ลอยกระทงนี้ถ้าใครยังไม่มีไอเดียว่าจะไปไหน ทำอะไรดี เราอยากชวนไปนั่งชิลล์ชมจันทร์บนดาดฟ้า ทานอาหารมื้อพิเศษ พร้อมจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ ท่ามกลางบรรยากาศครึกครื้นของวันลอยกระทง ที่หลากหลายรูฟท็อปบาร์ซึ่งควรค่าแก่การไปนั่งซึมซับโมเมนท์ดี ๆ กับคนพิเศษ
เริ่มต้นที่วิวสวย ๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ณ Above Riva ร้านอาหารบน Rooftop ของโรงแรม Riva Arun ในย่านท่าเตียน ร้านตกแต่งในสไตล์ Chino Colonial ช่วงตะวันใกล้พลบค่ำ สามารถดื่มด่ำอาหารพร้อมกับชมแสงทไวไลท์ที่สาดทั่วท้องฟ้า นอกจากจะมองเห็นวิวของแม่น้ำเจ้าพระยาและวัดอรุณได้อย่างชัดเจนแล้ว ยังจะได้สัมผัสกับความงดงามของวัดโพธิ์ วัดพระแก้ว วัดประยูร โบสถ์ซางตาครูส พระราชวังเดิม และเสน่ห์แห่งพระนครที่ไม่เคยหายไปตามกาลเวลา
สำหรับเครื่องดื่ม ทางร้านได้บาร์เทนเดอร์ที่มีประสบการณ์กว่า 7 ปี มาสร้างสรรค์เมนูค็อกเทลให้ ลองสั่ง Sweet Martini (295 บาท) ค็อกเทลสีสดใส ประกอบไปด้วย Gin, Dry Martini และ Blue Curacao มาพร้อมกับเชอร์รีที่ช่วยให้ดื่มง่ายขึ้น เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ชอบค็อกเทลรสหวานอมเปรี้ยว จิบเรียกน้ำย่อยก่อนทานมื้อหลักได้ดี
ต่อด้วย Calamari Salted Eggs (325 บาท) ปลาหมึกชุบแป้งทอดกรอบ ราดด้วยซอสที่ทำจากไข่กุ้งและไข่เค็มเอโอลี ก่อนจะโรยด้วยไข่ปลาแซลมอน แรดิช ดอกโสนทอด และตกแต่งจานด้วยกลีบดอกไม้ ควรรีบทานตอนร้อน ๆ จะทำให้รสชาติและความกรอบยังคงอยู่
อีกเมนูน่าลองคือของหวานที่ทางร้านแนะนำ Chocolate Souffle (165 บาท) ช็อกโกแลตซูเฟล่อบร้อน ทานคู่กันกับไอศกรีมวานิลลา บลูเบอร์รี และสตรอเบอร์รี เนื้อนุ่ม หนึบ ไม่หวานมาก
ต่อด้วยรูฟท็อปบาร์ในสไตล์คลาสสิก โดยมีโครงสร้างในส่วนของบันไดเวียนกลางอาคารให้เป็นทางขึ้นไปสู่ชั้นดาดฟ้าของ Wallflowers Cafe อันเป็นที่มาของชื่อ Wallflowers Upstairs พร้อมให้ได้ดื่มด่ำบรรยากาศสุดชิลล์ ชมทิวทัศน์ยามเย็นของวงเวียน 22 กรกฎาคม ซึ่งเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของตึกรามบ้านช่อง สถาปัตยกรรมสุดคลาสสิก ตัดกับท้องฟ้าสีละมุน ไปพร้อม ๆ กับทานอาหารและดริงก์เครื่องดื่มเมนูโปรด
ลองชิมเมนูทานเล่นสไตล์ตะวันตกอีกสักจานกับ Prosciutto San Daniele Italy 18 Months (280 บาท) พาร์มาแฮมที่ดรายเอจเป็นเวลา 18 เดือน ได้รสเค็มกำลังดี ตัดรสชาติด้วยผักดองที่เสิร์ฟมาพร้อมกัน
สำหรับเมนูเครื่องดื่ม มีให้เลือกดื่มทั้งแบบผสมแอลกอฮอล์ และไม่ผสมแอลกอฮอล์ ขึ้นชื่อที่สุดคงหนีไม่พ้นเมนูค็อกเทลที่เน้นดื่มง่าย ในแนว Fruity Cocktail ที่มีส่วนผสมของผลไม้กลิ่นหอม รสชาติเปรี้ยวอมหวาน ดื่มแล้วสดชื่น ซิกเนเจอร์เมนูที่แนะนำให้ลองสั่ง ได้แก่ Joseph (280 บาท) แก้วนี้มีส่วนผสมของ Port Wine, Spicy Rum, Cointreau และผลไม้ตระกูลเกรปฟรุ้ต ได้แก่ ส้ม เลมอน ลิ้นจี่ ทับทิม สตรอเบอร์รี ที่ช่วยเสริมรสชาติและกลิ่นหอมสดชื่น
หากใครไม่ถนัดดื่มแอลกอฮอล์อาจสั่งเป็นม็อกเทล Upstairs (160 บาท) ที่เบสรสชาติด้วยน้ำส้มและน้ำเสาวรสคั้นสด ดื่มแล้วช่วยรีเฟรชร่างกายระหว่างทานอาหารมื้อค่ำได้เป็นอย่างดี
Cat on the Roof ร้านแฮงเอาท์บนรูฟท็อปของโฮสเทล Everyday Sunday ติดถนนพหลโยธิน มาพร้อมกับคาแรกเตอร์ของผู้ที่ชอบสังสรรค์ในช่วงกลางคืน ชอบปาร์ตี้ ชอบแสงสี และหลงใหลในเสียงเพลง มีทั้งส่วน Indoor กับ Outdoor ซึ่งให้ความรู้สึกและอารมณ์ที่ต่างกัน ภายในเหมือนนั่งอยู่ในบาร์ต่างประเทศที่ตกแต่งด้วยแสงไฟนีออนสลัว ๆ ส่วนด้านนอกจะให้อารมณ์ของการปาร์ตี้บาร์บีคิวที่บ้านเพื่อนในนิวยอร์ก ชมแสงหลากสีบนท้องฟ้าก่อนพระอาทิตย์ตกดิน และรถไฟฟ้าที่วิ่งผ่านไปผ่านมาได้ไม่รู้เบื่อ
ส่วนอาหารของทางร้านเน้นเป็นเมนูกับแกล้ม และในอนาคตจะเพิ่มไลน์อาหารให้เยอะขึ้น เมนูที่ทางร้านแนะนำก็คือ BBQ Cat’s Grill Stick โดยสเต็ปแรกเลือกเนื้อที่ชอบ ได้แก่ หมู (55 บาท) ไก่ (50 บาท) และไส้กรอก (50 บาท) ต่อมาให้เลือกซอสที่ใช่ ประกอบไปด้วย Cat BBQ Sauce, Mala, Thai Style Marinated Sauce, Korean Spice Saurce และ Spring Onion Oil Japanese Style ส่วนสเต็ปสุดท้ายก็สนุกไปกับการทานได้เลย
ของทานเล่นเพลิน ๆ แนะนำ ของโปรดแมว (140 บาท) เมนูรวมของที่แมวชอบ เช่น กุ้งแห้ง หมึกแห้ง และเม็ดมะม่วง โดยนำไปคั่วและปรุงด้วยเกลือและพริกไทย จะหยิบทานเล่นเพลิน ๆ หรือทานแกล้มคู่กับเบียร์ก็ดีไม่แพ้กัน
อย่าลืมสั่งคราฟท์เบียร์ที่มีให้เลือกหลากหลายแบรนด์ เช่น Sandport, Lamzing, Schneider, Deschutes, Brothers, Happy New Beer, Mahanakhon, Chatri และ Chaingmai เป็นต้น และยังมี Draught Beer ที่สามารถเสิร์ฟได้ทุกวัน
Dumbo Jazz & Vinyl Bar เป็นอีกหนึ่งเเจ๊สบาร์สไตล์อเมริกัน ที่อยากชวนไปแฮงก์เอาท์จิบค็อกเทลท่ามกลางลมเย็น ๆ บนดาดฟ้าชั้น 6 Dumbo ถูกตั้งชื่อตามย่านดังในมหานครนิวยอร์กที่ คุณพลอย - ตวงพรรษ รัตนวาทิน หุ้นส่วนหลักของร้านเติบโตมานั่นเอง จากประสบการณ์ในการทำร้านแผ่นเสียง Trackaddict Records ย่านสุขุมวิท 69 รวมเข้ากับความชอบในดนตรีแจ๊ส และหุ้นส่วนคนอื่น ๆ จึงเกิดเป็น Dumbo Jazz & Vinyl Bar แห่งนี้ขึ้นมา
บริเวณบาร์ค็อกเทลเล็ก ๆ ดูจะคึกคักเป็นพิเศษ เมื่อคุณพลอยเจ้าของร้านยืนประจำตำแหน่งเป็นบาร์เทนเดอร์สาวมาดเท่โชว์ลีลาการชงค็อกเทล ซึ่งค็อกเทลซิกเนเจอร์ทั้ง 8 แก้ว ได้สูตรมาจากบาร์ที่ฝั่งนิวยอร์ก และถูกตั้งชื่อตามเพลงแจ๊สคุ้นหูยอดฮิตรุ่นคุณปู่คุณย่า ไม่ว่าจะเป็น Kind of Blue (240 บาท) ค็อกเทลสีเหลืองสวยที่ตั้งชื่อตามอัลบัมเพลงฮิตของ Miles Davis ผสมผสานความเข้มข้นของวอดก้าสปิริตเบสกลิ่นวานิลลา และน้ำสับปะรด เติมสีฟ้าสดใสเล็กน้อยด้วย Blue Curacao ก่อนตัดเลี่ยนด้วยส้มสดชิ้นเล็กก่อนเสิร์ฟ
ต่อด้วย Mahavisnu (240 บาท) ชื่อคุ้นหูที่ตั้งตามวงแจ๊สรุ่นเก่าสุดเก๋า ที่เลือกใช้เหล้าไทยอย่างรัม Chalong Bay และ Jameson วิสกี้หัวนอก ผสมกัน และแต่งแต้มรสชาติด้วยขิงสับ มะนาว และโค้ก ออกมาเป็นค็อกเทลเข้ม ๆ ที่มีรสเผ็ดร้อนดุดัน
หรือลองชิม Cheese Lava Pork Burger (250 บาท) เบอร์เกอร์หมูบดชิ้นใหญ่ เสิร์ฟพร้อมเชดด้าชีสและมอสซาเรลล่าชีส เบคอน ผักดอง และซอสสไตล์ครีมสลัดรสชาติกำลังดี