ท่ามกลางกระแสการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์มาแรงในกลุ่มของคนรักสุขภาพ คุณเมย์ ศวิตา เศรษฐาภรณ์ เจ้าของร้าน Acai Story ผู้จุดประกายความคิดโดยการนำ Acai พืชตระกูลปาล์มจากแถบประเทศบราซิลและเปรูที่ได้รับการขนานามว่าเป็น Superfood ลำดับต้น ๆ ของโลกมาใช้เป็นส่วนผสมหลักของขนมในร้านโดยทุกเมนูของที่นี่ล้วนแต่เป็นเมนูโฮมเมดและชูรสชาติของแต่ละจานด้วยความเข้มข้นของ Acai และความหวานตามธรรมชาติของผลไม้แต่ละชนิดอาทิเช่น Acai Smoothie (215 บาท) สมูทตี้ที่ไม่ผสมไซรัปและน้ำแข็งให้สัมผัสรสครีมมี่คล้ายไอศกรีม ได้รสชาติเข้มข้นของผล Acai
หรือจะลอง The Unicorn Bowl (215 บาท) เมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านที่รวบรวมผลไม้นานาชนิดที่ให้ความสดชื่นไว้ในถ้วยเดียว
หรือจะลองสั่งอื่น ๆ อย่าง Crunchy Nutty Bowl (165/235 บาท) Shunshine Bowl (165/235 บาท) และ Classic Fruit Bowl (165/235 บาท) ก็อร่อยและได้ประโยชน์จากผลไม้มากไม่แพ้กัน
Acai Story
The Emquartier ชั้น B
เปิดทุกวัน 10.00 - 21.30 น.
โทร. 098-859-8747
www.facebook.com/AcaiStoryBKK/
จากร้าน Umenohana ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังที่เน้นเมนูเต้าหูและเนื้อปูเป็นหลักสู่การแตกไลน์ธุรกิจให้เข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้นในชื่อแบรนด์ Umeno Cafe ที่ยังคงคอนเซ็ปต์ความเฮลท์ตี้ด้วยเมนูจากเต้าหู้ที่นำมาดัดแปลงและเพิ่มเติมเมนูให้หลากหลาย สามารถทานได้ง่ายขึ้นเริ่มต้นที่เมนู D.I.Y Yuba (220 บาท) ชุดทำฟองเต้าหู้สดหนึ่งในเมนูขายดีที่จะทำให้ทุกคนได้สนุกกับการทำฟองเต้าหู้เอง แนะนำให้ทานคู่กับซอสโชยุ งา และผิวส้มยูสุ
หรือใครที่ชอบทานข้าวแกงกะหรี่ลองสั่ง Tofu Katsu Curry Rice (220 บาท) ข้าวแกงกะหรี่เต้าหู้คัตสึที่ใช้เต้าหู้ชุบแป้งและเกล็ดขนมปังทอดแทนเนื้อสัตว์ท็อปบนข้าวและแกงกะหรี่รสเข้มที่ใส่ผักมาเน้น ๆ
ปิดท้ายด้วยของหวานน่าทานอย่าง Tonyu Custard Kuromitsu (85 บาท) คัสตาร์ดเต้าหู้นุ่ม ๆ ทานคู่กับซอสน้ำตาลทรายแดงและวิปครีม
Umeno Cafe
สีลมคอมเพล็กซ์
เปิดทุกวัน 10.30 - 22.00 น.
โทร. 02-231-3168 , 065-506-1685
www.facebook.com/umenocafe/
The Hass Bistro คาเฟ่คอนเซ็ปต์สุดเก๋สำหรับคนรักสุขภาพ เพราะที่นี่นำอะโวคาโดมาครีเอทเป็นหลากหลายเมนูทานง่าย เอาใจสายเฮลตี้และสายฟู้ดดี้โดยเฉพาะ ซึ่งชื่อ The Hass นั้นมาจากชื่อสายพันธุ์อะโวคาโดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากโดยเจ้าของร้านนั้นเป็นหนึ่งในบริษัทนำเข้าผลไม้จากต่างประเทศรายใหญ่ของไทย ทำให้สามารถนำเข้าผลไม้และอะโวคาโดคุณภาพดีได้อย่างสม่ำเสมอ โดยทางร้านเลือกใช้อะโวคาโดพันธุ์ Hass จากประเทศนิวซีแลนด์นำมาครีเอทเป็นหลากหลายเมนูน่าทานอย่าง Spycy Salmon Salad (295 บาท) สลัดยำแซลมอน ผัดสดคลุกเคล้ากับน้ำยำรสแซ่บท็อปด้วยแซลมอนหั่นเต๋าเบิร์นไฟ เสิร์ฟในอะโวคาโดหั่นสไลด์เป็นวงกลมสวย
และพลาดไม่ได้กับ Avoburger Served with French Fries (335 บาท) เมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน ที่ใช้อะโวคาโดทั้งผลซ้อนด้วยชีส เนื้อไก่และผัก เสิร์ฟกับเฟรนซ์ฟรายส์และซอสศรีราชามาโย
ปิดท้ายด้วยเมนูขนมหวานอย่าง Avocado Cheese Cake With Avocado Sauce (250 บาท) ชีสเค้กอะโวคาโดเนื้อเนียนเสิร์ฟคู่กับซอสอะโวคาโดรสเปรี้ยวและผลไม้สด
The Hass Bistro
สุขุมวิท 49
เปิดทุกวัน 08.00- 22.00 น.
โทร. 099-192-9626
www.facebook.com/thehassbistro
โอ้กะจู๋ ฟาร์มผักออร์แกนิคชื่อดังของจังหวัดเชียงใหม่โดยความตั้งใจของคุณโจ้ จิรายุทธ , อู๋ ชลากร เอกชัยพัฒนากุลและคุณต้อง วรเดช สุชัยบุญศิริ สามหนุ่มผู้ก่อตั้งฟาร์มที่ต้องการให้คนไทยได้หันมาทานผักปลอดสารพิษเพื่อดูแลสุขภาพกันมากขึ้นในคอนเซ็ปต์ "อาหารที่ปลูกด้วยความรัก สดจากฟาร์มส่งถึงคุณ” โดยปัจจุบันขยายสาขาที่ 3 มาที่สยามสแควร์ให้คนเมืองได้ทานอาหารออร์แกนิกดี ๆ โดยไม่ต้องไปไกลถึงเชียงใหม่ เมนูส่วนใหญ่ที่ทางร้านเสิร์ฟมักจะเป็นสลัดผักออร์แกนิกจานโตแต่ก็ยังมีเมนูที่น่าสนใจอื่น ๆ อีกเช่นกันลองสั่ง สเต๊กปลากะพงย่างครัสท์สมุนไพร (375 บาท) สเต๊กปลากะพงชิ้นใหญ่แล่เนื้อแล้วย่างด้วยไฟอ่อน เสิร์ฟพร้อมผักสมุนไพรช่วยดับคาวปลาได้อย่างดี
หรือจะลองสลัดแซลมอนโอเมก้า 3 และเต้าหู้ย่าง (285 บาท) สลัดแซลมอนส่งตรงจากนอร์เวย์และมูสลี่ นำไปอบโดยปราศจากเนยและน้ำมัน อบให้พอสุกกำลังดีทานคู่กับเต้าหู้ย่าง ธัญพืช ผักออร์แกนิก เสิร์ฟคู่กับน้ำสลัดงาขาวงาดำและวอลนัท
ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มที่ช่วยทั้งสุขภาพ และให้ความสดชื่นอย่าง Three Orange and Orang Things (185 บาท) น้ำส้ม 3 ชนิด ได้แก่ส้มสายน้ำผึ้ง ส้มเขียวหวานและส้มแมนดารินผสมรวมกันให้ทั้งรสเปรี้ยวอมหวานผสานกับคุณค่าของวิตามินซี เสิร์ฟแบบ Jar Juice เหยืกขนาดใหญ่สามารถแบ่งทานได้ 3-4 คน
โอ้กะจู๋ (สยามสแควร์)
สยามสแควร์ ซอย 7
เปิดทุกวัน 10.30 - 21.30 น.
โทร. 063-093-8388
www.facebook.com/ohkajhu
สัมผัสความอร่อยแบบดีต่อสุขภาพที่ Govinda ร้านอาหารมังสาวิรัติสไตล์อิตาเลียน ที่จะไม่ทำให้เมนูมังสาวิรัติน่าเบื่ออีกต่อไป โดยทางร้านคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดีนำเข้าจากยุโรปโดยเลือกใช้ถั่วเหลือง นมและชีสแทนเนื้อสัตว์กับไข่ นำมาครีเอทเป็นเมนูที่ให้รสชาติดี อีกทั้งผักทุกชนิดเป็นผักปลอดสารพิษสดใหม่พร้อมเสิร์ฟในทุกจานเพื่อให้ลูกค้าที่ได้รับประทานได้ทานอาหารที่ดีแต่สุขภาพและมีคุณภาพที่สุด แนะนำเมนูแรก Bolognese (275 บาท) สปาเกตตี้โบโลเนสที่ทำซอสจากถั่วเหลืองแทนเนื้อสัตว์
หรือจะลองสั่งเมนู Melanzane Parmigiana (325 บาท)
และยังมีเมนูอื่น ๆ อีกมากมายให้ได้ลิ้มลองอาทิเช่น สลัด Govinda (340 บาท) Spaghetti Carbonara (280 บาท) หรือจะลองสารพัดเมนูถั่วเหลือง Pollo Piccante (285 บาท) Spiedini Misti (340 บาท)
Govinda
สุขุมวิท 22
เปิดทุกวัน 12.00 - 15.00 น. , 18.00 - 22.30 น.
โทร. 02-663-4970
www.facebook.com/govindarestaurantt/