ขอเอาใจแฟน ๆ BKK. ที่เป็นสาวกเนื้อทุกคนด้วยสกู๊ป ‘Nice To Meat You Again’ 8 ร้านเนื้อที่อัพเดตความอร่อยให้ได้ตามลิ้มลองหลากหลายเมนู ‘เนื้อเน้น ๆ’ ผ่านเทคนิคการปรุงอันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละร้าน ส่วนจะมีร้านไหนให้ได้กดเซฟลิสต์แบบรัว ๆ และตามไปอร่อยฟินบ้างนั้น ไปดูพร้อม ๆ กันเลย!
หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อเสียงของข้าวหน้าเนื้อของ Tora Tora Japanese Kitchen ร้านเนื้อดี ๆ ที่ตั้งอยู่ในซอยประดิพัทธ์ 6 นำเสนอความอร่อยแบบฟิวชัน โดยใช้วัตถุดิบหลักอย่างเนื้อวัวเกรดพรีเมียม ที่คัดสรรจากฟาร์มคุณภาพดีในประเทศไทย ผ่านการปรุงด้วยกรรมวิธีสไตล์ยุโรป แต่ให้รสชาติและมีหน้าตาอาหารออกมาในสไตล์ญี่ปุ่น
FULL REVIEWเริ่มต้นกันที่เมนูอันเลื่องชื่อในโลกโซเชียล อย่าง Steak Don (299 บาท) เนื้อไทยคุณภาพดี ผัดกับเนยและน้ำมันมะกอกที่ช่วยเพิ่มกลิ่นหอมให้กับเนื้อ จากนั้นนำไปท็อปบนข้าวญี่ปุ่นร้อน ๆ พร้อมไข่ออนเซ็น แนะนำให้สั่งซุปมิโสะมาทานคู่กันจะช่วยเพิ่มความอร่อยได้ดียิ่งขึ้น จานถัดมาเป็น Buta Kimchi (109 บาท) อีกหนึ่งเมนูที่ทางร้านคัดสรรเนื้อหมูคุณภาพดี นำไปผัดกับผักและโชยุ เสิร์ฟแบบกระทะร้อน มาพร้อมกับข้าวญี่ปุ่น
Tora Tora Japanese Kitchen
ซอยประดิพัทธ์ 6
เปิด วันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 11.00-14.00 และ 17.00-20.30 น.
โทร. 0-2618-5505
www.facebook.com/ToratoraJapaneseKitchen
Mad Beef ร้านอาหารสไตล์ไคเซกิในย่านเจริญกรุง ที่ตั้งใจสร้างสรรค์พื้นที่ดี ๆ เพื่อให้คนรักเนื้อได้เข้ามาสัมผัสความอร่อยของรสชาติเนื้ออย่างแท้จริง โดยทางร้านจะเลือกใช้วัตถุดิบเฉพาะส่วน Secondary Cut หรือเนื้อส่วนรองที่มักถูกมองข้าม มารังสรรค์เป็นหลากหลายเมนูแสนอร่อย ผ่านเทคนิคการปรุงอาหารของหลากหลายประเทศที่นำมาจับคู่ให้เข้ากับเนื้อชนิดต่าง ๆ และเสิร์ฟทุกจานด้วยความรัก
FULL REVIEWทางร้านเลือกนำเสนอความอร่อยด้วยการเสิร์ฟในคอร์สพิเศษอย่าง Mad Beef Course (4,200++ บาท) ซึ่งทางร้านเลือกใช้ Secondary Cut ทั้งหมดมาครีเอตเป็นหลากหลายเมนูจานเด็ด เช่น เนื้อส่วน Tenderloin, Hanger Man, Rump Cap เช่น เมนู Between The Bone ที่เชฟเลือกใช้เนื้อส่วน Finger Rib ไป Sous Vide พร้อมกับเนยฝรั่งเศสและสมุนไพรชนิดต่าง ๆ นานกว่าครึ่งวัน จากนั้นนำไปย่างให้มีกลิ่นหอมและได้ระดับความสุกในแบบที่พอดี เสิร์ฟมาในซุปปลาแห้งที่ผสมกับซุปกระดูกวัว ได้ความเข้มข้นจากเลือดวากิว ทานพร้อมกับหัวไชเท้าต้มและกระเทียมเจียว ให้รสหวานละมุนลิ้น
Mad Beef
โครงการ ATT19 เจริญกรุง ซอย 30
เปิด วันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 19.00-22.00 น. และวันเสาร์ เวลา 19.00-21.00 น.
โทร. 08-3555-5739
www.facebook.com/madbeef.kaiseki
CUT Raw & Grilled ร้านอาหาร Fine Dining แห่งย่านดุสิต โดยตัวร้านตั้งอยู่ภายในบ้านโบราณสุดคลาสสิกสวยบนถนนสุโขทัย โดดเด่นในเรื่องของการคัดสรรวัตถุดิบเกรดพรีเมียมจากทั่วโลก ก่อนจะนำเสนอด้วยเทคนิคการ Dry-Aged แบบเฉพาะตัว ซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมวิธีทำอาหารที่ช่วยชูรสชาติของวัตถุดิบ พร้อมรังสรรค์ใหม่จนกลายเป็นเมนูเลิศรส การันตีด้วยกระแสตอบรับที่ดีจากกลุ่มคนรักเนื้อและปลาดิบ ราวกับเป็นของขวัญตอบแทนการตั้งใจคัดสรรสิ่งดี ๆ มาให้เหล่านักชิมได้ลิ้มลอง
FULL REVIEWสาย Beef Lover ลองสั่งเป็น Dry-Aged Australian Wagyu Steak and Foie Gras (550 บาท) ข้าวหน้าฟัวกราส์หรือตับห่าน ที่ให้รสกลมกล่อมกว่าตับเป็ด โดยเป็นตับห่านซึ่งได้จากห่านป่าที่เกิดการ Fatty Liver ตามธรรมชาติ ทานเข้ากันดีกับเนื้อวากิวสุดพรีเมียม เป็นหนึ่งในเมนูข้าวที่พิเศษมากขึ้นด้วยวัตถุดิบชั้นดี สามารถสั่งเป็นมื้อกลางวันแบบทานที่ร้านหรือแบบเดลิเวอรีก็อร่อยไม่แพ้กัน จากนั้นไปฟินกับความนุ่มละมุนลิ้นของ Sirloin Japanese Wagyu A5 (200 - 400 g. / 1,700 - 3,400 บาท) เนื้อวากิวชั้นดีจากญี่ปุ่น มีส่วนไขมันแทรกบาง ๆ เมื่อนำมาย่างบนเตาถ่านจะได้ความนุ่มและความหอมเป็นพิเศษ
CUT Raw & Grilled
218 ถนนสุโขทัย เขตดุสิต
เปิดทุกวัน เวลา 11.30-23.00 น.
โทร. 09-9391-6978
www.facebook.com/cutbangkok
เนื้อหอม คาเฟ่ ร้านอาหารและคาเฟ่บนนถนนลาดหญ้าย่านฝั่งธน ที่มาพร้อมแนวคิดของความยั่งยืนและเชื่อมโยงความอร่อยเข้ากับชุมชนเมืองเก่า ด้วยการสรรหาวัตถุดิบมาจากชุมชนย่านฝั่งธนฯ และครีเอตออกมาเป็นเมนูเนื้อหอม ๆ และอาหารโฮมเมดจานพิเศษที่ตั้งใจเสิร์ฟทุกจาน
FULL REVIEWมาถึงร้านแล้วต้องลองสั่ง เนื้อย่างซอสเนื้อหอม (200 บาท) เนื้อส่วนสันนอกที่ย่างมาแบบฉ่ำ ๆ สไลซ์เป็นชิ้นบาง ราดด้วยซอสเนื้อหอมสูตรเฉพาะ อร่อยกับรสชาติที่ผสมผสานระหว่างความเป็นไทยและญี่ปุ่นอย่างลงตัว ต่อมาเป็นจานที่ได้แรงบันดาลใจมาจากชุมชนย่านนี้อย่าง บะหมี่เนื้อย่าง (180 บาท) บะหมี่จากโรงงานที่ถ่ายทอดความอร่อยมายาวนานกว่า 80 ปี ผัดคลุกเคล้ากับซอสสูตรเฉพาะ ที่ผสมพริกแกงเมืองกาญฯ ลงไปเล็กน้อย แล้วท็อปด้วยเนื้อย่างฉ่ำ ๆ และพริกเผา พร้อมเสิร์ฟเคียงมากับน้ำจิ้มแจ่ว
เนื้อหอม คาเฟ่
ถนนอิสรภาพ (หน้าซอยอิสรภาพ 4)
เปิดทุกวัน เวลา 11.00-21.00 น.
โทร. 09-3586-2261
www.facebook.com/nuahomcafe
ถัดมาเป็นอีกหนึ่งร้านแนะนำคือ SEXY COW ร้านอาหารสไตล์ Fusion และ Steak House ที่เหมาะสำหรับเหล่านักชิมสายเนื้อทุกไลฟ์สไตล์เพราะที่นี่พร้อมเสิร์ฟเมนูดี ๆ อย่าง Prime Steak & Seafood ที่ทั้งเชฟและเจ้าของร้านลงมือเลือกสรรวัตถุดิบพรีเมียมจากแหล่งที่มาคุณภาพ โดยเน้นการสนับสนุนเกษตรกรไทย เพื่อให้ทุกคนได้ทานอาหารอร่อยในราคาย่อมเยาและอิ่มอร่อยกันแบบครบถ้วน
FULL REVIEWขอแนะนำเมนูที่ไม่ควรพลาดอย่าง Lamb Chops (1,100 บาท) เนื้อแกะรมควันกับโรสแมรีจนได้กลิ่นหอม ถ้าใครอยากได้ความละมุนนุ่มลิ้นมากขึ้น ทางร้านยังมีเตรียมเกลือชนิดต่าง ๆ ให้เลือกกว่า 8 ชนิด เพื่อเสริมรสชาติเนื้อให้อร่อยมากขึ้น เสิร์ฟมาพร้อมกันกับ Johnson’s เบบี้มันฝรั่งแบบโฮมเมดที่ให้ความนุ่มหอมละมุนด้วยกลิ่นเครื่องเทศจาก BBQ Butter
หรือจะลองสั่ง The Dry Aged Wagyu Tomahawk MBS 5/6 (MLA) (400 บาท / 100 กรัม) เนื้อส่วนติดกระดูกซี่โครงชิ้นโต ที่เชฟนำไป Dry-Aged จนได้ความหอมนุ่ม เสิร์ฟมาพร้อมกันกับ Foie Gras & Truffle Sauce และน้ำจิ้มแจ่วสูตรพิเศษของทางร้าน
SEXY COW
The Millennia SG Tower
เปิดทุกวัน เวลา 11.00-14.30 และ 18.00-20.00 น.
โทร. 08-2924-4014
www.facebook.com/sexycowbkk
WILD BEEF ร้านเนื้อที่เกิดจากการนำเอาความชอบและประสบการณ์จากการแคมป์ปิ้งมาต่อยอดสู่ Butcher Shop พร้อมเสิร์ฟความอร่อยด้วยหลากหลายเมนูเนื้อ ซึ่งไฮไลต์อยู่ที่กรรมวิธีการปรุงแต่งรสชาติแบบง่าย ๆ โดยจะหมุนเวียนเนื้อชนิดต่าง ๆ มาให้เลือกทานทั้งเนื้อ Thai-Wagyu, Thai-French และ Premium Charolais รวมถึง Argentina Angus ที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพในทุก ๆ จานก่อนเสิร์ฟ
FULL REVIEWขอแนะนำเมนู ข้าวหน้าเนื้อพิคาน่า (250 บาท) ข้าวหอมมะลิจากจังหวัดสุรินทร์ที่นำมาผัดคลุกเคล้าเข้ากับมันเนื้อสูตรเฉพาะของทางร้าน ผสมผสานความอร่อยด้วยเนื้อ Thai-French Picanha หั่นเต๋า ให้รสชาติกลมกล่อมหอมมันลงตัว ต่อด้วย ข้าวหน้าเนื้อย่างน้ำปลา (270 บาท) เนื้อย่างฉ่ำ ๆ เสิร์ฟมาบนข้าวสวยร้อน ๆ พร้อมเนื้อ Thai-French Picanha ที่หมักคลุกเคล้าด้วยน้ำปลาสูตรเฉพาะจากทางร้าน นำมาย่างจนได้ความนุ่มชุ่มฉ่ำที่พอดี
WILD BEEF
ถนนพหลโยธิน ซอย 18/2
เปิด วันทุกวัน เวลา 12.00-13.00 น. และ 16.00-20.00 น.
โทร. 06-5592-9226
www.facebook.com/WILDBEEFth
เตี่ย บุชเชอรี ร้านอาหารในซอยจันทน์ 18/7 โดดเด่นด้วยวัตถุดิบเนื้อไทยวากิวที่ถูกเลี้ยงในสไตล์ญี่ปุ่น โดยให้วิวนั้นกินกากเบียร์และเลี้ยงวัวแบบปล่อยตามธรรมชาติในพื้นที่ของอำเภอปัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำ ทำให้เนื้อวัวมีกลิ่นเอกลักษณ์เฉพาะ เนื้อนุ่มฉ่ำและมีชั้นไขมันกำลังดี เหมาะแก่การนำมาครีเอตป็นเมนู Signature ประจำร้าน
มาเริ่มกันที่เมนูแรก Rib Eye Steak (1,035 บาท) เนื้อวัวส่วน Rib Eye ที่เชฟย่างมาแบบ Medium Rare ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยเล็กน้อยให้เนื้อที่ย่างแล้วมีความนุ่มฉ่ำ และคงรสธรรมชาติ พร้อมเสิร์ฟเคียงมากับเกลือและมะนาวที่มาช่วยเพิ่มรสชาติมากยิ่งขึ้น ถัดไปเป็นเมนูอิ่มท้องอย่าง ข้าวผัดมันเนื้อ (190 บาท) ข้าวผัดที่เชฟใช้มันเนื้อผัดแทนน้ำมันเพื่อให้กลิ่นหอม ๆ ของเนื้อแทรกซึมเข้าไปในข้าวมากที่สุด ก่อนจะคลุกเคล้าเข้ากับเนื้อหั่นชิ้นเล็ก ๆ แล้วท็อปด้วยกระเทียมเจียว ได้รสชาติที่เข้ากันเป็นอย่างดี
เตี่ย บุชเชอรี
ซอยจันทน์ 18/7
เปิด วันพุธ-จันทร์ (ปิดวันอังคาร) เวลา 11.30-14.30 น. และ 16.00-21.00 น.
โทร. 08-0585-6626
www.facebook.com/tiabutchery
สำหรับสายเนื้อ ต้องไม่พลาดหาโอกาสไปลิ้มลองความอร่อยที่ Mahasan Burnt & Bowl ร้านเนื้อขนาดกะทัดรัดที่เปิดบ้านให้บริการในซอยจันทน์ 23/1 ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง และ Private Table ส่วนตัวที่มีเพียง 10 โต๊ะเท่านั้น พร้อมเสิร์ฟเมนู Local Meat ผ่านเทคนิคการย่างที่ไม่เหมือนใคร ให้รสสัมผัสของเนื้อที่แตกต่างจาก Steak House ทั่วไป
FULL REVIEWวัตถุดิบส่วนใหญ่ที่ทางร้านเลือกใช้นั้นจะเน้นไปที่ Local Meat ซึ่งให้รสสัมผัสของเนื้อที่แตกต่างจาก Steak House ทั่ว ๆ ไปที่ใช้เนื้อวัวแค่เพียงบางส่วนเท่านั้น ส่วนของที่มหาสารจะนำเนื้อวัวส่วนอื่น ๆ มาปรุงอาหาร ครีเอทเป็นหลากหลายเมนูให้ได้ทานกัน ทั้งเนื้อส่วนน่องแก้ว หรือเนื้อส่วนที่ติดกับชายโครง เนื้อหางว่าว และเนื้อ Picanha ที่แม้จะเหนียวกว่าส่วนอื่น ๆ อยู่สักหน่อย แต่เรื่องความนุ่มชุ่มฉ่ำไม่เป็นรองใครแน่นอน
จานไฮไลต์สำหรับคนชอบทานเนื้อ ต้องสั่ง สเต๊กทีโบน (580 บาท) เนื้อส่วนทีโบนที่ผ่านการย่างบนเตา ให้กลิ่นสโมคถ่านไม้หอม ๆ ที่แทรกซึมลงไปในตัวเนื้อ เสิร์ฟพร้อมกับสลัดผักเคียงและน้ำจิ้มแจ่ว ส่วนเมนูทานเล่น แนะนำ ลิ้นวัวย่าง (270 บาท) เมนูที่รับรองว่าให้รสสัมผัสไม่เหมือนที่ไหนแน่นอน เพราะผ่านการซูวีนานถึง 24 ชั่วโมง เพื่อรักษารสชาติและความชุ่มฉ่ำของลิ้นวัวเอาไว้ เสิร์ฟมาพร้อมน้ำจิ้มแจ่วและไข่ดองซีอิ๊วที่ทานคู่กันแล้วให้รสชาติสุดประทับใจ
Mahasan Burnt & Bowl
ซอยจันทน์ 23/1
เปิด วันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 15.00-21.00 น.
www.mahasanbkk.com