แน่นอนว่าเมนูอาหารของทางร้านจะเน้นเสิร์ฟ Brunch สไตล์ Modern Comfort Food ที่ใส่ใจด้วยการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพมาครีเอทในทุกเมนู เริ่มกันที่เมนูของว่างสไตล์ตะวันออกกลาง เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพ อย่าง Hummus & Fried Egg (280 บาท) เมนูฮัมมูสที่เสิร์ฟมาพร้อมกับ Merguez ไส้กรอกบดสไตล์โมร็อกโคและไข่ดาว คลุกเคล้าด้วยเครื่องเทศ Dukkah ที่มีรสชาติโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ทานคู่กับ Naan Bread ให้รสชาติเผ็ดนิด ๆ และกลิ่นหอมของเครื่องเทศชัดเจน ผสมกับความเหนียวนุ่มของแป้งอย่างลงตัว
ต่อด้วยเมนูไฮไลต์ Luka Breakfast Burrito (330 บาท) แป้งตอร์ติญ่าสอดไส้เน้น ๆ ด้วยออมเล็ต ชีส และไส้กรอกออร์แกนิกจาก Sloane’s คุณภาพดี ปรุงรสด้วยเครื่องเทศหอม ๆ และเมล็ดธัญพืชควินัว เสิร์ฟพร้อมซัลซ่ามะเขือเทศและมันทอดกรอบ พร้อมด้วยซอสสูตรพิเศษ 2 รสชาติ ให้เลือกทานตามความชอบ
Luka (Siri House)
โครงการ Siri House ซอยสมคิด
เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.
โทร. 0-2637-8558
www.facebook.com/lukabangkok
หากใครกำลังมองหาร้านอาหารเพื่อสุขภาพและรสชาติดี ลองแวะมาที่ Quince ร้านอาหารยุโรปสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน ที่ย้ายจากซอยสุขุมวิท 45 มาซ่อนตัวอยู่ในบ้านโบราณหลังเล็ก บรรยากาศอบอุ่นแสนผ่อนคลายใจกลางเมืองย่านชิดลม อย่าง Siri House ครีเอทเมนูโดยเชฟมากฝีมือ พร้อมคัดสรรวัตถุดิบออร์แกนิกและเครื่องเทศคุณภาพดี รังสรรค์สู่มื้ออาหารในแบบ Casual Dining สุดพิเศษอันแสนเรียบง่าย แต่มากด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ร้านอาหาร Quince เน้นเสิร์ฟเมนูอาหารสไตล์โฮมมี่ที่ให้ความใส่ใจในทุก ๆ รายละเอียดของแต่ละเมนู เริ่มต้นค่ำคืนพิเศษด้วยเมนูสุขภาพ อย่าง Burnt Beetroot Carpaccio (310 บาท) บีทรูทคาร์ปาชิโอรมควันโยเกิร์ต ตัดเลี่ยนด้วยหัวหอมและพริกดอง คลุกเคล้าด้วย za-atar เครื่องเทศผสมแบบตะวันออกกลาง ทำออกมาในสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน ให้รสหวานปนเผ็ดเล็กน้อย และมีกลิ่นหอมของเครื่องเทศแบบชัดเจน
ต่อด้วยเมนู Hay Smoked Kingfish Hamachi (390 บาท) ปลาฮามาจิรมควันที่ผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดี เสิร์ฟพร้อม Burnt Blood Orange ที่ผ่านกรรมวิธีการเบิร์นให้มีกลิ่นไหม้ ทานคู่กับ Fennel Puree ซอสครีมผักชี ให้สัมผัสถึงรสชาติความนุ่มละมุน และกลิ่นหอมมันจากปลาอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ผสมกับความหวานอมเปรี้ยวของ Burnt Blood Orange ที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี
Quince (Siri House)
โครงการ Siri House ซอยสมคิด
เปิดทุกวัน เวลา 18.00-24.00 น.
โทร. 09-4868-2639
www.facebook.com/quincebangkok
บนชั้น 2 ของ SIRI HOUSE บ้านโบราณในซอยสมคิด ย่านชิดลม เป็นที่ตั้งของ Jacqueline (Siri House) บาร์บรรยากาศอบอุ่นที่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของยุค 60's ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Jacqueline Kennedy Onassis สตรีหมายเลขหนึ่ง ภรรยาของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาชื่อดัง John F. Kennedy ซึ่ง Jacqueline ได้รับชื่อเสียงและการจดจำในฐานะของสไตล์ไอคอนที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยสไตล์สง่างามและแฝงความเก๋เอาไว้
สำหรับบาร์แห่งนี้ เป็นอีกหนึ่งผลงานจากทีมงานเบื้องหลังบาร์ชื่อดังอย่าง Sing Sing และ Cactus ทำให้มั่นใจได้ว่าค็อกเทลของที่นี่ต้องดีแน่นอน เมนูเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของทางร้านได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Jacqueline เช่นกัน เริ่มจาก Camera Girl (320 บาท) เครื่องดื่มสีส้มคอรัล เบสด้วย Iron Ball Gin, Campari, Richard, Hibicus เพิ่มความสดชื่นด้วยโซดาเสาวรส, เกรปฟรุต และมะนาว เมนูนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาชื่อคอลัมน์ "Inquiring Camera Girl" ในหนังสือพิมพ์ The Washington Times - Herald เมื่อปี 1952 โดยเธอได้ทำหน้าที่ทั้งสัมภาษณ์และถ่ายภาพเหล่าคนดัง รวมถึงสัมภาษณ์ถึงประเด็นทางสังคมต่าง ๆ ในช่วงนั้น
ปิดท้ายด้วย Oaxaca Mule (360 บาท) เบสด้วย Mezcal จากเมือง Oaxaca ประเทศเม็กซิโก ที่มีรสชาติและกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ ผสมกับมะนาว และ Ginger Beer
Jacqueline (Siri House)
โครงการ Siri House ซอยสมคิด เขตปทุมวัน
เปิดทุกวัน เวลา 18.00-01.00 น.
โทร. 09-4868-2639
www.facebook.com/jacqueline.bkk
หลีกหนีจากความวุ่นวาย มานั่งทานอาหารสไตล์ตะวันตก พร้อมเครื่องดื่ม และของหวานมากมาย ในกลาสเฮ้าส์สวย ๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่ร่มรื่น ที่ LADY L Garden Bistro ร้านอาหารเปิดใหม่จาก บ้านปาร์ค นายเลิศ ในย่านใจกลางกรุงเทพอย่างถนนเพลินจิต
เริ่มต้นมื้อนี้กับ Moules Mariniere (780 บาท) หอยแมลงภู่อบไวน์ขาว เสิร์ฟมาในกระทะร้อน หอยเนื้อนุ่มทานคู่กับซอสไวน์ขาวในจาน เสิร์ฟพร้อมกับเลมอนและโรยด้วยโรสแมรี่ตบท้ายเพิ่มความหอมให้กับจานนี้
หรือลองสั่งเมนูที่หาทานยากในกรุงเทพฯ อย่าง Beef Wellington Red Wine Sauce (1,250 บาท) แป้งพายอบสอดไส้เนื้อสันในจากนิวซีแลนด์ พร้อมเห็ด ตับบด เสิร์ฟคู่กับซอสไวน์แดง พร้อมเครื่องเคียงอย่าง เบบี้แครอท มัน และหน่อไม้ฝรั่งชิ้นพอดีคำ
Lady L Garden Bistro
โครงการ Nai Lert Park Heritage Home ซอยสมคิด 4
เปิดทุกวัน เวลา 09.00-22.00 น.
โทร. 0-2655-4446, 09-5425-1424
www.facebook.com/nailertparkheritagehome
หลายคนอาจจะเคยเเวะเวียนไปร้านซูชิ Pop-up ที่ชื่อ Mini Me by Fillets โดย เชฟแรนดี้ - ชัยชัช นพประภา ที่เคยมีประสบการณ์การทำงานอยู่ร้าน Morimoto ที่ Napa รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ได้ตัดสินใจกลับบ้านเกิดมาเปิดร้านของตนเองเเบบเต็มรูปเเบบ โดยโฟกัสที่คุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้ ทั้งที่นำเข้ามาเเละมาจากท้องถิ่น รวมถึงบาร์ค็อกเทลอันมีคาเเร็กเตอร์โดดเด่น กลายมาเป็น Fillets ร้านอาหารญี่ปุ่นบรรยากาศสบาย ๆ
สำหรับจานคลาสสิกอย่าง ข้าวหน้าเนื้อ (120 กรัม 1,500 บาท) ที่นี่ก็ทำออกมาได้เป็นอย่างดีจากเนื้อวัวซากะ จังหวัดฮิโรชิมา เนื้อนุ่ม ละลายในปากและมันแทรกกำลังดี เสิร์ฟพร้อมมัสตาร์ดญี่ปุ่นและข้าวพันธุ์ดังอย่าง Milky Queen ที่มีชื่อเสียงด้านความนุ่มและกลิ่นหอม
นอกจากนี้ ที่ร้านยังมีบาร์ซึ่งดูเเลโดย คุณปิง - โรจนัสถ์ เจริญศรี ที่มีประสบการณ์การทำบาร์ที่สหรัฐอเมริกามายาวนาน โดดเด่นด้วยเหล้าที่นำมา Infused กับวัตถุดิบต่าง ๆ แนะนำให้ลอง The One with Lavender (300 บาท) ที่มีส่วนประกอบของน้ำเชื่อมกลิ่นลาเวนเดอร์ที่ทางร้านทำเองผสมกับสาเก อูเมชู มะนาว และโซดา
Fillets
ชั้น 3 The Portico 31 ซอยหลังสวน
เปิด วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 11.30-14.30 น. และ 16.30-24.00 น.
โทร. 09-2879-6882
www.facebook.com/filletsbangkok
ต่อมาที่ห้องอาหารจีน Fei Ya ร้านอาหารจีนบนชั้น 3 ของโรงแรม Renaissance Bangkok Ratchaprasong Hotel โดยได้นำเอาความเป็นจีนดั้งเดิมและจีนสมัยใหม่มาผสมผสานกันอย่างลงตัว โดยเฉพาะเมนูอาหารที่มีให้เลือกทั้งอาหารจีนดั้งเดิมและจากจีนแคว้นต่าง ๆ นำมาปรุงอย่างพิถีพิถันและเน้นความสดใหม่
มาที่นี่ไม่ควรพลาดเมนูเป็ด โดยเฉพาะ เป็ดปักกิ่งเฟยยา (1,500 บาท) ที่มีความพิเศษตรงที่ใช้ไม้ลิ้นจี่ในการอบ ช่วยเพิ่มความหอม เวลาทานจะมีพนักงานมาแล่เฉพาะหนังกรอบ ๆ ให้ทานคู่กับเครื่องเคียง อาทิ แป้งเป็ดปักกิ่ง ลิ้นจี่อบแห้ง และกระเทียมสับ มีกลิ่นหอมชวนทาน และยังมีรสหวานอมเปรี้ยวที่ได้จากลิ้นจี่ นอกจากนี้ เนื้อเป็ดที่เหลือยังสามารถนำไปปรุงเป็นอาหารจานอื่นได้อีกมากมาย ได้แก่ เมี่ยง ข้าวผัดเนื้อเป็ดและกานาฉ่าย เนื้อเป็ดผัดเกลือพริกไทยและกระเทียมกรอบ ซุปเนื้อเป็ดบ๊วยเค็มมะเขือเทศ และเนื้อเป็ดผัดซอสพริกขิง
ส่วนเมนูของหวานเพื่อสุขภาพนั้น ลองสั่ง เจลลี่ตะไคร้วุ้นว่านหางจระเข้ซอสมะนาว (180 บาท) เจลลี่ในน้ำว่านหางจระเข้ ใส่ซอสมะนาวเพิ่มรสเปรี้ยวตัดกับหวาน ทานเย็น ๆ ให้ความสดชื่นได้ดี
Fei Ya
518/8 ถนนเพลินจิต
เปิดทุกวัน เวลา 11.30-22.30 น.
โทร. 0-2125-5000
www.facebook.com/feiyabkk
สาวกคนรักเนื้อต้องห้ามพลาดกับร้าน Le Boeuf ร้าน Steak & Fries Bistro สไตล์เรียบง่าย พร้อมผสมผสานกลิ่นอายของฝรั่งเศสอยู่ด้วย โดยได้ต้นแบบมาจาก Cafe de Paris ที่มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ปี 1940 ในกรุงเจนีวา ที่เจ้าของร้านได้ไปเรียนรู้สูตรลับการทำน้ำซอสมาจากสวิตเซอร์แลนด์ จึงมาเปิดร้าน Le Boeuf ให้คนไทยได้ลิ้มลองความอร่อยแบบต้นตำรับกัน
เริ่มความอร่อยไปกับอาหารจานหลักอย่าง Entrecote Steak (680 บาท) เสิร์ฟมาพร้อมกับ Butter Sauce ที่มีสมุนไพรกว่า 14 ชนิด และ Walnuts Green Salad ให้ทานคู่กับเฟรนช์ฟรายส์ที่สามารถเติมได้เรื่อย ๆ
ส่วนขนมหวานของที่นี่ก็มีให้เลือกมากมายเช่นกัน ใครที่เลือกไม่ถูก แนะนำให้ลอง Profiteroles au Chocolat (260 บาท) แป้งชูสอดไส้ไอศกรีมวานิลลาแล้วราดด้วยดาร์กช็อกโกแลต โรยด้วยอัลมอนด์ที่หอมหวาน
Le Boeuf
Marriot Mayfair Service Suite ซอยหลังสวน
เปิดวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 11.30-23.00 น., วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-23.00 น.
โทร. 0-2672-1230
www.facebook.com/leboeufgroup
แวะมาลิ้มลองความอร่อยจากฝีมือเซเลบริตี้เชฟชื่อดังจากอังกฤษที่โด่งดังมาจากการเป็นหัวหน้าพ่อครัวร้าน River Cafe ร้านอาหารมิชลินสตาร์มากว่า 10 ปี ที่ร้าน Theo Mio ซึ่งได้ขยายมาเปิดสาขาแรกนอกเกาะอังกฤษที่โรงแรม InterContinental Bangkok ในบรรยากาศผ่อนคลายให้ทุกคนได้มาลิ้มลองอาหารอิตาเลียนขนานแท้ในแบบเรียบง่ายกัน
FULL REVIEWเมนูที่นี่เป็นเมนูอาหารอิตาเลียนที่เรียบง่ายในสไตล์โฮมเมด และพิถีพิถันคัดเลือกวัตถุดิบชั้นดีทั้งจากในและต่างประเทศ โดยฝีมือของเชฟ Chris Beverley ลองเมนูแนะนำอย่าง Mixed Red Yellow Tomatoes with Fresh Goat Cheese (500 บาท) ที่เลือกใช้มะเขือเทศจากอิตาลี โกทชีส และเรดไวน์เดรสซิ่ง ให้ได้รสชาติเปรี้ยว ๆ แบบสดชื่น
ในส่วนของเครื่องดื่มที่ Theo Mio ก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน เพราะที่นี่มีซิกเนเจอร์ค็อกเทลที่ค่อนข้างหลากหลาย ลอง Candy Crush (300 บาท) ที่มีส่วนผสมของวอดก้า น้ำลิ้นจี่ ราสพ์เบอร์รี และตกแต่งขอบแก้วด้วยลูกกวาดเล็ก ๆ ให้รสชาติหอมหวาน เหมาะกับสาว ๆ
Theo Mio
InterContinental Bangkok, 973 ถนนเพลินจิต
เปิดทุกวัน เวลา 11.30-23.30 น.
โทร. 0-2656-0444
www.facebook.com/theomioitaliankitchen
หลายคนอาจจะคุ้นเคยและรู้จักร้าน Bonnie Dolly’s Tea Room ห้องน้ำชาสไตล์อังกฤษบนถนนวิทยุ ที่มาพร้อมกับขนมสุดน่ารักและน้ำชาหลากหลายชนิดให้เลือก เสิร์ฟ Afternoon Tea ที่ขึ้นชื่อ และมาพร้อมกับอาหารสไตล์ยุโรป ทั้งอาหารเช้า บรันช์ และ All Day Dining ที่มีให้เลือกหลากหลายเมนู
FULL REVIEWสำหรับเมนูอาหาร ต้องห้ามพลาดกับ Afternoon Tea ต้นตำรับจากประเทศอังกฤษ พร้อมชานำเข้าคุณภาพดีและชาที่ทางร้านเบลนด์เอง ที่มีให้เลือกมากกว่า 20 ชนิด อย่าง Traditional Afternoon Tea Set (1,690 บาท) โดยสามารถเติมสโคนได้ตลอดเวลา ประกอบไปด้วย Savory, ขนมหวาน, สโคน ที่มาพร้อม Clotted Cream และแยมสตรอเบอร์รี แล้วเพิ่มความหอมกรุ่นด้วยน้ำชา โดยสามารถเลือกกลิ่นชาได้ตามใจชอบ
มาถึงเมนูหลักขายดีอย่าง Full English Breakfast (480 บาท) ที่ผสมผสานองค์ประกอบของความเป็น Traditional English Breakfast ทั้งหมด อาทิ Black Pudding และ English Sausage ที่นำเข้ามาจากอังกฤษโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีเซ็ตแบบ Half Portion ให้เลือกทานในราคา 380 บาท อีกด้วย
Bonnie Dolly's Tea Room
2/4 ถนนวิทยุ
เปิด วันพุธ-จันทร์ เวลา 09.00-19.00 น.
โทร. 08-0080-0003
www.facebook.com/bonniedollys
สำหรับใครที่มองหาร้านอาหารไทยรสชาติดั้งเดิมในบรรยากาศดี ๆ ขอแนะนำ Ma Maison ที่ต้อนรับทุกคนด้วยอาหารและบริการในแบบฉบับของบ้านปาร์ค นายเลิศ กับบรรยากาศกลางใจเมืองย่านชิดลม พร้อมเสิร์ฟอาหารไทยรสชาติถึงเครื่องถูกปากคนไทย ในบรรยากาศสวนอันร่มรื่น
สำหรับอาหารของทางร้าน จะหยิบเอาเมนูอาหารมาจากสูตรที่คุณหญิงทำรับประทานอยู่บ่อย ๆ แนะนำเมนูที่คนไทยคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี อย่าง แกงเขียวหวานเนื้อพริกขึ้หนูและโรตี (260 บาท) โดยใช้เครื่องแกงที่ทางร้านทำเองก่อนนำไปผัดในกระทะ จึงได้รสชาติแบบถึงเครื่องทั้ง เผ็ด หวาน มัน เค็ม และเข้มข้นด้วยหัวกะทิหอม ๆ มัน ๆ ตามแบบฉบับของอาหารไทย ทานกับโรตีที่ทอดกรอบที่เข้ากันได้อย่างลงตัว
ส่วนใครกำลังหาเมนูกับข้าวไทย ๆ สูตรบ้านนายเลิศโดยเฉพาะ ลองสั่ง แกงส้มกุ้งนางแตงอ่อน (280 บาท) ที่ใช้พริกแกงแบบตำเอง จึงมีรสชาติเข้มข้นได้รสชาติของอาหารไทยแบบดั้งเดิม ครบรสทั้งเผ็ด เปรี้ยว เค็ม เมนูนี้พิเศษด้วยการใส่ดอกโสนและแตงอ่อนที่ไม่เหมือนใคร เสิร์ฟร้อน ๆ มาในหม้อทองเหลืองทรงสูง
Ma Maison
ซอยสมคิด ถนนเพลินจิต
เปิด วันจันทร์-เสาร์ เวลา 11.30-14.00 น., 18.00-22.00 น.
โทร. 0-2655-4773, 08-3096-1171
www.facebook.com/nailertparkheritagehome
เอาใจคนรักอาหารไทย ด้วยการชวนไปลิ้มรสอาหารไทยร่วมสมัยแบบ Fine Dining รสชาติดีกันที่ร้าน Spirit Jim Thompson ที่ซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านหลังเก่าที่นำมาดัดแปลงตกแต่งให้เป็นร้านอาหารในบรรยากาศร่มรื่น อันเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่และสวนสวยๆ เขียวขจี พร้อมให้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศและการตกแต่งด้วยผ้าไหมสวย ๆ จาก Jim Thompson ที่นำมาตกแต่งอย่างสวยหรู
สำหรับเมนูอาหาร ได้ถูกครีเอทขึ้นมาโดย เชฟมนตรี วิโรจน์เวชภัณฑ์ ที่คิดค้นเมนูอาหารไทยต่าง ๆ โดยนำเอาอาหารไทยแท้และอาหารในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาสร้างสรรค์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Contemporary Thai Cuisine with Authentic Taste” ที่เป็นการนำเอาคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนของอาหารไทยแท้ดั้งเดิมมารังสรรค์ในรูปแบบใหม่ แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของรสชาติอาหารไทยไว้เป็นอย่างดี
Spirit Jim Thompson
ซอยสมคิด ถนนเพลินจิต
เปิดทุกวัน เวลา 12.00-14.30 น., 18.00-22.15 น.
โทร. 0-2017-7268
www.facebook.com/SpiritJimThompson
หลบหนีความวุ่นวายมาพักผ่อนในบรรยากาศสบาย ๆ ที่ Mövenpick BDMS Resort Bangkok บนถนนวิทยุ แลนด์มาร์กแห่งใหม่ของการพักผ่อนคู่สุขภาพ ให้บริการเชิงสุขภาพแนวใหม่ที่เป็นการผสานระหว่างการพักผ่อนและและการฟื้นฟูสุขภาพไปพร้อม ๆ กัน เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ใหม่ใจกลางเมืองที่ให้เราได้มาสัมผัสความผ่อนคลายในแบบ Exclusive Staycation ที่จะทำให้วันธรรมดา ๆ กลายเป็นวันพิเศษ
โดยจุดเด่นของโครงการนี้คือการเชื่อมต่อโดยตรงกับ BDMS Wellness Clinic คลินิกสุขภาพด้านการดูแล ป้องกัน และฟื้นฟูสุขภาพระดับเอเชียที่มีทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก โดยมีโปรแกรมดูแลสุขภาพที่หลากหลาย นอกจากนี้ในส่วนของห้องอาหาร ยังมีเชฟที่เชี่ยวชาญด้านอาหารสุขภาพมาประจำการที่โรงแรม พร้อมบริการจัดอาหารเพื่อสุขภาพที่เหมาะสมให้กับทุกคนอีกด้วย เป็นอีกหนึ่งสถานที่แนะนำ ที่เหมาะกับการมาใช้เวลาดี ๆ ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้แบบครบครัน ตอบโจทย์การใช้ชีวิตคนเมืองได้อย่างลงตัว
Mövenpick BDMS Resort Bangkok
ถนนวิทยุ
โทร. 0-2666-3333
www.facebook.com/MovenpickBDMSBangkok