั่วกลาง Blend รสชาติจาก 3 แหล่ง ได้แก่ ไทย พม่า และโคลัมเบีย โดยให้รสสัมผัสหอมนุ่มของกลิ่นกาแฟในโทนน้ำตาลทรายแดงและคาราเมล ผสมผสานความลงตัวระหว่างกาแฟและนมออกมาได้เป็นอย่างดี ดื่มง่าย ให้รสชาติกลมกล่อม หอมนุ่มละมุน
ปิดท้ายด้วยเมนูพิเศษอย่าง Iced Palm Sugar Latte (80 บาท) ที่ทางร้านคิดค้นขึ้นมาสำหรับคนชอบทานกาแฟที่มีรสชาติหวาน โดยเลือกใช้กาแฟคั่วกลางผสมกับน้ำตาลโตนดแท้ ที่ทางร้านได้มาจากแหล่งผลิตน้ำตาลจังหวัดเพชรบุรี โดยให้รสชาตินุ่มละมุนผสมความหอมกรุ่นของกาแฟและน้ำตาลโตนด เสิร์ฟมาพร้อมแผ่นเกล็ดน้ำตาล ที่ช่วยเพิ่มความหอมหวานเข้ากันได้เป็นอย่างดี
Wela Coffee Room
ถนนรามคำแหง 24 แยก 2 เขตบางกะปิ
เปิด วันอังคาร-ศุกร์ เวลา 07.30-15.30 น. และวันเสาร์ เวลา 09.00-17.00 น.
โทร. 06-5146-5546
www.welacoffeeroaster.com
www.facebook.com/welacoffeeroaster
สัมผัสความดิบเท่ไปกับคาเฟ่กึ่งบาร์ในบรรยากาศของโรงตีเหล็กแห่งย่านอารีย์ ที่ร้าน Blacksmith มาพร้อมความพิเศษ 2 ช่วงเวลา โดยช่วงกลางวันจะเปิดเป็นคาเฟ่ ส่วนหลังจากช่วงพระอาทิตย์ตกดิน ทางร้านจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นร้านอาหารและค็อกเทลบาร์สุดชิค บรรยากาศของร้านถูกออกแบบมาในสไตล์ Industrial Loft ผสมผสานกลิ่นอายความเป็น Colonial รวมอยู่ด้วย มาพร้อมความโดดเด่นด้านโครงสร้างสถาปัตยกรรมของประตูโค้งสีดำและป้ายร้านเหล็กสีทองแดงแบบสะดุดตา ซึ่งถูกตกแต่งด้วยชุดพรมหนังสัตว์ และลานหินกรวดสีน้ำตาลบริเวณกลางร้าน ได้บรรยากาศเหมือนนั่งจิบเครื่องดื่มและทานอาหารอยู่กลางสวนโอเอซิสแถบทะเลทราย สื่อถึงความหรูหราที่ผสมผสานความดิบเท่ออกมาได้เป็นอย่างดี
FULL REVIEWในส่วนของเมนูเครื่องดื่มนั้น ร้าน Blacksmith ได้เน้นการคัดสรรวัตถุดิบที่ดีนำมาครีเอตในทุกเมนู รวมไปถึงการเลือกใช้เมล็ดกาแฟ House Blend คุณภาพดีอย่าง Black Smith Blend ที่มีส่วนผสมของเมล็ดกาแฟจากดอยผาตั้ง กัวเตมาลา และเอธิโอเปีย นำมาใช้สำหรับครีเอตเมนูเครื่องดื่มกาแฟดำ และ White Smith Blend ที่ใช้เมล็ดกาแฟจากดอยสะเก็ด ผสมผสานรสชาติด้วยเมล็ดกาแฟลาวและบราซิล โดยนำมาใช้กับเมนูเครื่องดื่มกาแฟนม ทำให้กาแฟของทางร้านมีรสชาติโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร
เริ่มความอร่อยกันที่เมนูซิกเนเจอร์รสชาติแปลกใหม่อย่าง Undead (250 บาท) เมนูกาแฟดำที่ถูกครีเอตออกมาแบบสูตรเฉพาะของทางร้าน โดยมีส่วนผสมของกาแฟเอสเพรสโซคั่วกลางผสมกับน้ำผึ้งป่าอย่าง Black Forest Honey ที่ผสานความหอมสดชื่นด้วยน้ำส้มยูซุ และ Infuse Tea ให้รสชาติของกาแฟแบบเข้มข้น เข้ากันดีกับความหอมหวานของน้ำผึ้งและรสเปรี้ยวนิด ๆ ของส้มยูซุได้อย่างลงตัว
สำหรับใครที่ชอบดื่มกาแฟนม แนะนำ Dirty Honey (180 บาท) กาแฟนมผสมน้ำผึ้ง โดดเด่นด้วยการนำน้ำผึ้ง Black Forest Honey มาผสมกับกาแฟเอสเพรสโซและนม โดยจะสัมผัสได้ถึงความนุ่มละมุนของกาแฟพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของน้ำผึ้งที่ลงตัว
Blacksmith
อารีย์ซอย 3 เขตพญาไท
เปิดทุกวัน เวลา 11.00-18.00 น.
โทร. 09-4698-3636
www.facebook.com/BlacksmithAri
สำหรับคอกาแฟคนไหนที่กำลังมองหาร้านนั่งจิบกาแฟ พร้อมพูดคุยกับบาริสต้าในบรรยากาศสบาย ๆ ขอแนะนำ Single Lane Specialty Coffee พื้นที่เล็ก ๆ ที่ยกเอาบรรยากาศและรสชาติของกาแฟแบบ Australian Style มาไว้ยังใจกลางย่านพระโขนง พร้อมด้วยโครงสร้างการออกแบบภายในร้านที่มีความลึกเข้าไปด้านในคล้ายกับเลนถนน เมื่อบวกกับการคัดสรรเมล็ดกาแฟที่ทางร้านเน้นเสิร์ฟเป็นพิเศษในรูปแบบของ Single Origin ด้วยแล้ว จึงถูกนำมาเป็นกิมมิกในการตั้งชื่อร้านที่ใช้ชื่อว่า Single Lane นั่นเอง
ด้วยประสบการณ์การเป็นบาริสต้าที่ออสเตรเลียถึง 4 ปี ของ คุณโอและคุณเมย์-เจ้าของร้าน ทั้งคู่จึงตัดสินใจกลับมาร่วมกันปลุกปั้นร้านกาแฟเล็ก ๆ สไตล์ Australian ที่ทั้งเท่และอบอุ่นไปพร้อม ๆ กัน ในส่วนของกาแฟทางร้านเน้นเสิร์ฟเมนูกาแฟที่เบลนด์จากเมล็ดกาแฟแบบ Single Origin ที่จะสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาให้คุณลูกค้าได้ลองชิมทุกอาทิตย์ โดยเลือกใช้เมล็ดกาแฟจากหลากหลายประเทศที่คุณโอและคุณเมย์คัดเลือกมาด้วยตัวเอง โดยเฉพาะเมล็ดคั่วอ่อนไปจนถึงคั่วกลางเพื่อให้ได้รสชาติแนว Fruity ที่ Body ไม่หนักจนเกินไปตามสไตล์ Australian แต่หากใครที่ชอบเมล็ดกาแฟสายพันธุ์ของไทย ทางร้านก็มีเมล็ดกาแฟจากจังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายมาให้ได้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกด้วยเช่นกัน
มาถึงที่ร้านต้องลองดื่มเมนูคลาสสิกอย่างกาแฟดริป Drip Coffee (160 บาท) สำหรับแก้วนี้ ทางร้านเลือกใช้เมล็ดกาแฟคั่วกลางจาก Colombia โรงคั่วที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งให้รสชาติและกลิ่นแนว Fruity ดื่มง่ายคล้ายกับการดื่มชา เหมาะกับคนเพิ่งเริ่มดื่มกาแฟอย่างมาก
ต่อมาเป็นแก้วไฮไลต์ของร้าน มีชื่อว่า Magic (100 บาท) เบสรสชาติด้วย Double Ristretto สัดส่วน 3/4 ของแก้ว หรือเป็นการใช้ส่วนสกัดแค่ต้นช็อตเท่านั้น จึงมีรสชาติที่เข้มและ Body แน่นกว่าปกติ
อีกหนึ่งแก้วแนะนำคือ Summerest (150 บาท) เครื่องดื่ม Refreshing ที่มีส่วนผสมของกาแฟ Cold Brew สูตรเฉพาะของทางร้านที่ใช้เมล็ดกาแฟจากอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนจะเชคเข้ากับชาพีชและน้ำลูกพรุน พร้อมตกแต่งแก้วด้านบนด้วยพุทราเชื่อม
Single Lane Specialty Coffee
ซอยปรีดี พนมยงค์ 3, สุขุมวิท 69 เขตวัฒนา
เปิด วันจันทร์-ศุกร์ (ปิดทุกวันพุธ) เวลา 08.30-17.30 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-18.00 น.
โทร. 06-2525-4662
www.facebook.com/SINGLELANE.BKK
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในรสชาติอันหลากหลายมิติของเมล็ดกาแฟที่ผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างแล้วละก็ แนะนำให้ลองแวะมาที่ร้าน YEST WORKS Coffee Shop คาเฟ่ขนาดกะทัดรัดที่เต็มไปด้วยเมล็ดกาแฟชั้นดีพร้อมให้คุณได้เลือกชิมตามความชอบ ภายใต้คอนเซ็ปต์ 'Find Your Best Coffee' กับการตามหารสชาติกาแฟที่ดีที่สุดด้วยตัวคุณเอง
ตัวร้านตกแต่งร้านในสไตล์เรียบง่ายและเสริมความเท่ด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้มและโทนสีดำ โดดเด่นด้วยขวดสีชาที่วางเรียงรายอยู่บนชั้น ซึ่งทางร้านเลือกนำมาใช้สำหรับใส่เมล็ดกาแฟหลากหลายชนิด ทาง คุณทัตสึยะ-เจ้าของร้าน เล่าให้ฟังว่าเมล็ดกาแฟเหล่านี้ เขาเป็นผู้เสาะหาและเทสต์รสชาติด้วยตัวเอง ก่อนจะนำมาคั่วที่ร้านเพื่อให้ได้ระดับการคั่วที่ตรงตามต้องการ
ในส่วนของเมนูกาแฟ ทางร้านเน้นเสิร์ฟเมนูกาแฟดริป ที่ให้คนดื่มได้เลือกเมล็ดกาแฟได้ถึง 12 ชนิด และระดับการคั่วได้ถึง 8 ระดับ เริ่มที่เมนูแรกกับ Acaba (140 บาท) กาแฟดริปที่ใช้เมล็ดกาแฟจากจังหวัดเชียงใหม่ คั่วระดับอ่อนแต่ให้รสสัมผัสและกลิ่นหอม ๆ แบบ Nutty ผสมกับ Fruity ดื่มง่าย พร้อมเสิร์ฟมาในรูปแบบของกาแฟเย็น
จากนั้นมาต่อกันที่กาแฟดริปร้อนที่มีชื่อว่า Doi Mork (170 บาท) โดยเป็นกาแฟดริปที่เลือกใช้เมล็ดกาแฟจากจังหวัดเชียงใหม่ คั่วเองที่ร้านจนได้ระดับกลางค่อนไปทางอ่อน รสชาติที่ได้จึงเป็นแบบ Nutty ดื่มง่าย ถูกใจคนชอบดื่มกาแฟร้อนแน่นอน
สำหรับแก้วสุดท้ายนั้น เป็นเมนูกาแฟนมสุดคลาสสิกอย่าง Latte (100 บาท) ที่ทางร้านเลือกใช้เมล็ด Abodo จากจังหวัดเชียงราย คั่วในระดับที่ค่อนข้างอ่อน ทำให้เมื่อนำไปผสมกับนมสดแล้วได้รสชาติที่นุ่มละมุน
YEAST WORKS
ซอยสุขุมวิท 23 เขตวัฒนา
เปิด วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 07.00-18.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-18.00 น.
โทร. 06-3843-0227
www.facebook.com/YESTWORKS
จะเห็นได้ว่าร้านกาแฟคุณภาพดีของเมืองไทยก็สามารถถ่ายทอดความเป็น Coffee Culture ได้มีเสน่ห์ไม่แพ้ชาติใดในโลก โดยแต่ละร้านต่างเลือกนำเสนอความโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของวัตถุดิบ รสชาติ และบรรยากาศของการดื่มกาแฟอย่างเป็นเอกลักษณ์ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เพื่อให้คอกาแฟชาวไทยได้สัมผัสโมเมนต์ของการละเลียดความสุขจากการได้ดื่มกาแฟที่ใช่ ตรงใจอย่างแท้จริง