เอาใจคนรักอาหารไทยและออเจ้าทั้งหลายที่กำลังอินกับละคร ‘พรหมลิขิต’ ด้วยสารพัดเมนูอาหารไทยโบราณ ซึ่งไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยอาหารไทยเหล่านี้ก็ยังครองใจเหล่านักชิมอยู่เสมอ BKK. เลยขอสวมวิญญาณแม่พุดตาน รวบรวมลิสต์เมนูอาหารไทยหาทานยากจากหลากหลายร้านที่ล้วนยืนหนึ่งในเรื่องการถ่ายทอดความอร่อยตามสูตรอาหารไทยโบราณมานำเสนอให้ได้ตามไปลิ้มลอง ส่วนจะเป็นเมนูอะไรและพิกัดร้านไหนบ้างนั้น ออเจ้าเกียมสมุดข่อยขึ้นมาจดลิสต์เมนูจานโปรดในดวงใจแล้วตามไปพิสูจน์ความอร่อยกันได้ ณ บัดนาววว
ม้าฮ่อ
ม้าฮ่อ เป็นอาหารว่างไทยโบราณที่ใช้ผลไม้รสเปรี้ยวจัด เช่น สับปะรด ส้มเขียวหวาน ส้มโอ ส้มเช้ง ปอกเปลือกแบ่งเป็นชิ้น แล้วทับด้วยเครื่องคล้ายข้าวเกรียบปากหม้อหรือไส้สาคูไส้หมู เพียงแต่จะไม่ใส่หัวผักกาดแห้งหรือไชโป๊ว แต่งหน้าด้วยพริกชี้ฟ้าซอยหรือผักชี
ตามไปกินได้ที่
ต้นเครื่อง : ม้าฮ่อ (100 บาท) ของร้านต้นเครื่องเสิร์ฟมาเป็นชิ้นพอดีคำ ส่วนเครื่องมีส่วนผสมของถั่วลิสงคั่วบด หอมแดงซอย กระเทียม ซีอิ๊วดำให้รสหวานนำ แต่งด้วยผักชีได้อย่างสวยงามน่าทาน
แสร้งว่า
แสร้งว่า จัดเป็นหนึ่งในอาหารชาววังในประเภทยำหรือเครื่องจิ้ม โดยมีหน้าตาคล้ายกับพล่ากุ้ง แต่มักใช้กุ้งที่ย่างหรือลวกจนสุก ส่วนน้ำยำควรมีกลิ่นหอมของมะกรูดและตะไคร้นำ บางสูตรสามารถใส่น้ำเคยกุ้งหรือกะปิเพิ่มความหอมได้ จานนี้มักเสิร์ฟคู่กับเครื่องเคียงอย่างปลาดุกฟู
ตามไปกินได้ที่
Paste : แสร้งว่ากุ้งเผา (550 บาท) ของร้าน Paste ใช้กุ้งแม่น้ำเผาและน้ำยำที่ใส่สมุนไพรหลากชนิด แต่ที่แตกต่างคือใช้น้ำมะกรูดและน้ำส้มจี๊ด แทนน้ำมะนาวจึงให้รสเปรี้ยวที่ละมุนละไมกว่า
ทับขวัญ : แสร้งว่ากลับบัว (250 บาท) ทางร้านเลือกใช้กุ้งแม่น้ำย่างจนสุกทั้งเปลือกด้วยเตาถ่าน หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ พอดีคำ ก่อนจะนำมาคลุกเคล้าเข้ากับเครื่องยำรสชาติกลมกล่อม เสิร์ฟพร้อมกลีบบัวหลวงสดและทานคู่กันกับผักสด
Patara : แสร้งว่าหอยเชลล์ (230 บาท) หรือ แสร้งว่ากุ้งใหญ่ (390 บาท) ที่ทางร้านใช้กุ้งแม่น้ำย่างหนึ่งตัวหั่นครึ่ง และเนื้อกุ้งลายเสือหั่นเป็นชิ้นเล็กคลุกกับน้ำยำที่เพิ่มส่วนผสมอย่าง กะปิ ที่ผ่านการย่างบนใบตองลงไปด้วยเพื่อกลิ่นหอมและรสกลมกล่อมยิ่งขึ้น
ต้นเครื่อง : แสร้งว่าผักรวม (140 บาท) ทางร้านเลือกใช้เฉพาะกุ้งทะเลสดยำมาในรสจัดจ้านครบเครื่องตามสูตรต้นตำรับ เสิร์ฟมาพร้อมกับปลาดุกฟูและชุดผักสดเป็นเครื่องเคียง
หมี่กรอบส้มซ่า
หมี่กรอบส้มซ่า อาหารโบราณที่มีมานานกว่าร้อยปี เป็นการผสมผสานอาหารสองสัญชาติระหว่างไทยกับจีน ผ่านวัตถุดิบปรุงรสที่มีมาแต่อดีต อาทิ น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก น้ำมะนาว และส้มซ่า ที่นำมาใช้ทั้งน้ำปรุงและเปลือกที่นำมาหั่นฝอยแล้วโรยหน้าหมี่กรอบ เพื่อให้ได้กลิ่นหอมสดชื่นยามที่ทานเข้าไป
ตามไปกินได้ที่
ทับขวัญ : หมี่กรอบส้มซ่า (140 บาท) ทางร้านเลือกใช้เส้นหมี่และเทคนิคการทอดแบบจีน แต่ปรุงรสชาติให้ได้รสเปรี้ยวอมหวานแบบไทย ๆ พร้อมชูรสด้วยวัตถุดิบหลักอย่างส้มซ่า ที่นำมาใช้ในการปรุงรสและหั่นฝอยเพื่อ โรยหน้าหมี่กรอบ
บ้านสุริยาศัย : หมี่กรอบชาววัง (390 บาท) หมี่กรอบตำรับการทอดของหม่อมหลวงเนื่อง ให้รสเปรี้ยวโด่ง หวานนำ ต่างจากหมี่กรอบทั่วไปเพราะไม่อมน้ำมัน มีวัตถุดิบที่สำคัญคือ มะขามเปียก น้ำมะนาว น้ำตาลปีบ และโดดเด่นด้วยกลิ่นหอมสดชื่นของส้มซ่าเป็นหลัก ใช้เครื่องสดแบบจานต่อจาน ให้รสชาติเปรี้ยวอมหวานอย่างลงตัว
หมูสร่ง
หมูสร่ง เป็นจานที่ต้องใช้ความใจเย็นและพิถีพิถันค่อนข้างมาก เพราะใช้เนื้อหมูสับบดละเอียด ปรุงรสด้วยเครื่องเทศเพิ่มความหอมได้ตามใจชอบ นำมาปั้นเป็นก้อนกลมขนาดประมาณหัวนิ้วโป้ง พันด้วยเส้นหมี่ซั่วแล้วจึงทอดจนเส้นกรอบน่ารับประทาน
ตามไปกินได้ที่
ต้นเครื่อง : หมูสร่ง (120 บาท) ทางร้านใช้เนื้อหมูสับยัดไส้ไข่เค็มเล็กน้อยเพิ่มรสชาติเค็ม ๆ มัน ๆ ก่อนห่อด้วยเส้นหมี่ซั่วแล้วทอดจนกรอบ เสิร์ฟมาพร้อมกับอาจาดและน้ำจิ้มรสหวานคล้ายน้ำจิ้มไก่
แกงรัญจวน
แกงรัญจวน เป็นแกงโบราณที่มีชื่อมาจากกลิ่นหอมรัญจวนของน้ำซุปที่ใส่น้ำพริกกะปิลงไปด้วยเพื่อเพิ่มความหอม และรสจัดจ้านทั้งเปรี้ยว เผ็ดและเค็มนิด ๆ สามารถใส่เนื้อวัวหรือเนื้อหมูต้มจนเนื้อเปื่อยนุ่ม ก่อนตักเสิร์ฟและแต่งด้วยใบโหระพาหรือพริกชี้ฟ้าแดง
ตามไปกินได้ที่
Praya Dining : แกงรัญจวน (350 บาท) สูตรเฉพาะของทางห้องอาหารได้มีการนำเนื้อหมูมาผัดกับพริกอ่อน แล้วนำไปต้มในน้ำซุปที่ผสมกับน้ำพริกกะปิ เกิดเป็นกลิ่นหอมรัญจวนใจ ชวนให้มาลิ้มลอง ซึ่งความหอมและรสชาติที่ลงตัวของส่วนผสมทั้งหมดนี้ เป็นที่มาของความ 'รัญจวน' นั่นเอง
Simmer by Praha : แกงกะทิรัญจวน (135 บาท) เป็นสูตรที่คุณทอรุ้งเจ้าของร้านเลือกใช้ส่วนผสมของแกงหลายชนิดมาปรุงจนได้รสชาติคล้ายแกงรัญจวนให้รสเปรี้ยวนำ แล้วเติมกะทิเพิ่มความเข้มข้นหอมมัน ถูกปากใครหลายคน
ทับขวัญ : แกงรัญจวน (250 บาท) ความโดดเด่นของเมนูนี้ อยู่ที่การนำน้ำพริกกะปิก้นถ้วยมาเสริมความหอมหวนรัญจวนใจด้วยเนื้อหมูเคี่ยวไฟอ่อน ๆ ปรุงรสให้ได้ความเปรี้ยว เค็ม หวาน แล้วโรยด้วยใบโหระพา เสิร์ฟพร้อมข้าวสวย ร้อน ๆ ได้กลิ่นหอมรัญจวนใจ
แกงเหลืองต้นคูน
ต้นคูนหรืออ้อดิบ มักนำมาทำแกงเหลืองหรือแกงส้มใต้ โดยมีชื่อเรียกหลากหลาย อาทิ แกงเหลืองฝักคูน แกงก้านคูน หรือ แกงส้มอ้อดิบ เป็นแกงที่ใช้เครื่องแกงเหลือง ใส่เนื้อปลาทูหรือปลากะพง แกงกับก้านของต้นคูน เป็นแกงรสจัดตามแบบฉบับอาหารใต้ สามารถใส่หน่อไม้ดอง หรือยอดมะพร้าว เติมกะปิหรือน้ำเคยกุ้งเพิ่มความกลมกล่อมตามเคล็ดลับและความชอบของแต่ละคนได้
ตามไปกินได้ที่
ปรุง : แกงเหลืองต้นคูน (150 บาท) เป็นแกงเหลืองที่ใส่เนื้อปลากระพงและต้นคูนซึ่งช่วยลดความเผ็ดได้ดี จานนี้ทางร้านมีเสิร์ฟตลอดทั้งปี สามารถเปลี่ยนจากเนื้อปลาเป็นเนื้อกุ้งได้ ส่วนใครที่ชอบจานรสจัดทั้งเปรี้ยวและเค็ม สามารถสั่งเป็นแกงเหลืองหน่อไม้ดอง หรือแกงเหลืองผักรวมและมะลอกอได้
เนื้อเค็มต้มกะทิ
เป็นอาหารพื้นบ้านไทย ๆ ที่หาทานยาก มักใช้เนื้อแดดเดียวหรือเนื้อเค็มมาต้มกับน้ำกะทิจนเข้าเนื้อและเปื่อยนุ่ม ปรุงให้มีรสออกเปรี้ยว เค็มและหวาน ใส่ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแดงซอยหรือพริกขี้หนูเพิ่มความจัดจ้าน
ตามไปกินได้ที่
Patara : เนื้อต้มกะทิทรงเครื่อง (350 บาท) ทางร้านใช้เนื้อน่องลายหมักสมุนไพรก่อนเคี่ยวกับกะทิจนเข้าเนื้อ ใส่ตะไคร้ น้ำมะนาว พริกขี้หนูซอยลงไปจนได้รสจัดจ้าน
ยำทวาย
อาจจะหาทานกันได้ไม่ยากนักแต่เป็นยำไทยแบบโบราณที่คนรุ่นใหม่มักไม่ค่อยรู้จักกัน ยำทวาย เป็นยำออกรสเปรี้ยวหวานรสไม่จัด ราดน้ำยำคล้ายน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะหรือน้ำราดข้าวพระรามลงสรงโดยมีรสชาติออกเปรี้ยวและหวานนำ มีส่วนผสมหลายอย่าง อาทิ ต้นผักบุ้งซอย ถั่วงอก ถั่วฝักยาว นำมาลวกในน้ำร้อนหรือหางกะทิ ผสมกับเนื้อไก่ฉีก ราดด้วยน้ำยำที่มีส่วนผสมของเนื้อปลาช่อนบดละเอียด และเครื่องเทศหลายชนิด อาทิ พริกไทยเม็ด กระเทียม ข่าและราดผักชี แล้วจึงโรยด้วยหอมเจียวปิดท้าย
ตามไปกินได้ที่
ต้นเครื่อง : ยำทวาย (120 บาท) ของที่นี่เป็นสูตรดั้งเดิมที่มีส่วนผสมครบถ้วน และยังมีส่วนผสมของหัวปลีที่ร้านอาหารไทยหลายร้านไม่ค่อยได้นำมาใช้กันแล้ว โดยยำทวายของร้านต้นเครื่องมีรสชาติไม่จัดนัก แถมยังโรยงาขาวคั่วเพิ่มความหอมของน้ำยำได้อย่างลงตัว
ข้าวกระยาคู
ข้าวกระยาคู ถือได้ว่าเป็นขนมไทยโบราณที่ใช้ข้าวอ่อนที่ยังเป็นระยะน้ำนมและเปลือกมีสีเขียวอ่อน คั้นออกมาเป็นน้ำ หรือใช้แป้งข้าวเจ้าเคี่ยวกับน้ำใบเตยคั้นสดจนเนื้อเหนียวข้นสีเขียวอ่อน ราดด้วยหัวกะทิรสเค็มเล็กน้อย และใส่เครื่องธัญพืชหรือมะพร้าวอ่อนเพิ่มได้
ตามไปกินได้ที่
Metro on Wireless : เมนูของที่นี่โฟกัสที่อาหารไทยที่สามารถหาทานได้ริมทางในแต่ละภาค แต่นำมาจัดให้เก๋ไก๋ขึ้น ที่นี่ยังจริงจังกับ Dessert Bar ที่เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 14.00 - 23.00 น. สำหรับ ข้าวกระยาคู (190 บาท) จัดเสิร์ฟมาอย่างสวยงาม ราดด้วยน้ำกะทิข้นและท็อปด้วยแปะก๊วย ลูกเดือย และมะพร้าวอ่อน
ขนมพระพาย
ขนมพระพาย ขนมไทยดั้งเดิมที่ปัจจุบันหาทานได้ยาก นิยมใช้สำหรับงานแต่งงานมานับตั้งแต่สมัยโบราณ เพื่อสื่อถึงความรักอันเหนียวแน่นของคู่บ่าวสาวที่มีให้แก่กันดังเช่นเนื้อขนม โดยตัวขนมนั้นจะทำมาจากแป้งข้าวเหนียว ห่อด้วยไส้ถั่วทองกวน แล้วราดด้วยน้ำกะทิ ได้รสชาติหวานมันเค็มอย่างลงตัว
ตามไปกินได้ที่
Baannai : ขนมพระพาย (120 บาท) ขนมหวานที่นิยมทานกันในงานมงคลสมัยโบราณ โดยสูตรของทางร้านนั้นจะเป็นการใช้แป้งข้าวเหนียวสอดไส้ถั่วแล้วราดด้วยน้ำกะทิสดรสมันเค็ม
ค้างคาวเผือก
ตามไปกินได้ที่
Marie Guimar : ค้างคาวเผือก (180 บาท) ของว่างไทยตำรับชาววังที่มีมาตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ โดยนำเผือกนึ่งมานวดให้เข้ากับแป้งขนมจีบญวน สอดไส้ด้วยกุ้งสับผัดกับมันกุ้ง เสริมความหอมกรุ่นด้วยใบมะกรูดซอยละเอียด แล้วนำมาทอดจนได้ความกรอบที่พอดี ทานคู่กับน้ำจิ้มอาจาด ให้รสชาติกลมกล่อม เข้ากันเป็นอย่างดี
ยำขมิ้นขาว
ยำขมิ้นขาว เป็นอาหารโบราณที่ใช้ขมิ้นขาวเป็นส่วนประกอบหลัก นำไปยำกับเนื้อสัตว์ เช่น กุ้ง หมูสับ มีประโยชน์ในเรื่องช่วยเจริญอาหาร ขับเสมหะ รักษาโรคผิวหนัง เป็นยาบำรุงธาตุ ขับปัสสาวะ บรรเทาอาการท้องขึ้นอืด ท้องเฟ้อ
ตามไปกินได้ที่
Khao : ยำขมิ้นขาว (320 บาท) เมนูจานยำที่หาทานไม่ได้ง่ายนักในกรุงเทพฯ ทางเชฟนำขมิ้นขาวสด ๆ มาซอยและนำไปยำกับกุ้งตัวโตจนได้รสแซ่บแบบไทย ๆ
ผัดสามฉุน
ผัดสามฉุนหรือผัดสามเหม็น คือการที่นำผักสามชนิดที่มีกลิ่นฉุนมาผัดรวมกัน ได้แก่ กระเทียมโทนดอง สะตอ และชะอม
ตามไปกินได้ที่
Bo.lan : ผัดสามฉุน หนึ่งในเมนูแนะนำจากคอร์ส Bo.Lan Feast (3,280 บาท / ท่าน) กลิ่นของสะตอ ชะอม และกระเทียมโทนผัดคลุกเคล้ากับกุ้งเนื้อแน่นจากอ่าวพังงา
ปลาแห้งแตงโม
ปลาแห้งแตงโม เมนูของว่างที่คนโบราณนิยมทานในฤดูร้อน ช่วยดับร้อน ทำให้สดชื่น ด้วยน้ำอันชุ่มฉ่ำจากแตงโม เข้ากันกับรสชาติเค็มนิด ๆ ของปลาแห้ง เป็นของว่างที่หาทานยากในยุคสมัยนี้
ตามไปกินได้ที่
เขียวไข่กา : ปลาแห้งแตงโม (95 บาท) เนื้อแตงโมหั่นเต๋า โรยปลาแห้งเนื้ออ่อนกับหอมเจียวที่โขลกเป็นเนื้อเดียวกัน ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายเล็กน้อย
Baannai : ปลาแห้งแตงโม (150 บาท) แตงโมฉ่ำ ๆ ทานกับปลาแห้งและหอมเจียว ทางร้านนิยมเสิร์ฟเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยและเพิ่มความสดชื่น
ขนมจีนน้ำพริกชาววัง
ขนมจีนน้ำพริกชาววัง หนึ่งในอาหารไทยโบราณภาคกลาง ที่มีมานับตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาค่ะ ตามหลักฐานมีการบันทึกไว้ช่วงสมัยรัชกาลที่ 4 ต่อมาขนมจีนน้ำพริกได้เป็นอาหารทรงโปรดของรัชกาลที่ 5 จึงทำให้มีการถ่ายตำรับอาหารชาววังมายังประชาชนทั่วไป ซึ่งในตอนหลังขนมจีนน้ำพริกได้ถูกนำมาเป็นอาหารหลักในการจัดเลี้ยงงานมงคลตามประเพณีไทย (โดยพระยาอนุมานราชธน) อีกด้วย
ตามไปกินได้ที่
Waan Thai : ขนมจีนน้ำพริกชาววัง (320 บาท) เมนูอาหารไทยหาทานยากที่ได้สูตรชาววังสืบต่อกันมากว่า 60 ปี โดยเป็นเมนูที่นิยมเสิร์ฟในงานจัดเลี้ยงสมัยก่อน รับประกันได้ถึงความอร่อยแกงขาหมูใบชะมวง
แกงขาหมูใบชะมวง อีกหนึ่งเมนูอาหารไทยโบราณที่นำเนื้อขาหมู นำมาเคี่ยวกับเครื่องแกงที่ตำจากหอมแดง กระเทียม และพริกแห้งที่ไปคั่วหรือเผา ตำเข้ากับกะปิเเละเกลือ รสแกงขาหมูชะมวงจะไม่เผ็ดร้อน แต่ออกเปรี้ยวอมหวาน ได้รสชาติออกหวานนิด ๆ เหมาะทานกับข้าวสวยร้อน ๆ
ตามไปกินได้ที่
ข้าวจานโปรด : แกงขาหมูใบชะมวง (280 บาท) เมนูอาหารไทยโบราณที่ทางร้านยังคงสืบต่อเอาไว้ ผ่านการนำเนื้อหมูส่วนขามาต้มกับเครื่องแกงและใบชะมวง ได้รสเข้มข้นกลมกล่อม
ข้าวเม่าบดและขนมกง
ข้าวเม่าบด ขนมไทยโบราณ ที่คนไทยในอดีตนำเอาข้าวเหนียวนำมาแปรรูป ทำเป็นขนมสำหรับทานเล่นหลากหลายรูปแบบ ซึ่งส่วนใหญ่มักนำเมล็ดข้าวเหนียวมาผสมกับมะพร้าวแก่ขูดเส้น แล้วกวนกับน้ำเชื่อม ให้มีความเหนียว ทานคู่กับมะพร้าวทึนทึก ให้รสชาติหวานอร่อย
ขนมกง ขนมโบราณในงานมงคล มีลักษณะเป็นวงกลมและมีเส้นไขว้พาดกันคล้ายรูปล้อเกวียน นำไปชุบลงในน้ำแป้งข้าวเหนียวหรือแป้งสาลี และนำไปทอดในน้ำมันพืช โดยถือเป็นหนึ่งในขนมที่มีความสำคัญในการประกอบพิธีกรรมในประเพณีสารทเดือนสิบทางภาคใต้ เพื่อใช้เป็นเครื่องหมายประดับของบรรพบุรุษ ในส่วนของภาคกลางจะใช้ในพิธีมงคล เช่น ไหว้เจ้า หรือพิธีแต่งงานให้คู่บ่าวสาวครองคู่ด้วยกันตลอดไป โดยมีความหมายสื่อถึงการหมุนไปข้างหน้า หรือก้าวไปข้างหน้า เช่นเดียวกับพระธรรมจักร (เพราะมีรูปร่างขนมคล้ายวงจักร) จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า 'ขนมกงเกวียน'
ตามไปกินได้ที่
Aksorn : ข้าวเม่าบด ขนมหาทานยาก ทำจากข้าวเม่าและนำมาบด คลุกเคล้ากับมะพร้าว และ ขนมกง ขนมโบราณที่ใช้ในงานมงคล ทำจากแป้งถั่วเขียว โรยด้วยผงอบเชย เหมาะทานคู่กับชาร้อน ๆ