สำหรับใครที่หลงใหลในกลิ่นหอมกรุ่นและรสสัมผัสที่นุ่มละมุนของกาแฟแนว Slow Bar BKK. อยากชวนคุณมาใช้ชีวิตช้า ๆ ดื่มด่ำกาแฟ Slow Bar กับหลากหลายร้าน ‘Slow Bar Cafes’ ที่นอกจากจะโดดเด่นด้วยความคราฟต์ของการชงกาแฟด้วยมืออย่างพิถีพิถันแล้ว ยังคัดสรรหลากหลายเมล็ดกาแฟคุณภาพดี พร้อมให้คุณเพลิดเพลินไปกับกรรมวิธีการชงกาแฟและร่วมพูดคุยกับบาริสต้าได้อย่างเป็นกันเอง ระหว่างนี้ใครที่ยังไม่มีแพลนไปไหน ลองเลือกร้าน Slow Bar ที่ใช่ แล้วออกไปฉลองวัน International Coffee Day พร้อม ๆ กัน
จากประกาศกรุงเทพมหานคร ลิสต์ร้านต่าง ๆ เปิดให้บริการตามปกติ โดยสามารถตรวจสอบวันเวลาเปิด-ปิด เพิ่มเติมได้จากทางร้านโดยตรง ผู้ใช้บริการอย่าลืมให้ความสำคัญกับการสวมหน้ากากอนามัยและการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เพื่อลดการแพร่ระบาดของ Covid-19
ชวนมาสัมผัสความนุ่มละมุนและกลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟคุณภาพดีที่บ้านหลังใหม่ของ Mother Roaster ร้านกาแฟเล็ก ๆ ในย่านตลาดน้อย ที่ก่อนหน้านี้เคยเป็น Slow Bar อยู่ริมถนนมหาพฤฒาราม โดยยังคงโดดเด่นด้วยรสชาติ ความหอมอร่อยที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพไว้เช่นเดิม พร้อมเพิ่มเติมด้วยพื้นที่กว้างขวางของโลเคชันใหม่ ให้คุณได้แวะมาดื่มด่ำกาแฟคุณภาพดีจากเครื่อง ROK Presso ที่ดริปและคั่วเองจากฝีมือ Mother บาริสต้าสุดเท่ประจำร้าน
ในส่วนของเมนูเครื่องดื่มของทางร้าน โดดเด่นด้วยหลากหลายเมล็ดกาแฟคุณภาพดีที่มีให้เลือกกว่า 30 แบบ โดย Mother ประจำร้าน เป็นผู้ลงมือคั่วเมล็ดกาแฟด้วยตัวเองทั้งหมด แถมยังการันตีในเรื่องของรสชาติและฝีมือการชงกาแฟ ที่ทำให้ใครหลายคนสมัครเป็นลูกค้าประจำและแวะเวียนมาตลอดวันอย่างไม่ขาดสาย
สำหรับเมนูแนะนำ ต้องลอง Iced Latte on The Rok (80 บาท) กาแฟนมที่ผสมผสานรสชาติกลมกล่อมด้วยเมล็ดกาแฟ Autumm Blend ที่ให้รสชาติคล้ายกับ Nutty และ Dark Chocolate โดยเสิร์ฟมาพร้อมน้ำแข็งก้อนกลม เพื่อคงความเข้มข้นของรสชาติกาแฟ สำหรับแก้วนี้ให้รสสัมผัสที่นุ่มละมุน พร้อมผสมผสานความหอมกรุ่นที่ไม่เหมือนใคร
สามารถเลือกใช้บริการ Take Away ได้ที่หน้าร้าน หรือสั่งเดลิเวอรีผ่านทางแอปพลิเคชัน LINE MAN และ Robinhood
Mother Roaster
ตลาดน้อย ตรอกศาลเจ้าโรงเกือก (MRT สถานีหัวลำโพง)
เปิด วันอังคารและวันพฤหัสบดี เวลา 08.00-18.00 น., วันศุกร์-จันทร์ เเวลา 10.00-18.00 น.
โทร. 06-1216-2277
www.facebook.com/motherroaster
เปลี่ยนบรรยากาศมา Hopping ในย่านลาดพร้าวกันที่ Blackhills BKK คาเฟ่เล็ก ๆ ที่เกิดจากความประทับใจในความเรียบง่ายของคาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่น แล้วนำมาผสมผสานเข้ากับความหลงใหลใน Cabin Style หรือบรรยากาศของกระท่อมไม้ที่ล้อมรอบอยู่ท่ามกลางหุบเขา ผนวกเข้ากับความถนัดด้านงานดีไซน์จากการเป็น Food Stylist ของเจ้าของร้าน สู่การเปิดร้านกาแฟสุดชิคที่ได้รับแรงบันดาลใจชื่อร้านมาจากชื่อของอุทยานแห่งชาติแห่งหนึ่งใน South Dakota ประเทศสหรัฐอเมริกา
สำหรับความพิเศษของทางร้าน ขอยกให้กับคอนเซ็ปต์การทำกาแฟแบบ Back To Basic ที่ทางร้านต้องบดและชงกาแฟด้วยมืออย่างพิถีพิถันด้วยใจรักในทุกขั้นตอน โดยใช้วิธีการแบบ Manual Brewing ที่มีเครื่องชงกาแฟหลายลักษณะ นับตั้งแต่ Drip, Moka Pot, Syphon, Aero Press และ Flair Espresso ทำให้กาแฟของทางร้านนั้นโดดเด่นด้วยความคราฟต์ พร้อมได้รสชาติพิเศษที่ไม่เหมือนใครอีกด้วย
ลองมาสัมผัสกลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟสุดพรีเมียมไปกับเมนู Drip (250 บาท) ที่ทางร้านเลือกใช้เมล็ดกาแฟคั่วกลาง Colombia Supremo Huila Alirio โดยราคาจะขึ้นอยู่กับเมล็ดกาแฟที่เลือกใช้ สำหรับเมนูนี้ให้รสสัมผัสที่เข้มข้น ผสมผสานความกลมกล่อม ที่มาพร้อม Flavor คล้ายกับ Caramel และ Vanilla Walnut ก่อนจะซ่อนความอมเปรี้ยวเล็กน้อยให้ได้ลิ้มรสชาติที่ปลายสัมผัส
สามารถเลือกใช้บริการ Take Away ได้ที่หน้าร้าน หรือสั่งเดลิเวอรีผ่านทางแอปพลิเคชัน LINE MAN และ Robinhood
Blackhills BKK
ลาดพร้าว ซอย 1 แยก 2 (MRT สถานีพหลโยธิน ทางออก 5)
เปิด วันพุธ-จันทร์ (ปิดวันอังคาร) เวลา 08.00-17.00 น.
โทร. 09-3116-6100
www.facebook.com/blackhillsbkk
ถัดมาที่ Slow Bar Coffee ในย่านพระราม 9 ที่จะพาไปดื่มด่ำกับรสชาติกาแฟดริปในแบบที่คุณอยากลอง เพราะหากกาแฟคือการทดลองวิทยาศาสตร์ BREWLAB คือห้องทดลองสำหรับนักชงที่ชวนคุณเข้ามาสัมผัสรสชาติกาแฟในแบบที่คุณอยากชิม ท่ามกลางบรรยากาศสุดอบอุ่นของบ้านไม้หลังงามกลางซอยที่ประกอบด้วยไม้สนสไตล์ญี่ปุ่นทั้งหลัง
หากเข้ามาในร้านจะพบกับถังเมล็ดกาแฟต่าง ๆ ถูกวางโชว์พร้อมกับเครื่องคั่วกาแฟขนาดเล็ก ทำให้เรามั่นใจได้ว่า BREWLAB ใส่ใจในกระบวนการทำกาแฟตั้งแต่เลือกเมล็ด จนกระทั่งคั่วเองก่อนจะชงให้เราชิม โดยเปรียบเสมือนคอมมูนิตี้เล็ก ๆ แสนอบอุ่นในการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการดริป จิบ กาแฟ และศึกษาเรียนรู้วิธีการชงในแบบต่าง ๆ
เมนูหลักของทางร้านคือ กาแฟดริป (Thai Beans 100 บาท / Special 140 บาท) ที่ใช้ประสบการณ์การชงกาแฟ คัดสรรเมล็ดพันธ์ุกาแฟจากทั้งต่างประเทศ และผลผลิตจากเกษตรกรไทยมาให้ชิมกันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Le Tor Go จากจังหวัดตาก, Pai จากแม่ฮ่องสอน, Baan Teen Tok จากเชียงใหม่ และอีกมากมายให้ลองชิม ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีรสชาติและความหอมเฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป หรือใครอยากจะลองดริปเองก็ได้เช่นกัน
สามารถเลือกใช้บริการ Take Away ได้ที่หน้าร้าน
BREWLAB
พระราม 9 ซอย 41
เปิด วันพุธ-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์-อังคาร) เวลา 10.00-18.00 น.
โทร. 08-4107-0710
www.facebook.com/BrewLabCafeBKK
ชวนมาเปิดบ้านหลังใหม่ของ Red Diamond ที่พร้อมส่งต่อความหอมอร่อยด้วยการขยับขยายสาขาใหม่ไปยังถนนโยธินพัฒนา 3 อย่าง Red Diamond Specialty Lab ร้านกาแฟ Specialty Coffee ที่ยังคงโดดเด่นในเรื่องของรสชาติเมล็ดกาแฟอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเช่นเดิม พร้อมเพิ่มเติมด้วยพื้นที่กว้างขวางของโลเคชันใหม่ ที่พร้อมให้คุณได้ดื่มด่ำกาแฟสุดพรีเมียมท่ามกลางความหอมอบอวลในบรรยากาศดิบเท่ของโรงคั่วกาแฟสุดลึกลับ
ทันทีที่มาถึงหน้าร้านจะต้องสะดุดตากับประตูเหล็กสีสนิมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Red Diamond โดยหากเดินเข้ามาจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมกรุ่นของเมล็ดกาแฟที่อบอวลอยู่ทั่วร้าน พร้อมด้วยบรรยากาศที่ถูกแบ่งเป็นมุมที่นั่งและบาร์กาแฟหลากหลายโซน อาทิ Roasting Bar / Espresso Bar และ Slow Bar ที่คัดสรรหลากหลายเมล็ดกาแฟคุณภาพดีจากทั่วโลก มาพิถีพิถันชงกาแฟที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพในทุก ๆ แก้ว
ดื่มด่ำกลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟสุดพรีเมียมไปกับ Hot Drip (500 บาท) กาแฟดริปร้อน ที่ทางร้านเลือกใช้เมล็ดกาแฟ Panama Geisha Baru โดยราคาจะขึ้นอยู่กับเมล็ดกาแฟที่เลือกใช้ สำหรับเมนูนี้ให้รสสัมผัสแบบ White Honey ที่ให้กลิ่นหอมกรุ่นคล้ายกับ Lemon Honey ที่ไม่เหมือนใคร
สามารถเลือกใช้บริการ Take Away ได้ที่หน้าร้าน หรือสั่งเดลิเวอรีผ่านทางแอปพลิเคชัน GrabFood และ LINE MAN
Red Diamond Specialty Lab
ถนนโยธินพัฒนา 3
เปิดทุกวัน เวลา 10.00-18.00 น.
โทร. 06-5893-6287
www.facebook.com/Reddiamondthailand
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในรสชาติอันหลากหลายมิติของเมล็ดกาแฟ แนะนำให้ลองแวะมาที่ YEST WORKS Coffee Shop ร้านกาแฟขนาดกะทัดรัดที่เต็มไปด้วยเมล็ดกาแฟชั้นดีพร้อมให้คุณได้เลือกชิมตามความชอบ ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Find Your Best Coffee’ กับการตามหารสชาติกาแฟที่ดีที่สุดด้วยตัวคุณเอง
ตัวร้านตกแต่งร้านในสไตล์เรียบง่ายและเสริมความเท่ด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้มและโทนสีดำ โดดเด่นด้วยขวดสีชาที่วางเรียงรายอยู่บนชั้น ซึ่งทางร้านเลือกนำมาใช้สำหรับใส่เมล็ดกาแฟหลากหลายชนิด ที่ทางเจ้าของร้านเป็นผู้เสาะหาและเทสต์รสชาติด้วยตัวเอง ก่อนจะนำมาคั่วที่ร้านเพื่อให้ได้ระดับการคั่วที่ตรงตามต้องการ
ในส่วนของเมนูกาแฟ ทางร้านเน้นเสิร์ฟเมนูกาแฟดริป ที่ให้คนดื่มได้เลือกเมล็ดกาแฟได้ถึง 12 ชนิด และระดับการคั่วได้ถึง 8 ระดับ แนะนำ Doi Mork (170 บาท) กาแฟดริปที่เลือกใช้เมล็ดกาแฟจากจังหวัดเชียงใหม่ ที่ทางร้านคั่วเองจนได้ระดับกลางค่อนไปทางอ่อน รสชาติที่ได้จึงเป็นแบบ Nutty ดื่มง่าย ถูกใจคนชอบดื่มกาแฟร้อนแน่นอน
สามารถเลือกใช้บริการ Take Away ได้ที่หน้าร้าน หรือสั่งเดลิเวอรีผ่านทางแอปพลิเคชัน Robinhood
YEST WORKS
ซอยสุขุมวิท 23
เปิด วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 07.30-18.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-18.00 น.
โทร. 09-6706-5904
www.facebook.com/YESTWORKS
Other Cafe คาเฟ่สุดชิคในซอยรางน้ำ ที่โดดเด่นตั้งแต่แรกเห็นด้วยสไตล์การตกแต่งแบบ Minimal Rustic ที่โชว์ความคลีน ความมินิมัล ชวนสะดุดตาตั้งแต่หน้าประตูร้าน เมื่อมองผ่านกระจกใสก็สะท้อนให้เห็นถึงบรรยากาศและมู้ดโทนภายในร้านที่โดดเด่นด้วยโครงสร้างคอนกรีตและบล็อกแก้วใส ซึ่งสามารถรับแสงธรรมชาติที่สาดส่องเข้ามายังพื้นที่ด้านในได้อย่างงดงาม บริเวณกลางร้านเป็นพื้นที่ Slow Bar มาพร้อมการตกแต่งด้านบนเพดานด้วยเส้นไฟส่องสว่างที่ขดไปมาเป็น Installation Art เท่ ๆ ให้ชมความงามระหว่างรอเครื่องดื่มจากบาริสต้า
สำหรับเมนูเครื่องดื่มของทางร้าน เน้นเมล็ดกาแฟเบลนด์ 2 สูตรพิเศษ ที่ให้นิยามทั้งความเปรี้ยว หวานหอม และรสเข้มข้นแบบช็อกโกแลต ซึ่งหากใครชอบดื่มเมนูคลาสสิก แนะนำให้ลองดื่มอเมริกาโนเย็นสูตรเฉพาะของทางร้าน ที่ทำออกมาได้อร่อยถูกใจคอกาแฟแน่นอน นอกจากนี้ ยังมี Specialty Coffee ที่สามารถเลือกวิธีการชงแบบ Slowbar ได้ตามใจชอบ ทั้ง Drip, Syphon, Chemex และ Gina
นอกจากเครื่องดื่มสุดคลาสสิกแล้ว ทางร้านยังตั้งใจครีเอตออกมาเป็น Signature อีกหลากหลายเมนู โดยมีชื่อรุ่นรองเท้าเป็นแรงบันดาลใจและตีความออกมาเป็นเครื่องดื่มสุดแปลกใหม่หลากหลายเมนู แนะนำ Ultra Boost (140 บาท) ที่ได้แรงบันดาลใจจากสนีกเกอร์ค่าย Adidas ซึ่งสามารถ Boost ความสดชื่น เพิ่มพลังระหว่างวันด้วยช็อตกาแฟเข้ม ๆ ที่ราดตามด้วยดาร์กช็อกโกแลตและนมสด ผสมเข้ากันได้รสกลมกล่อม
สามารถเลือกใช้บริการ Take Away ได้ที่หน้าร้าน หรือสั่งเดลิเวอรีผ่านทางแอปพลิเคชัน LINE MAN และ GrabFood
Other Cafe
ซอยรางน้ำ ถนนพญาไท
เปิดทุกวัน เวลา 08.00-19.00 น.
โทร. 08-0949-5326
www.facebook.com/othercafe8
Blend Cafe คาเฟ่ในบรรยากาศเท่ ๆ สำหรับคอ Specialty Coffee ที่แอบซ่อนอยู่ใต้อาคาร 6 ของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ โดยฝีมือของสองพาร์ทเนอร์คนรุ่นใหม่ที่อยากทำคาเฟ่ให้เป็นมากกว่าคาเฟ่ธรรมดา ในคอนเซ็ปต์ที่เฟรนด์ลี่และสามารถทำกิจกรรมร่วมกันกับนักศึกษา มหาวิทยาลัย และคนทั่วไปได้ อีกทั้งยังสามารถเรียนรู้พูดคุยเกี่ยวกับกาแฟและเครื่องดื่มต่าง ๆ ได้อย่างเป็นกันเอง
ทางร้านนั้นเปิดกว้างในการเลือกสรรเมล็ดกาแฟที่ดีที่สุดจากหลากหลายประเทศทั่วโลก รวมไปถึงประเทศไทย และมองหาโรสเตอร์ดี ๆ ในประเทศที่จะสามารถคั่วเมล็ดกาแฟในแบบที่เป็น Blend Cafe ได้ ซึ่งกาแฟของทางร้านค่อนข้างออกไปทางแนวฟรุตตี้เป็นส่วนใหญ่ โดยเน้นนำเสนอรสชาติที่ชัดเจนของกาแฟและดริปออกมาให้เป็นรสชาติต่าง ๆ ที่ทางร้านรับรองว่าคอกาแฟจะต้องสนุกสนานไปกับการดื่มแน่นอน
แนะนำเมนู Signature ของทางร้านอย่าง Magic Blend (120 บาท) กาแฟเอสเพรสโซคั่วอ่อนจากบราซิล ให้รสชาติของพีนัทบัตเตอร์อย่างชัดเจน เสิร์ฟคู่กับ Half an Orange ไซรัปคาราเมลและกลิ่นส้ม ที่เป็นการเบลนด์เครื่องดื่มตามชื่อของร้านให้พิเศษยิ่งขึ้น เมื่อผสมลงไปจะให้รสชาติที่หวานและกลิ่นส้มเล็ก ๆ ดื่มง่ายแม้คนที่ไม่ใช่คอกาแฟ
สามารถเลือกใช้บริการ Take Away ได้ที่หน้าร้าน หรือสั่งเดลิเวอรีผ่านทางแอปพลิเคชัน LINE MAN, Robinhood และ LINE Official @blend.cafe
Blend Cafe
อาคาร 6 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
เปิด วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-17.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-18.00 น.
โทร. 06-1559-9055
www.facebook.com/blendcafebkk
ตามมาด้วย Project Bus Cafe Art คาเฟ่เล็ก ๆ ย่านงามวงศ์วาน ที่มองเผิน ๆ อาจคิดว่าเป็นคาเฟ่ธรรมดาที่มีรถบัสสีขาวเป็นสัญลักษณ์ แต่หากได้ลองไปสัมผัสบรรยากาศและดื่มด่ำกับรสชาติของกาแฟสไตล์ Slow Bar จะพบว่าคาเฟ่แห่งนี้มีเสน่ห์เหลือหลายให้เราอยากย้อนกลับไปลิ้มลองอีกครั้ง
ทันทีที่เปิดประตูรถบัสเข้าไปยังด้านใน จะพบว่าบรรดาเก้าอี้ที่นั่งผู้โดยสารถูกแทนที่ด้วยเคาน์เตอร์บาร์และที่นั่งเล็ก ๆ บริเวณด้านข้าง อีกทั้งยังถูกจับจองพื้นที่ด้วยอุปกรณ์ Slow Bar มากมายที่เจ้าของร้านได้สะสมมาตั้งแต่เมื่อครั้งเริ่มทำความรู้จักกับกาแฟ จนกระทั่งเปิดเป็นคาเฟ่เล็ก ๆ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวต้นน้ำของเมล็ดกาแฟจากไร่ สู่วิธีการชงที่มีเสน่ห์แบบ Slow Bar พร้อมมอบรสชาติอันล้ำลึกของกาแฟให้ทุกคนได้ลิ้มลองผ่านการเดินทางของรถบัสคันนี้
ทางร้านเลือกใช้เมล็ดกาแฟไทย โดยลงพื้นที่ไปศึกษาถึงต้นทางของเมล็ดกาแฟที่ไร่ของเกษตรกรบ้านห้วยห้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน และนำเอกลักษณ์ของเมล็ดกาแฟจากหลากหลายพื้นที่ในไทยและต่างประเทศ หมุนเวียนเข้ามาให้ทุกคนได้ลิ้มลองรสชาติกาแฟในคาแร็กเตอร์ที่ต่างกันออกไป แนะนำ Ethiopia Yirgacheffe (120 บาท) ที่ทางร้านค่อย ๆ ใช้น้ำร้อนอุณหภูมิที่เหมาะสม บรรจงดริปให้น้ำไหลผ่านกระดาษกรองจนได้กลิ่นหอมหวานคล้ายส้ม ก่อนที่น้ำจากเมล็ดกาแฟจะค่อย ๆ หยดลงมาตามจังหวะการดริป ให้รสเปรี้ยวนิด ๆ ดื่มแล้วสดชื่น ถูกใจคอกาแฟแน่นอน
สามารถเลือกใช้บริการ Take Away ได้ที่หน้าร้าน
Project Bus Cafe Art
ซอยงามวงศ์วาน 23 แยก 2
เปิด วันพฤหัสบดี-อังคาร (ปิดวันพุธ) เวลา 10.00-19.00 น.
โทร. 08-1649-8399
www.facebook.com/Project-bus-cafe-art
สัมผัสวิถีชาว Camper Life ที่ Kamaboko Coffee Camp ร้านกาแฟ Slow Bar ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่พร้อมให้คุณได้แวะมาจิบกาแฟคุณภาพดี Specialty Coffee ท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ สไตล์แคมป์ปิ้ง โดดเด่นด้วยการนำเต็นท์รุ่น ‘Kamaboko’ จาก DoD มาเนรมิตพื้นที่ให้กลายเป็น Camping Zone พร้อมต้อนรับให้คุณได้มาซึมซับวิถีชีวิตแบบ Camper Life ได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงต่างจังหวัด
FULL REVIEWทางร้านมีกาแฟให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Espresso, Drip, Syphon หรือ French Press โดยเมล็ดกาแฟของทางร้านก็มีให้เลือกหลากหลายแบบเช่นกัน โดดเด่นด้วยวิธีการทำแบบ Slow Bar เน้นใช้เมล็ดกาแฟแบบคั่วกลาง พร้อมครีเอตความอร่อยหลากหลายเมนูให้เหล่าคอกาแฟได้ลิ้มลอง
สัมผัสความหอมกรุ่นของเมนูกาแฟดริปอย่าง Guatemala (120 บาท) กาแฟดริปร้อนที่ทางร้านเลือกใช้เมล็ดกาแฟกัวเตมาลา ให้รสสัมผัสเข้มข้น กลมกล่อม หอมกรุ่น ผสมผสานความนุ่มนวล แฝงไว้ด้วยกลิ่นหอมคล้ายกับ Almond และ Mocca นอกจากนี้ทางร้านยังมีเมล็ดกาแฟอื่น ๆ อาทิ Mocca Java, Indonesia Sumatra, Ethiopia Mocca Sidamo และ Kenya AA ให้เลือกตามความชอบ
สามารถเลือกใช้บริการ Take Away ได้ที่หน้าร้าน หรือสั่งเดลิเวอรีผ่านทางแอปพลิเคชัน LINE MAN, Robinhood และ GrabFood
Kamaboko Coffee Camp
MF Riverfront Marina Rama 3 ถนนพระราม 3 (BRT สถานีสะพานพระราม 9)
วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00-19.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-20.00 น.
www.facebook.com/kamaboko.coffeecamp