เติมเต็มช่วงเวลาสุดพิเศษไปกับกาแฟแก้วพิเศษจาก 9 ร้าน Specialty Coffee คุณภาพดี

Published on September 28, 2019

ปฏิเสธไม่ได้ว่ากาแฟได้กลายมาเป็นเครื่องดื่มที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะเต็มไปด้วยเสน่ห์ของกลิ่นหอมกรุ่นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ บวกกับเมื่อหลายปีก่อนได้เกิดคำว่า 'Specialty Coffee' เข้ามาในวงการกาแฟ ทำให้ผู้คนมีความเข้าใจในเรื่องของกาแฟและหันมาดื่มกาแฟกันมากขึ้น ครั้งนี้ BKK. จึงไม่พลาดที่จะชวนทุกคนมาร่วมดื่มด่ำกับกาแฟแก้วโปรดคุณภาพดีจาก 9 ร้าน Specialty Coffee เพื่อต้อนรับวัน International Coffee Day ไปด้วยกัน!

1

Nana Coffee Roasters

FULL REVIEW
 

Nana Coffee Roasters

เริ่มต้นกันที่ร้านกาแฟและโรงคั่วระดับแถวหน้าของวงการกาแฟไทย ที่เน้นเสิร์ฟกาแฟคุณภาพแบบ Specialty Coffee จากแชมป์บาริสต้าชื่อดังระดับโลกอย่างร้าน Nana Coffee Roasters ซึ่งในปัจจุบันได้ย้ายจากซอยนานา มาประจำการอยู่ที่ Niche 3 ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ที่มาช่วยเพิ่มสีสันและเสน่ห์ให้กับพื้นที่ละแวกนี้ให้คึกคักและมีชีวิตชีวามากขึ้น พร้อมคัดสรรเมล็ดกาแฟจากทั่วทุกมุมโลกหลากหลายชนิด การันตีคุณภาพด้วยนักคั่วกาแฟมือดีแห่งโรงคั่ว ที่ใส่ใจตั้งแต่กระบวนการคัดเลือกเมล็ดจากทั่วทุกทวีป นำมาคั่วให้ได้กลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ พร้อมให้ทุกคนได้แวะเวียนมาดื่มด่ำกับกาแฟคุณภาพดีและแลกเปลี่ยนเรื่องราวกาแฟกับบาริสต้าไปพร้อม ๆ กัน

FULL REVIEW
 

Nana Coffee Roasters

สำหรับเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน ต้องลอง Signature Kanda (250 บาท) อันเกิดขึ้นด้วยฝีมือแชมป์บาริสต้าจากหลายเวทีเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการครีเอทเมนูพิเศษนี้ เรียกว่าเป็นกาแฟดำที่มีส่วนผสมของเอสเพรสโซช็อตผสมกับชาผลไม้แบบสกัดเย็น อย่างกุหลาบ ตะไคร้ และส้ม ให้กลิ่นหอมคล้ายเปปเปอร์มินต์ และสัมผัสได้ถึงรสชาติหอมสดชื่นที่เข้ากันได้อย่างลงตัว ซึ่งเมนูซิกเนเจอร์จะเปลี่ยนรสชาติไปในแต่ละเดือน

 

Signature Kanda (250 บาท)

สำหรับคอกาแฟที่อยากลิ้มลองรสชาติกาแฟเข้ม ๆ ต้องลอง Syphon (300 บาท) เมนูกาแฟดำที่ทางร้านมีเมล็ดกาแฟให้เลือกหลากหลาย ทั้งเมล็ดกาแฟไทยและเมล็ดกาแฟนำเข้า อาทิ เคนยา, เอธิโอเปีย, โคลัมเบีย, บราซิล และกัวเตมาลา โดยราคาขึ้นอยู่กับเมล็ดกาแฟที่ทางร้านเลือกใช้ ให้สัมผัสรสชาติถึงหอมกรุ่นของกลิ่นกาแฟคั่วบดออกมาได้เป็นอย่างดี

 

Syphon (300 บาท)

Nana Coffee Roasters
Niche 3 ถนนประดิษฐ์มนูธรรม
เปิด วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 07.00-20.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-20.00 น.
โทร. 08-9775-0006
www.facebook.com/nanacoffeeroasters


2

Factory Coffee Bangkok

FULL REVIEW
 

Factory Coffee Bangkok

ต่อกันที่ Factory Coffee Bangkok คาเฟ่เล็ก ๆ ที่เติบโตจากฝีไม้ลายมือการครีเอทกาแฟซิกเนเจอร์รางวัลระดับโลก จนถูกอกถูกใจนักชิมกาแฟและกลายเป็นร้านในดวงใจของใครหลายคนกันมาแล้ว ไม่นานมานี้ Factory Cafe ได้ย้ายบ้านใหม่อย่างเป็นทางการไปอยู่ไม่ไกลจากสถานีบีทีเอสพญาไทที่เป็นโลเคชั่นเดิมมากนัก และยังคงอบอวลไปด้วยกลิ่นอายความเท่สไตล์ลอฟต์ และบรรยากาศสบายให้นั่งละเลียดจิบกาแฟโดยบาริสต้าหนุ่มหล่อฝีมือดี

FULL REVIEW
 

Factory Coffee Bangkok

ขึ้นชื่อว่าบาริสต้ารางวัลระดับโลก แน่นอนว่าเมล็ดกาแฟของทางร้านต้องคัดสรรและเลือกใช้เมล็ดกาแฟดีมีคุณภาพเพื่อใช้ในการสร้างสรรค์ในทุกเมนู แนะนำเมนูซิกเนเจอร์อย่าง Black Cocoa Yen (200 บาท) ที่ให้คุณค่อย ๆ ละเลียดชิม Black Cocoa เข้มข้นที่นำไปเชคกับนมและน้ำแข็งจนได้ที่ ก่อนโรยด้วย Chocolate Bar, Chocolate Powder และเกลือ Sea Salt Grinder เพื่อเพิ่มกลิ่นและตัดเลี่ยน ตบท้ายด้วยคาราเมลที่ค่อย ๆ บรรจงราดอย่างประณีตบนขอบแก้ว เพื่อเพิ่มรสชาติความกลมกล่อมของวัตถุดิบในแต่ละเลเยอร์

 

Black Cocoa Yen (200 บาท)

อีกหนึ่งเมนูแนะนำ ต้องลอง Honolulu (120 บาท) กาแฟนมที่รวมรสชาติความกลมกล่อมของสองเลเยอร์จากชาโฮจิฉะเข้มข้นผสมนมในเลเยอร์แรก ตามด้วย Espresso Shot และโรยผงโฮจิฉะตบท้ายเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมและความนุ่มนวล ก่อนที่สองรสชาติจะค่อย ๆ เบลนด์รวมกันในปาก

 

Honolulu (120 บาท)

Factory Coffee - Bangkok
BTS พญาไท
เปิดทุกวัน เวลา 08.30-18.00 น.
โทร. 08-0958-8050
www.facebook.com/factorybkk

3

Roots at Sathon

FULL REVIEW
 

Roots at Sathon

ตามมาด้วย Roots at Sathon ที่เป็นมากกว่าแค่ร้านกาแฟ เพราะเต็มไปด้วยเรื่องราวการเดินทางของกาแฟไทยคุณภาพดีจากต้นสู่รสชาติพร้อมเสิร์ฟในแบบ Specialty Coffee ที่ใส่ใจในทุกขั้นตอน พร้อมต้อนรับทุกคนให้เข้ามาดื่มกาแฟและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องกาแฟได้อย่างเต็มที่ โดยต่อยอดสาขาที่สองมาจาก The Common ที่คอกาแฟตัวจริงต้องห้ามพลาด โดดเด่นด้วยการตกแต่งสไตล์เรียบง่ายสบายตาด้วยวัสดุจากไม้สีอ่อนเป็นหลัก พร้อมแสงอ่อน ๆ ที่ทำมุมลอดช่องหน้าต่างเข้ามาตามธรรมชาติชวนให้เราอยากเข้ามาใช้เวลาอยู่ที่นี่ได้ทั้งวัน

FULL REVIEW
 

Roots at Sathon

กาแฟจาก Roots at Sathon นอกจากจะมีรสชาติที่ดีแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจที่ดีในทุก ๆ แก้วอีกด้วย ในส่วนของเมนูแนะนำประจำร้านให้ลองสั่ง Cherry - Cola Float (180 บาท) เมนูที่ทางร้านคราฟต์เองเกือบ 100% ตั้งแต่การนำผลเชอร์รี่มาทำไซรัปโคล่า รวมถึงไอศกรีมวานิลลาที่ตกแต่งอยู่ด้านบน และ Cold Brew จากบ้านปางขอน จ.เชียงราย ที่ช่วยเข้ามาเพิ่มรสชาติของกาแฟ

 

Cherry - Cola Float (180 บาท)

หากใครไม่ทานกาแฟ แนะนำให้ลองสั่ง Coffee Blossom Honey Iced Tea (120 บาท) สูตรพิเศษที่นำน้ำผึ้งจากดอกกาแฟมาเป็นซิกเนเจอร์ ทำให้ได้ลิ้มลองน้ำผึ้งที่มีกลิ่นและรสชาติเฉพาะตัว รวมเข้ากับชาจากเกษตรกร นับเป็นการผสมผสานออกมาสู่เมนู Coffee Blossom Iced Tea ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

Coffee Blossom Honey Iced Tea (120 บาท)

Roots at Sathon
Roots at Sathorn ชั้น 1 ตึก Bhiraj Sathorn
เปิด วันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 08.00-19.30 น. และวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-20.30 น
โทร. 08-2091-6175
www.facebook.com/RootsBkk


4

høst x AMBER

FULL REVIEW
 

høst x AMBER

ใครที่เป็นคอกาแฟและเป็นสายคาเฟ่ น่าจะคุ้นเคยกับรสชาติที่หลากหลายและเต็มไปด้วยเสน่ห์ของเมล็ดกาแฟชนิดต่าง ๆ ซึ่งอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสกับความพรีเมียมของรสชาติกาแฟต้องไม่พลาดที่จะมาลิ้มลองความพิเศษนี้ด้วยตัวเองที่ CentralWorld เพราะที่นี่ได้ยกเอาบรรยากาศแห่งความพรีเมียมของร้านกาแฟ ‘Amber Coffee Brewery’ แบรนด์ดังจากฮ่องกงภายใต้คอนเซ็ปต์การ Collaboration ของ høst x AMBER

FULL REVIEW
 

høst x AMBER

อีกหนึ่งความพิเศษของร้านต้องยกให้กับบาริสต้าที่ได้แชมป์บาริสต้าฮ่องกงถึง 2 สมัย แถมยังคว้าที่ 4 จากการแข่งขันระดับโลกอย่างคุณ Dawn Chan มาเทรนและปรับปรุงสูตรกาแฟของที่นี่ให้มีคุณภาพและรสชาติให้ใกล้เคียงกับที่ฮ่องกงมากที่สุด

 

høst x AMBER

สำหรับเมนูซิกเนเจอร์ที่ไม่ควรพลาด เพราะพิเศษด้วยเมล็ดกาแฟคุณภาพสูงนั่นก็คือ Amber (450 บาท) เมนูที่ได้รางวัลอันดับ 4 จากการประกวดระดับโลก โดยแก้วนี้ใช้เมล็ดกาแฟ Gesha 1931 เป็นเอสเพรสโซ่เบสผสมกับน้ำสับปะรดหมักกับ hobs ซึ่งเมนูนี้มีกิมมิกตรงที่จะเพิ่มอโรม่าโดยการเทชา Earl Grey ลงไปในน้ำแข็งแห้งให้เกิดกลิ่นหอมและความเย็น ก่อนที่จะเทควันลงไปผสมกับเอสเพรสโซ่เบส เสิร์ฟมาแบบมีควันลอยในแก้ว รวมเป็นรสชาติและสัมผัสที่นุ่มนวล ละเอียดอ่อน ค่อนข้างซับซ้อน แต่ให้ความสดชื่นได้ดี

 

Amber (450 บาท)

อีกหนึ่งแก้วที่ภูมิใจนำเสนอก็คือ Filter Coffee (ราคาตามเมล็ดกาแฟ) กาแฟดริปหอมกรุ่นที่คุณสามารถเลือกชนิดของเมล็ดได้เอง เป็นอีกแก้วที่จะเติมเต็มประสบการณ์การดื่มกาแฟของของคุณให้น่าจดจำมากขึ้น ด้วยสัมผัสและรสชาติระดับพรีเมียมของเมล็ดนำเข้า แนะนำให้ลองสั่งเมล็ด Gesha Lot ที่ 68 หรือ 79 ซึ่งทางร้านยังได้ไปประมูลเมล็ด Ethiopia Diamond ที่เป็นเมล็ด World Barista Championship ของปี 2018 มาให้ได้ชิม ซึ่งในประเทศไทยจะมีแค่ที่ høst x AMBER เป็นที่เดียว

 

Filter Coffee (ราคาตามเมล็ดกาแฟ)

høst x AMBER
ชั้น 1, ZEN ศูนย์การค้า CentralWorld
เปิด วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-22.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-22.00 น.
โทร. 08-0837-8878
www.facebook.com/hostxamber


5

GROUND Coffee

FULL REVIEW
 

GROUND Coffee

อีกหนึ่งร้าน Specialty Coffee แนะนำ GROUND Coffee คาเฟ่ที่เน้นเสิร์ฟกาแฟคุณภาพดีในพื้นที่ของร้านอาหาร The Yard Restaurant โดยใช้ชื่อ Ground ที่แปลว่า บด (เป็นกิริยาช่องที่ 3 ของ Grind) หรืออีกนัยหนึ่งจะแปลว่าพื้นดินก็ได้ ซึ่งทางร้านตั้งใจจะสื่อถึงการใส่ใจในทุก ๆ ขั้นตอนของการทำกาแฟตั้งแต่การบด ซึ่งถือเป็นกระบวนการสำคัญมากที่จะทำให้กาแฟออกมารสชาติดี มาพร้อมความโดดเด่นด้วยการตกแต่งสไตล์ความดิบเท่ที่เริ่มตั้งแต่หน้าร้านไปจนถึงด้านใน

FULL REVIEW
 

GROUND Coffee

สำหรับใครที่ชอบดื่มคาปูชิโนเป็นประจำอยู่แล้ว ลองเปลี่ยนมาดื่มเมนู Pick Me Up (290 บาท) คาปูชิโนที่เพิ่มครีมสูตรโฮมเมดที่ทำมาจากมาสคาโปน ไข่แดง วิปครีมและกลิ่นวานิลลา เพื่อให้มีความนุ่มและกลมกล่อมขึ้น ก่อนจะท็อปด้วยผงโกโก้และก้านอบเชย สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของทีรามิสุตามแบบฉบับอิตาเลียนแท้ ๆ

 

Pick Me Up (290 บาท)

เอาใจคนชอบดื่มกาแฟผลไม้ ทางร้านแนะนำ RIP (Rest in Peach) (180 บาท) น้ำพีชสูตรเข้มข้น ราดเอสเพรสโซช็อต (Lighter Blend) ได้ความขมที่ตัดรสชาติเข้ากับความหวานของพีชแบบพอดิบพอดี ให้ความรู้สึกสดชื่นแบบกระปรี้กระเปร่า

 

RIP (Rest in Peach) (180 บาท)

GROUND Coffee
ถนนสาทร ซอยเซนต์หลุยส์ 3
เปิด วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 07.30-19.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-19.00 น.
โทร. 09-9178-5386
www.facebook.com/GroundCoffeeBangkok


6

Craftsman at Silpa Bhirasri’s place

FULL REVIEW
 

Craftsman at Silpa Bhirasri’s place

หลังจากได้รับกระแสตอบรับที่ดี Craftsman ก็ได้ขยายสาขามาเปิดที่บ้านอาจารย์ฝรั่ง ศิลป์ พีระศรี ภายใต้การดูแลของสำนักงานตรวจสอบภายในทหารบก มีบรรยากาศที่แตกต่างกับร้านแรก แต่ยังคงกลิ่นอายของความคลาสสิกเพื่อให้คนที่แวะมาได้เสพย์งานศิลป์บนชั้น 2 ที่จัดเป็นแกลเลอรีของบ้าน พร้อมดื่มด่ำกับกาแฟชั้นดีที่มีมาตรฐานในการคัดเลือกเมล็ดจากฟาร์มของไทย

FULL REVIEW
 

Craftsman at Silpa Bhirasri’s place

เมล็ดกาแฟหลัก ๆ ของที่นี่จะใช้ 4 ชนิดด้วยกัน อาทิ Kenya, Costa Rica, Panama และ Geisha Perci ที่มักใช้ทำกาแฟ Filter ส่วนเมนูเอสเพรสโซ่ก็จะใช้เมล็ดกาแฟจากไร่ห้วยห้า แม่ฮ่องสอน คั่วแบบ Honey Process รสชาติสามารถทดแทนกาแฟนอกได้แบบสบาย ๆ โดยมีความคล้ายเมล็ดของบราซิลปนเอธิโอเปีย ใครที่มาครั้งแรกแนะนำให้ลอง Latte (110 บาท / 120 บาท) ลาเต้เมล็ดห้วยห้าเบลนด์กับกัวเตมาลาและเอธิโอเปีย ให้รสชาติไม่เข้มมาก และหอมมัน

 

Latte (110 บาท / 120 บาท)

แนะนำอีกหนึ่งเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน ลองสั่ง Iced Lemongrass Latte (135 บาท) ที่ใช้เมล็ดกาแฟ Artisan Blend ระหว่างบราซิล อินโดฯ และลาว ผสมกับไซรัปตะไคร้ที่ทำเอง ดื่มแล้วสดชื่น เป็นเมนูที่ชนะเลิศในงาน I+D Style Cafe 2018 พร้อมทั้งได้เข้าร่วมงาน BIG & BIH อีกด้วย

 

Iced Lemongrass Latte (135 บาท)

Craftsman at Silpa Bhirasri’s place
ถนนราชวิถี
เปิดทุกวัน เวลา 07.00-19.00 น.
โทร. 0-2043-3360
www.facebook.com/craftsmanroastery


 

Wela Coffee Room

อีกหนึ่งร้านกาแฟคุณภาพดี ต้องลองแวะมาที่ Wela Coffee Room คาเฟ่ขนาดกะทัดรัดบนถนนรามคำแหง 24 ที่มีจุดเริ่มต้นจากความหลงใหลในกาแฟของเจ้าของร้านจนเกิดเป็นโรงคั่วเล็ก ๆ อย่าง Wela Artisan Coffee Roaster โดยมีความตั้งใจที่อยากจะให้ความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับกาแฟ บวกกับการที่อยากให้คนรักกาแฟ สามารถดื่มกาแฟที่ดีได้ด้วยฝีมือตัวเองทุกวัน

FULL REVIEW
 

Wela Coffee Room

สำหรับคอกาแฟคนไหนที่อยากลิ้มรสความหอมกรุ่นจากกาแฟคั่วของทางร้าน แนะนำเมนู Filter (Drip) Coffee (80++ บาท) กาแฟดริป ที่ทางร้านมีเมล็ดกาแฟให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้งเมล็ดกาแฟไทยและเมล็ดกาแฟนำเข้า โดยให้กลิ่นและรสชาติที่แตกต่างกันออกไป อาทิ กลิ่นช็อกโกแลตจากกาแฟบราซิล กลิ่นผลไม้จากกาแฟเอธิโอเปีย หรือกลิ่นหอมหวานสดชื่นของผลไม้ไทย ๆ เช่น ขนุน ลำไย จากกาแฟภาคเหนือของไทย โดยจะให้รสสัมผัสและความหอมกรุ่นของกลิ่นกาแฟคั่วเข้มได้เป็นอย่างดี

 

Filter (Drip) Coffee (80++ บาท)

อีกหนึ่งเมนูพิเศษ ขอยกให้กับ Iced Palm Sugar Latte (80 บาท) ที่ทางร้านคิดค้นขึ้นมาสำหรับคนชอบทานกาแฟที่มีรสชาติหวาน โดยใช้กาแฟคั่วกลางผสมกับน้ำตาลโตนดแท้ ที่ทางร้านไปหาซื้อจากแหล่งผลิตน้ำตาลจังหวัดเพชรบุรี ให้รสชาติหอมละมุนกรุ่นกลิ่นของกาแฟกับน้ำตาลโตนด แล้วโรยด้วยแผ่นเกล็ดน้ำตาล ช่วยเพิ่มความหวานฉ่ำที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี

 

Iced Palm Sugar Latte (80 บาท)

Wela Coffee Room
รามคำแหง 24 แยก 2
เปิด วันอังคาร-ศุกร์ เวลา 07.30-15.30 น. และวันเสาร์ เวลา 09.00-17.00 น. (ปิดวันอาทิตย์และวันจันทร์)
โทร. 06-5146-5546
www.facebook.com/welacoffeeroaster

8

Single Lane Specialty Coffee

FULL REVIEW
 

Single Lane Specialty Coffee

สำหรับคอกาแฟคนไหนที่กำลังมองหาร้านนั่งจิบกาแฟ พร้อมพูดคุยกับบาริสต้าในบรรยากาศสบาย ๆ ขอแนะนำ Single Lane Specialty Coffee พื้นที่เล็ก ๆ แห่งนี้ ที่ยกเอาบรรยากาศและรสชาติของกาแฟแบบ Australian Style มาไว้ยังใจกลางย่านพระโขนง โดดเด่นด้วยโครงสร้างการออกแบบภายในร้านที่มีความลึกเข้าไปด้านในคล้ายกับเลนถนน เมื่อบวกกับการคัดสรรเมล็ดกาแฟที่ทางร้านเน้นเสิร์ฟเป็นพิเศษในรูปแบบของ Single Origin ด้วยแล้ว จึงถูกนำมาเป็นกิมมิกในการตั้งชื่อร้านที่ใช้ชื่อว่า Single Lane Specialty Coffee นั่นเอง

FULL REVIEW
 

Single Lane Specialty Coffee

ทางร้านเน้นเสิร์ฟเมนูที่เบลนด์จากเมล็ดกาแฟแบบ Single Origin ที่จะสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาให้คุณลูกค้าได้ลองชิมทุกอาทิตย์ มาถึงที่ร้านต้องลองดื่มเมนูคลาสสิกอย่างกาแฟดริป Drip Coffee (160 บาท) สำหรับแก้วนี้ ทางร้านเลือกใช้เมล็ดกาแฟคั่วกลางจาก Colombia โรงคั่วที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งให้รสชาติและกลิ่นแนว Fruity ดื่มง่ายคล้ายกับการดื่มชา เหมาะกับคนเพิ่งเริ่มดื่มกาแฟอย่างมาก

 

Drip Coffee (160 บาท)

อีกหนึ่งแก้วแนะนำคือ Summerest (150 บาท) เครื่องดื่ม Refreshing ที่มีส่วนผสมของกาแฟ Cold Brew สูตรเฉพาะของทางร้านที่ใช้เมล็ดกาแฟจากอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนจะเชคเข้ากับชาพีชและน้ำลูกพรุน พร้อมตกแต่งแก้วด้านบนด้วยพุทราเชื่อม

 

Summerest (150 บาท)

Single Lane Specialty Coffee
ซอยปรีดี พนมยงค์ 3
เปิด วันจันทร์-ศุกร์ (ยกเว้นวันพุธ) เวลา 08.30-17.30 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-18.00 น.
โทร. 06-2525-4662
www.facebook.com/SINGLELANE.BKK


 

OOOBKK

OOOBKK คือบ้านหลังใหม่ของร้าน One Ounce for Onion คาเฟ่ชื่อดังแห่งย่านเอกมัยหรืออีกหนึ่งคาเฟ่ในดวงใจของใครหลายคนโดย ได้ร่วมมือกับ Esspressoman ร้านกาแฟขวัญใจชาวทาวน์อินทาวน์ เนรมิตพื้นที่ด้านข้างของร้านให้กลายมาเป็นคาเฟ่สไตล์ลอฟต์สุดเท่ ได้บรรยากาศของคาเฟ่เกาหลีที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ 'Non Boundary Experience' ที่เชื่อมโยงปฏิสัมพันธ์ระหว่างบาริสต้า เชฟ และลูกค้าแบบไร้ข้อจำกัด โดยทางร้านมีเมล็ดกาแฟหลากหลายชนิดสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาให้คอกาแฟได้ลองชิมอยู่เรื่อย ๆ

FULL REVIEW
 

OOOBKK

ลองพาตัวเองมาดื่มด่ำบรรยากาศสบาย ๆ แล้วเลือกสั่งเครื่องดื่มแก้วพิเศษเพื่อเป็นรางวัลให้กับตัวเอง แนะนำเมนูแสนคลาสสิกอย่าง Dirty Coffee (100 บาท) เมนูกาแฟที่ราดช็อตเอสเพรสโซลงบนนมสดที่แช่มาแบบเย็นจัด นอกจากจะได้เลเยอร์ที่สวยงามแล้ว แก้วนี้ยังให้รสนุ่มละมุนของนมและกรุ่นกลิ่นหอมของกาแฟคุณภาพดีอีกด้วย

 

Dirty Coffee (100 บาท)

ต่อด้วยเมนู Signature ของทางร้านที่ใครมาก็ต้องลองสั่งอย่าง Coffee Granita & Lemon with Meringue (135 บาท) โดยแก้วนี้มีกิมมิกอยู่ตรงที่การนำเอากาแฟเบลนด์มาผสมเข้ากับน้ำผึ้ง เลมอน แล้วเพิ่มความหอมด้วยเปลือกเลมอนขูด จากนั้นจึงนำไปแช่แข็งก่อนจะเสิร์ฟมาในรูปแบบของเกล็ดน้ำแข็ง ที่ท็อปด้านบนด้วยเมอแรงก์ เมนูนี้เรียกพลังความสดชื่นได้แบบเต็ม ๆ แก้ว

 

Coffee Granita & Lemon with Meringue (135 บาท)

OOOBKK
ซอยลาดพร้าว 94 (ทาวน์อินทาวน์)
เปิดทุกวัน เวลา 08.00-20.00 น.
โทร. 09-8812-4649
www.facebook.com/ooobkk