รวมแบรนด์กาแฟคุณภาพ พิถีพิถันตั้งแต่ต้นจนจิบ

Published on August 24, 2021

การเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการจิบกาแฟคุณภาพดีสักแก้ว ย่อมทำให้รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า มีพลังสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ไปตลอดทั้งวัน แต่รู้หรือไม่ว่ากว่าที่จะได้เมล็ดกาแฟสายพันธุ์ดีมาใช้ในการครีเอตเครื่องดื่มแต่ละแก้วนั้น ต้องผ่านหลากหลายกระบวนการผลิตและคัดสรรมาเป็นอย่างดี นับตั้งแต่ต้นทางในการเพาะปลูกไปจนกระทั่งถึงปลายทางออกมาเป็นเครื่องดื่มสุดพิเศษ รสชาติดี ให้คอกาแฟได้เลือกจิบเพื่อเติมเต็มความสดชื่นรื่นรมย์

และเพื่อให้เหล่า Coffee Lovers ได้ดื่มด่ำกับการจิบกาแฟแก้วโปรดมากขึ้น BKK. จึงขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับแบรนด์กาแฟและร้านกาแฟคุณภาพที่ล้วนพิถีพิถันทุกขั้นตอนก่อนนำส่งถึงมือผู้รับ ส่วนจะเป็นแบรนด์ใดหรือร้านไหนบ้างนั้น ไปร่วมตามหาความกลมกล่อมหอมกรุ่น เอกลักษณ์เฉพาะของกาแฟสุดคราฟต์แต่ละแห่งที่เรารวบรวมมาฝากครั้งนี้กันดีกว่า

Red Diamond Specialty Coffee


เชื่อว่าคอกาแฟสเปเชียลตี้หลายคนคงไม่มีใครไม่รู้จัก Red Diamond ซึ่งจุดเริ่มต้นของแบรนด์นั้นเติบโตมาจากการเป็นโรงคั่ว ซึ่งแต่เดิมทางแบรนด์มีไร่กาแฟเป็นของตัวเองอยู่ที่ อ.ผาตั้ง จ.เชียงราย ก่อนจะเปิดคอร์สสอนกาแฟตามหลักสูตรจาก Specialty Coffee Association (SCA) จึงไม่แปลกที่กาแฟของ Red Diamon จะโดดเด่นในเรื่องของรสชาติอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

 

เมล็ดกาแฟคุณภาพดีที่คั่วเองด้วยเครื่องคั่วบดคุณภาพ

แม้ทางแบรนด์จะมีการคัดสรรเมล็ดกาแฟคุณภาพดีหลากหลายจากทั่วโลก มาชงอย่างพิถีพิถันทุกแก้ว แต่ก็ยังคงนำเมล็ดกาแฟไทยมาใช้ในการเบลนด์รสชาติเพื่อครีเอตเมนูเครื่องดื่ม Specialty Coffee อยู่เสมอ โดยนอกจากนี้แล้วยังสร้างสรรค์พื้นที่ภายในร้านกาแฟสาขาต่าง ๆ ของแบรนด์ให้เป็น Coffee Lab เพื่อเปิดโอกาสให้เหล่าคนรักกาแฟได้ร่วมพูดคุยและเรียนรู้เรื่องราวของกาแฟได้อย่างเป็นกันเอง

 

บรรยากาศของโรงคั่ว

แน่นอนว่า  Red Diamond  โดดเด่นในเรื่องของเมล็ดกาแฟคุณภาพดีที่คั่วเองด้วยเครื่องคั่วบดคุณภาพ รวมถึงมีกาแฟ Seasonal Blend และ Special Blend ที่ให้คนดื่มได้เลือกเมล็ดกาแฟรสชาติโปรดได้ตามต้องการอีกด้วย

ในส่วนของเมล็ดกาแฟ  House Blend  ทาง Red Diamond  นั้นก็มีให้เลือกสรรตั้งแต่คั่วอ่อน คั่วกลาง ไปจนถึงคั่วเข้มด้วยเมล็ดกาแฟไทยที่ให้รสชาติเข้มข้นคล้าย Dark Chocolate กันเลยทีเดียว

 

กาแฟดริปร้อน ๆ จากเมล็ดกาแฟคุณภาพ

เมนูเครื่องดื่มแนะนำ : Hot Drip (500 บาท) กาแฟดริปร้อน ที่สามารถเลือกเมล็ดกาแฟได้เอง (โดยราคาจะขึ้นอยู่กับเมล็ดกาแฟที่เลือกใช้) สำหรับครั้งนี้ ทางร้านเลือกใช้เมล็ดกาแฟ Panama Geisha Baru ให้รสสัมผัสแบบ White Honey ที่ให้กลิ่นหอมกรุ่นคล้ายกับ Lemon Honey ที่ไม่เหมือนใคร

 

Hot Drip (500 บาท)

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/Reddiamondthailand


Nine One Coffee


Nine One Coffee อีกหนึ่งแบรนด์กาแฟไทยคุณภาพที่พัฒนารสชาติกาแฟไปพร้อมกับการปกป้องสิ่งแวดล้อม ดูแลผืนป่าของ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ให้อุดมสมบูรณ์ ซึ่งการปลูกกาแฟนี่เองคือทางเลือกที่มีส่วนช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติ เพราะสามารถปลูกร่วมกับต้นไม้อย่างอื่นได้ โดยที่ไม่ต้องตัดต้นไม้ที่มีอยู่แต่เดิม

 

ปลูกกาแฟไปพร้อมกับการอนุรักษ์ผืนป่าดอยสะเก็ด (Photo by Nine One Coffee)

ด้วยความที่ คุณวัลลภ ปัสนานนท์ ผู้ปลูกกาแฟออร์แกนิกและเจ้าของร้าน Nine One Coffee นั้นเป็นคนรักธรรมชาติอยู่แล้ว แม้พื้นเพจะเป็นคนภาคตะวันออก แต่ก็มักขึ้นดอยมาท่องเที่ยว กางเต็นท์นอนพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติอยู่เป็นประจำ เมื่อประจวบเหมาะกับที่ตัวเองมีที่ดินอยู่ที่เชียงใหม่ 1 แปลง จึงอยากพัฒนาที่ดินผืนนี้ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งด้วยการปลูกกาแฟนั่นเอง

 

คุณวัลลภ ปัสนานนท์ - เจ้าของแบรนด์ Nine One Coffee (Photo by Nine One Coffee)

โดยทางแบรนด์เลือกปลูกกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า เพราะให้กลิ่นหอมและรสชาติดี ผ่านการศึกษาวิธีการปลูก การดูแล จนถ้วนทุกกระบวนการทั้งหมด ตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยความต้องการสร้างมูลค่าให้กับกาแฟตามคอนเซ็ปต์ ‘Seed To Cup’ ทางแบรนด์จึงสามารถถ่ายทอดเรื่องราวของกาแฟให้กับผู้คนผู้คนที่สนใจในศาสตร์นี้ได้อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ โดยเฉพาะการส่งต่อเรื่องราวให้คนดื่มได้สัมผัสถึงความเป็นกาแฟคุณภาพที่บ่มเพาะจากธรรมชาติอย่างแท้จริง

 

สร้างมูลค่าให้กับกาแฟตามคอนเซ็ปต์ ‘Seed To Cup’ (Photo by Nine One Coffee)

การันตีคุณภาพด้วยรางวัลอันดับ 1 จากการส่งกาแฟเข้าประกวด ซึ่งว่าด้วยเรื่องของรสชาติและคุณภาพกาแฟในระดับประเทศ กาแฟของทางแบรนด์เป็นที่ถูกอกถูกใจของนักดื่มกาแฟดำ เพราะได้รสชาติดี กลมกล่อมลงตัว เมื่อบวกกับบรรยากาศร้าน (สาขาแรก) ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ ลำธารใส และอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปีด้วยแล้ว ก็ยิ่งดึงดูดใจคอกาแฟสายธรรมชาติได้ไม่ยาก

 

ผลเชอร์รี (กาแฟ) ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่และอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปีของดอยสะเก็ด (Photo by Nine One Coffee)

เมนูเครื่องดื่มแนะนำ : Coffee Drip กาแฟดริปจากเมล็ดกาแฟ House Blend ของทางร้าน (ราคาเครื่องดื่มเริ่มต้นที่ 75-150 บาท) พร้อมด้วยการจำหน่ายเมล็ดกาแฟ 100% Organic Thai Arabica สูตร House Blend รูปแบบต่าง ๆ

 

พร้อมเสิร์ฟความกลมกล่อมหอมกรุ่น (Photo by Nine One Coffee)

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/nineonecoffee.cnx

GRAPH Coffee Co.


GRAPH Coffee Co. ร้านกาแฟสเปเชียลตี้สุดคราฟต์ ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี พ.ศ.2552 ท่ามกลางความสงบและเรียบง่ายของเมืองเล็ก ๆ อย่างสังขละบุรี ด้วยทางขึ้นเมืองสังขละบุรีที่คดเคี้ยวไปมาราวกับเส้นกราฟ เหมือนชีวิตที่มีขึ้นมีลงตลอดเวลา ซึ่งกลายจุดเริ่มต้นและที่มาของชื่อร้านในเวลาต่อมา

ต่อมาเจ้าของร้านได้ปรับเปลี่ยนเป้าหมายและย้ายโลเคชันของ GRAPH Cafe มาเปิดให้บริการที่คูเมือง จังหวัดเชียงใหม่ และต่อยอดจนเกิดเป็นร้าน GRAPH หลากหลายสาขาในปัจจุบัน

 

ชงอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้คอกาแฟได้สัมผัสกับรสชาติกาแฟแท้ ๆ (Photo by GRAPH Coffee Co.)

จากความตั้งใจและฝึกฝนฝีมือการชงกาแฟมานานหลายปี  รวมถึงได้คัดเลือกหลากหลายเมล็ดกาแฟพันธ์ุดี ที่ได้จากการลงพื้นที่ไปทำความคุ้นเคยกับเกษตรกรจากไร่ต่าง ๆ ในไทย นำมาทดลองและชงอย่างพิถีพิถันเป็นกาแฟที่เกิดจากส่วนผสมใหม่ ๆ เพื่อให้คอกาแฟได้สัมผัสกับรสชาติกาแฟแท้ ๆ รวมถึงรูปแบบของกาแฟ Nitro เป็นร้านแรก ๆ ในจ.เชียงใหม่

 

คัดเลือกหลากหลายเมล็ดกาแฟพันธ์ุดี (Photo by GRAPH Coffee Co.)

ทางร้านพร้อมเสิร์ฟเมนูกาแฟสเปเชียลตี้หลากหลายแบบให้เลือกดื่มตามความชอบ ทั้งแบบ Nitro, Coldbrew และเมนูซิกเนเจอร์ที่ล้วนผ่านการทดลองและการคิดมาอย่างตั้งใจ รวมถึงการต่อยอดออกแบบชุดชงกาแฟสำเร็จรูปครั้งใหม่ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใหม่ในยุค New Normal ให้กับคนรักกาแฟโดยเฉพาะ เป็นการส่งต่อความอร่อยของกาแฟคุณภาพถึงที่อีกด้วย

 

ชุดชงกาแฟสำเร็จรูป ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใหม่ในยุค New Normal (Photo by GRAPH Coffee Co.)

เมนูเครื่องดื่มแนะนำ : Monochrome (135 บาท) กาแฟเอสเพรสโซผสมชาร์โคลที่ผสานรสชาติกันได้อย่างลงตัว ก่อนจะนำไปผสมเข้ากับนมสดและวานิลลาจนได้รสกลมกล่อมหอมละมุน 

 

Monochrome (135 บาท)

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/graphcoffee.co


Akha Ama Coffee


Akha Ama Coffee แบรนด์กาแฟเพื่อสังคมที่เน้นขายกาแฟคุณภาพในราคาที่จับต้องได้ อีกทั้งยังช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวอาข่าผู้ผลิตในเวลาเดียวกัน โดยใส่ใจในทุกกรรมวิธีการทำ นับตั้งแต่การปลูก เก็บเกี่ยว จัดการ ตลอดจนขั้นตอนการผลิตออกมาเป็นกาแฟ ที่รักษาความเป็นท้องถิ่นซึ่งช่วยเพิ่มคุณค่าให้กาแฟทุกเมล็ดเสมอมา

 

แบรนด์กาแฟคุณภาพที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวอาข่า (Photo by Akha Ama Coffee)

มากกว่านั้น ‘อาข่า อ่ามา’ ยังสะท้อนในเรื่องของการอยู่ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นวิถีเกษตรของชาวอาข่าที่ไม่ได้ปลูกกาแฟเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเจตนารมณ์ในการส่งต่ออาชีพที่ยั่งยืนให้กับชาวอาข่า และอยู่ร่วมกับผืนป่าอย่างสันติด้วยการปลูกต้นกาแฟ นับเป็นหัวใจหลักของแบรนด์ Akha Ama Coffee ที่ทำให้โด่งดังไปไกลทั่วโลก

 

พิถีพิถันในทุกกรรมวิธีการผลิต (Photo by Akha Ama Coffee)

เมล็ดกาแฟของอาข่าอามาทั้งหมดมาจากไร่ต่าง ๆ ในเชียงราย และจากชาวบ้านที่มาแลกเปลี่ยนรสชาติจากการทดลองและวิธีการต่าง ๆ ทำให้มีความโดดเด่นของรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ และยังใส่ใจในทุกขั้นตอนผลิต ช่วยเพิ่มคุณค่าความเป็นท้องถิ่นให้กับกาแฟทุกเมล็ด

 

หลากหลายเมนูเครื่องดื่มกาแฟที่สร้างสรรค์จากเมล็ดกาแฟคุณภาพ (Photo by Akha Ama Coffee)

เมนูเครื่องดื่มแนะนำ : Hot Drip Ponlamai (70 บาท) เมล็ดกาแฟแบบคั่วอ่อน รสชาติถูกใจคอกาแฟที่แฝงไปด้วยรสชาติของผลไม้เมืองหนาว อย่าง พลัม พีช เชอรี และผลไม้ตระกูลเบอร์รี

 

เมล็ดกาแฟซิกเนเจอร์แบบคั่วอ่อน 'Ponlamai' (Photo by Akha Ama Coffee)

 

Hot Drip Ponlamai (70 บาท)

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/akhaamacoffee


MiVana Organic Forest Coffee


แบรนด์กาแฟอินทรีย์รักษาป่า มีวนา (MiVana) ที่ปลูกกาแฟใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ เพื่ออนุรักษ์ป่าต้นน้ำ รักษาระบบนิเวศ เพื่อให้คนอยู่ร่วมกับป่าได้ โดยเลือกคำนึงถึงคุณภาพกาแฟ ไปพร้อมคุณค่าของชีวิตของทั้งป่าและคน ตรงตามชื่อแบรนด์ที่ว่า ‘วนา’ แปลว่า ป่า ‘มีวนา’ แปลว่า มีป่า ซึ่งทางแบรนด์ใช้พื้นที่กว่าหลายพันไร่ในป่าจังหวัดเชียงราย เพื่อปลูก Organic Shade-Grown Forest Coffee กาแฟออร์แกนิกใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่  

 

‘มีวนา’ แบรนด์กาแฟออร์แกนิกที่ปลูกกาแฟใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ (Photo by MiVana Organic Forest Coffee)

กาแฟมีวนาพิถีพิถันในทุกขั้นตอนเพื่อส่งมอบกาแฟคุณภาพเยี่ยม เริ่มตั้งแต่การคัดสรรสายพันธุ์กาแฟอาราบิก้าคุณภาพสูงที่ให้รสชาติ และกลิ่นที่ดีโดยนักชำนาญการ ในการคัดเลือกเมล็ดกาแฟและนักชิมกาแฟหรือ Q Grader ที่ได้รับการรับรองจากสมาคมกาแฟพิเศษอเมริกา (Specialty Coffee Association of America หรือ SCAA) การคัดเลือกพื้นที่แปลงปลูกที่เหมาะสม การเพาะปลูกบนพื้นที่ระดับความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,000 เมตรขึ้นไป ภายใต้ร่มไม้ในป่าต้นน้ำที่มีสภาพแวดล้อมผืนดินอุดมสมบูรณ์ด้วยธาตุอาหารหลากหลาย ภูมิอากาศเย็น ทำให้ผลกาแฟสุกช้าและเมล็ดกาแฟได้มีช่วงเวลาในการสะสมธาตุอาหารได้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ทำให้กาแฟมีวนามีกลิ่นหอมตามธรรมชาติ และรสชาติเข้มข้นที่มีความซับซ้อนอย่างเป็นเอกลักษณ์

 

บรรจงคัดสรร เก็บผลกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าด้วยมือทีละเมล็ด (Photo by MiVana Organic Forest Coffee)

ทางแบรนด์ได้มีการเก็บผลกาแฟด้วยมือทีละเมล็ดทุกผล โดยเลือกเก็บเฉพาะผลที่สุกได้ที่เท่านั้น ก่อนจะนำเข้าสู่กระบวนการแปรรูปหลากหลายหลังการเก็บเกี่ยว เพื่อรักษาความสดใหม่ คงความหอม และมีรสชาติที่เข้มเต็มรสจากธรรมชาติ พร้อมตรวจสอบคุณภาพด้านสีของเมล็ดกาแฟ ขนาด กลิ่น และรสชาติ ให้ตรงกับมาตรฐานกาแฟออร์แกนิก อย่างครบถ้วนในทุกขั้นตอนโดยผู้เชี่ยวชาญ แล้วจึงเข้าสู่กระบวนการคั่วอย่างพิถีพิถันโดยนักคั่วกาแฟคุณภาพที่ผ่านการอบรมการคั่วกาแฟจากสมาคมกาแฟพิเศษยุโรป

 

กระบวนการคั่วที่ได้มาตรฐานจากสมาคมกาแฟพิเศษยุโรป (Photo by MiVana Organic Forest Coffee)


สำหรับกระบวนการคั่ว มีนักคั่วผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพควบคุมทุกกระบวนการตามมาตรฐานระดับสากล ด้วยกระบวนการทั้งหมดนี้เองที่ทำให้กาแฟเบลนด์ที่ได้มีคาแร็กเตอร์กลมกล่อมหลากหลายรสชาติ ทั้งรสเปรี้ยว สว่าง สดใส สดชื่น ผสมผลไม้และดอกไม้ป่า รสโทนหวานผสมกลิ่นไอของอัลมอนด์อบ พลัม น้ำตาลอ้อย หรือรสอย่างช็อกโกแลตและน้ำตาลทรายแดง สมกับที่เป็นกาแฟสเปเชียลตี้

 

กาแฟเบลนด์เข้มข้นเต็มรสจากธรรมชาติ (Photo by MiVana Organic Forest Coffee)

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.mivana.co.th