ดื่มด่ำบรรยากาศสุดหรู พร้อมทานอาหารอร่อย ๆ กับ 7 ร้านอาหาร Fine Dining ที่ครีเอทเมนูสุดพิเศษมาเพื่อนักชิมที่ต้องการพาคนพิเศษไปสัมผัสประสบการณ์การทานอาหารระดับมิชลินสตาร์ พร้อมมอบสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกบัตรเครดิตซิตี้ให้ได้เลือกทานอาหารกันอย่างอิ่มคุ้ม ส่วนจะเป็นร้านไหน มีความพิเศษอย่างไรบ้างนั้น ตามไปเช็คลิสต์พร้อม ๆ กันเลย
โบ.ลาน ร้านอาหารไทยระดับพรีเมี่ยมที่เปิดมานานกว่า 7 ปี รวบรวมเมนูอาหารไทยตำรับชาววังที่เน้นปรุงด้วยวัตถุดิบจากเกษตรกรไทยเท่านั้นก่อตั้งโดยสองสามีภรรยาผู้มีใจรักในการทำอาหารอย่างเชฟโบ ดวงพร ทรงวิศวะ และเชฟดีแลน โจนส์ ตัวร้านตั้งอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 51 ตกแต่งแบบบ้านไทย ๆ เน้นใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ สำหรับเมนูอาหารจะเปลี่ยนไปตามวัตถุดิบที่ได้มาในแต่ละครั้ง การันตีความอร่อยด้วยรางวัลมากมายอาทิเช่น รางวัล 1 ใน 50 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในเอเชีย รางวัลเชฟหญิงที่ดีที่สุดในเอเชียประจำปี 2012 และล่าสุดกับรางวัลห้องอาหารมิชลินสตาร์ 1 ดาวปี 2561
โดยเมนูอาหารที่นี่จะเน้นเสิร์ฟเป็นคอร์สขอแนะนำ Lunch Set (1200 บาท++) เมนูเซ็ตพิเศษสำหรับเสาร์อาทิตย์เท่านั้นที่รวมจานอร่อยของแต่ละคอร์สมาไว้ในเซ็ตนี้เริ่มกันที่เมนูแรก ต้มยำผักกาดดองซี่โครงหมู น้ำซุปต้มยำรสจัดจ้านกับผัดผ่านกรรมวิธีการดองของทางร้านและซี่โครงหมูเนื้อนุ่ม ต่อกันที่ยำปลาหมึก เครื่องยำแบบไทย ๆ คลุกเคล้ากับปลาหมึกเนื้อกรอบที่หั่นเป็นชิ้นอย่างปราณีต จานถัดมาเป็นเมนูที่ทำให้คิดถึงบ้านอย่าง ผัดกระหล่ำปลีน้ำปลาใส่ปลาหมึก หรือจะลองชิมแกงแดงคอหมูย่างกับมันพื้นบ้าน เครื่องแกงแบบไทย ๆ ใส่คอหมูย่างเนื้อนุ่มและมันฝรั่งพื้นบ้าน
ตบท้ายด้วยเมนูม็อกเทลแนะนำเป็น Passion Fruit (240 บาท) รสชาติหวานอมเปรี้ยวของเสาวรสช่วยให้สดชื่นยิ้งขึ้น
และ Watermelon Mijito (240 บาท) น้ำแตงโมผสมมะนาวหอมใบสะหระแหน่
Bo.Lan
เปิดทุกวัน (ปิดวันจันทร์) เวลา 18.30 - 01.00 น. (เสาร์-อาทิตย์ 12.00 - 14.00 , 18.30 - 01.00 น.)
โทร. 02-260-2962
www.facebook.com/BolanBangkok
บ้านเรือนไทยอายุกว่า 50 ปีในซอยสุขุมวิท 31 ถูกปรับปรุงให้เป็นร้านอาหารไทยสุดเนี๊ยบตั้งแต่การบริการ Welcome Drink ที่โซนใต้ถุนบาร์ ก่อนจะขึ้นไปด้านบนที่แบ่งออกเป็นห้องต่าง ๆ ได้แก่เรือนเอก เรือนโท เรือนตรีและเรือนแก้ว ปัจจุบันนำทีมโดยเชฟหนุ่ม ธนินธร จันทรวรรณ เชฟกะทะเหล็กประเทศไทยผู้หลงใหลในความเป็นมาและเรื่องราวต่าง ๆ ของเมนูอาหารไทย จึงอยากนำเสนอความเป็นไทยโดยเพิ่มเติมความสนุกให้แต่ละเมนู โดยไม่เปลี่ยนแปลงเอกลักษณ์ของจานนั้นๆ โดยเลือกใช้วัตถุดิบชั้นดีในบ้านเรา นอกจากดีกรีของเชฟแล้วยังการันตีความอร่อยอีกระดับด้วยร้านอาหารรางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาวปี 2561
ซึ่งที่นี่เน้นเสิร์ฟอาหารเป็นคอร์สโดยวันนี้ขอยกของดีประจำคอร์สอาหารไทยโบราณ (2,150 บาท++/ท่าน) นำเสนอ แกงสิงหลแก้มวัว แกงที่ได้รับอิทธิพลมาจากศรีลังกานำมาทำในแบบไทยประยุกต์โดยลดรสชาติของเครื่องเทศลงเพิ่มเติมกลิ่นหอมของผักชีลาวและใบเตย
หรือจะลองทาน กุ้งโสร่ง เมนูอาหารว่างไทยโบราณตำรับชาววัง ที่สมัยก่อนใช้เส้นบะหมี่พันรอบตัวกุ้งอย่างปราะณีตแต่เชฟหนุ่มเลือกใช้เส้น ฟิลโล เพรสตรี้ เพราะกรอบได้นานและไม่อมน้ำมัน
และสำหรับใครอยากจะทานแบบอะลาคาร์ทก็มีให้เลือก แนะนำเป็น เมนูยำกุ้งสะเออะ (520 บาท) ที่ดัดแปลงมาจากเมนูกุ้งซ่อนกลิ่นที่ได้รับอิทธิพลมาจากละตินโดยการนำกุ้งไปหมักในน้ำปลาดี ส่วนน้ำที่เหลือจากการหมักเรียกว่า น้ำสะเออะ นำน้ำที่เหลือนั้นมาปรุงกับกุ้งและกุ้งฝอย ใส่ส้มซ่า ถั่ว มะพร้าวคั่วและเครื่องยำคลุกเคล้าให้เข้ากัน
Chim by Siam Wisdom
เปิดทุกวัน เวลา 17.00 - 23.00 น.
โทร. 02-260-7811
www.siamwisdomcuisine.com
สัมผัสรสชาติอันลงตัวระหว่างตะวันตกกับตะวันออกที่ Elements ห้องอาหารไฟน์ไดน์นิ่งฝรั่งเศสที่มีกลิ่นอายญี่ปุ่น ได้รับการการันตีระดับ 1 ดาวมิชลิน ห้องอาหารแห่งนี้ตั้งอยู่บนชั้น 25 ของโรงแรม The Okura Prestige Bangkok โดยได้เชฟ Antony Scholtmeyer เอ็กเซ็คคิวทีฟเชฟประจำโรงแรมและเชฟใหญ่ของห้องอาหาร Elements เป็นผู้ดูแลทุกอย่างรวมถึงครีเอทเมนูสุดพิเศษที่ได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศสและญี่ปุ่น บรรยากาศของห้องอาหารเน้นโทนสีน้ำตาลและดำ เรียบง่ายแต่ยังคงความหรูหรา และเพิ่มลูกเล่นการตกแต่งด้วยไม้ถ่านรอบร้าน ด้านในมีจุดเด่นคือครัวเปิดและโซน Chef's Table หรือจะเปลี่ยนบรรยากาศนั่งรับประทานอาหารด้านนอกในสไตล์เทอเรสและเป็นส่วนที่ยื่นออกไปนอกตัวอาคาร ได้ชมวิวสวย ๆ และมีความเป็นส่วนตัว ความโดดเด่นของห้องอาหาร Elements คือ การนำเสนออาหารที่ยังคงคอนเซ็ปต์ฝรั่งเศสแต่กลับมีกลิ่นอายญี่ปุ่น ด้วยการใช้วัตถุดิบและวิธีการปรุงอาหารที่ผสมผสานระหว่างสองชาติเข้าด้วยกันโดยเฉพาะการนำแป้งโซบะมาทำเป็นขนมปังหรือเป็นส่วนประกอบมาเปลี่ยนรูปแบบเป็นขนมปังหรือส่วนประกอบต่าง ๆ บนจานอาหาร ซึ่งครีเอทเมนูและควบคุมคุณภาพโดยเชฟ Antony Scholtmeyer
สำหรับเมนูสุดพิเศษที่เชฟได้เตรียมไว้ต้อนรับตลอดเดือนกุมภาพันธ์นี้ มีชื่อคอร์สว่า Elements Prestige (2,800 บาท) ประกอบด้วยเมนูต่าง ๆ ดังนี้ เริ่มต้นด้วยเมนูทานเล่นอย่าง Tuna Tataki ปลาทูน่าดิบที่นำมาเบิร์นผิวให้สุกนิดหน่อย แล้วราดด้วย Ponzu Jelly สูตรเฉพาะของทางร้าน แล้วท็อปบนด้วยครีมอะโวคาโด ขิงสไลด์ ใบชิโสะ และพืชสมุนไพรออร์แกนิกนานาชนิดที่นำมาตกแต่งจาน ก่อนจะเพิ่มความอิ่มท้องขึ้นอีกนิดกับ Foie Gras and Cocoa Terrine ฟัวกราส์ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับ ยุสุเจล และเห็ดชิตาเกะซึ่งผ่านกระบวนการ Caramelized ผัดซอสจนมีสีน้ำตาลเข้ม ได้รสเข้มข้น
ใครที่ชอบทานซุปต้องลอง Watercress Soup ซุปวอเตอร์เครสข้น ๆ ผสมเห็ดที่ท็อปบนด้วยไข่แดงสุก ให้รสสัมผัสครีมมี่นิด ๆ ตามมาด้วยจานหลักอย่าง Tasmanian Salmon Poached in Olive Oil ปลาแซลมอนจากทัสมาเนีย ตุ๋นในน้ำมันมะกอกที่ใช้ไฟอ่อน ๆ หุ้มด้วยใบซอเรลรสเปรี้ยว รองด้านล่างด้วยฟองเต้าหู้ ได้รสสัมผัสความนุ่มละมุนของเนื้อปลาแบบเน้น ๆ
หรือจะเป็น Crispy Skin Duck Breast and Leg Croquette เป็ดที่คัดเฉพาะส่วนเนื้อและขานำไปกงฟีต์โดยเลาะเนื้อจากกระดูกแล้วนำไปฉีก ก่อนจะปั้นเป็นก้อนและชุบแป้งทำคร็อกเก้ ส่วนเนื้ออกเป็ดก็นำไปต้มในซอสถั่วเหลืองที่ผสมกับมิรินและโชยุ เสิร์ฟพร้อมพูเรฟักทอง พูเรมะเขือม่วง ขิง และซอสส้มยูซุปิดท้ายด้วยเมนู Valrhona Dulcey 32% Chocolate แป้งชูผ่ากลางสอดไส้ครีมช็อกโกแลต ราสป์เบอร์รี่ ท็อปบนด้วยช็อกโกแลตรูปใบแปะก๊วย ซอสเบอร์รี่ และเบอร์รี่สด เสิร์ฟพร้อมซอสส้มยูสุ วุ้น และไวท์ช็อกโกแลตครัมเบิล รสเปรี้ยวอมหวาน ทานตัดรสชาติกันได้เป็นอย่างดี
Elements
เปิด วันอังคาร - วันเสาร์ เวลา 18.00 - 22.30 น.
โทร. 02-687-9000
www.okurabangkok.com
รับส่วนลด 50%
อภิสิทธิ์เฉพาะสมาชิกบัตรเครดิตซิตี้ รับส่วนลด 50% สำหรับค่าอาหาร เมื่อสั่งเมนู Taste of Elements และ Elements Prestige เป็นเซ็ตที่ 2 สูงสุดไม่เกิน 8 คน
- สิทธิพิเศษนี้ไม่สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นหรือส่วนลดอื่นๆได้
- สิทธิพิเศษนี้ไม่สามารถใช้กับงานประชุม สัมมนาหรือจัดเลี้ยงตั้งแต่วันนี้ - 31 มี.ค. 61
Jaime by Jean-Michel Lorain ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของโรงแรม U Sathorn ห้องอาหารฝรั่งเศสชื่อดัง ที่ปัจจุบันบริหารโดยทายาทรุ่นที่สามคือคุณ Mariane Lorain ด้านในตกแต่งไม่ซ้ำใครด้วยรูปแบบ Upside-Down โดยจัดวางเฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งสลับล่างขึ้นบนและบนลงล่าง ที่ห้องอาหาร Jaime by Jean-Michel Lorain ได้เชฟรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างเชฟ Amerigo Sesti ที่ได้รับความไว้วางใจจากเชฟ Jean-Michel Lorain มาเป็น Head Chef ประจำที่ประเทศไทยและด้วยความทุ่มเทของเชฟอเมริโก้นี่เองทำให้ที่นี่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นร้านอาหารมิชลินสตาร์ 1 ดาวในปี 2561 โดยที่นี่มีเสิร์ฟทั้งแบบเป็นคอร์สและอะลาคาร์ท
และสำหรับเมนูอาหารแนะนำฝีมือของเชฟอเมริโก้ในวันนี้ เริ่มต้นกันที่ Warm special Gillardeau oysters served with rye porridge, lettuce purée and crêpes (970 บาท) หอยนางรมคุณภาพจากฟาร์ม Gillardeau โดยปกติออริจินัลจะเสิร์ฟแบบเย็น 5 แบบ แต่สำหรับที่นี่เลือกเสิร์ฟแบบร้อนและเป็นการรวมรสชาติออริจินัลทั้ง 5 อย่างมาไว้ใน 1 คำ
จานถัดมาเป็น Plancha-seared Hokkaido scallops, cabbage declination and citrus flavours (1380 บาท) หอยเชลล์ฮอกไกโดกริลล์ตัวใหญ่เนื้อแน่น เสิร์ฟคู่กับครีมซอสสูตรพิเศษของทางร้าน
และปิดท้ายด้วย Desserts (3 ชิ้น 470) เริ่มที่เมนูซิกเนเจอร์อย่าง Mille-feuille “Napoleon” ขนมมิลเฟยรสชาติดั้งเดิมตามแบบฉบับฝรั่งเศสแท้ ๆ กับ Rose ice cream in crystalized rose petals ไอศกรีมกุหลาบรสชาติหอมหวานกำลังดี เสิร์ฟคู่กับกลีบกุหลาบอบน้ำตาล และแผ่นอัลมอนด์ ขนมหวานสูตรพิเศษของครอบครัวเชฟ Jean-Michel ที่มีมานานกว่า 30 ปี และปิดท้ายด้วย Passion fruit soufflé ไอศกรีมและวิปครีมเสิร์ฟบนเมอแรงก์และตกแต่งด้วยเมอแรงก์หลากสี
J’aime by Jean-Michel Lorain
เปิดทุกวัน (ปิดวันอังคาร) เวลา 12.00 - 14.30 น.และ 18.00 - 22.00 น.
โทร. 02-119-4899
www.jaime-bangkok.com
Savelberg ร้านอาหารมิชลินสตาร์ที่นำเอาความอร่อยชั้นเลิศจากเนเธอร์แลนด์มาให้นักชิมชาวไทยได้ลิ้มรสกันในลักษณะของร้านอาหารสไตล์ Fine Dining ที่เผยให้เห็นครัวเปิด เห็นการปรุงอาหารของเชฟ บรรยากาศภายในร้านโปร่งโล่งด้วยเพดานสูง หรูหราด้วยสไตล์การตกแต่งที่เลือกใช้โทนสีสันสดใสอย่างสีส้ม ส่วนด้านบนเปิดเป็นห้องอาหารส่วนตัว เมนูอาหารของทางร้านเป็นสไตล์โมเดิร์นที่มีกลิ่นอายของความเป็นฝรั่งเศสอยู่มาก ทั้งรูปแบบการนำเสนอที่ประณีตสวยงาม คัดสรรวัตถุดิบชั้นดีจากยุโรป รวมถึงมีการเฟ้นหาวัตถุดิบในไทยจากโครงการหลวงมาครีเอทเป็นเมนูสุดพิเศษแต่ละจานอีกด้วย
โดยเมนูที่อยากแนะนำมีดังนี้ Lobster สลัด Canadian Lobster ที่ใช้ล็อบสเตอร์สด เสิร์ฟพร้อมผักดอง 4 ชนิด ได้แก่ แตงกวา หัวไชเท้า แครอท และบีทรูท ด้านในเป็นล็อบสเตอร์ครีมที่มีส่วนผสมของมะกอก ดอกกวางตุ้ง ผักชีลาว และพืชผักสมุนไพรอื่น ๆ อีกมากมาย ตกแต่งจานด้วยก้อนหินที่ทำมาจากฟัวกราส์บด ปั้นเป็นก้อนแล้วเคลือบด้วยช็อกโกแลตและหมึกดำ
Turbot ปลาเทอร์บ็อต ซึ่งถือเป็น Signature ของร้าน เสิร์ฟพร้อมกับฟักทองบดและแอพพริคอตที่ผ่านกระบวนการที่ทำให้ผิวด้านนอกเซ็ตตัวแต่ด้านในมีน้ำแอพพริคอตอยู่ ตามมาด้วยเห็ด พิตาชิโอ และโฟมแกงเขียวหวาน
ก่อนจะปิดท้ายคอร์สด้วยเมนูของหวานอย่าง Rhubarb รูบาร์บคอมโพทที่ดีไซน์ให้เหมือนการจัดสวนขนาดย่อม โดยมีรูบาร์บบดอยู่กลางจาน ล้อมรอบด้วยเจลลี่โยเกิร์ตรสนุ่มละมุน ราสป์เบอร์รี่บดเคลือบช็อกโกแลต เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมโยเกิร์ต วานิลลาซอส และท็อปด้วยเมอแรงก์
Savelberg
เปิดทุกวัน เวลา 12.00 - 14.30 น. และ 18.00 - 22.00 น.
โทร. 02-252-8001
www.savelbergth.com
ร้านอาหารแนว Fine Dining โดยเชฟฝาแฝดชาวเยอรมันคุณ Mathias Suhring และคุณ Thomas Suhring และยังได้คว้าดาวมิชลิน 1 ดาว มาด้วยประสบการณ์ของทั้งคู่ที่สั่งสมมาจากร้านอาหารแนวหน้ามากว่า 10 ปี เชฟทั้งสองจึงตัดสินใจที่จะปรับปรุงและต่อเติมบ้านหลังสวยของครอบครัว มาเป็นร้านอาหารสุดเก๋โดยสามารถเลือกนั่งมุมที่ถูกใจได้ทั้งแบบเรือนกระจกด้านนอก ดินเนอร์ที่ห้องโถงใหญ่ หรือจะนั่งพูดคุย ชมการทำอาหารของเชฟที่ Kitchen Room ก็ได้ โดย Suhring จะเสิร์ฟเมนูอาหารเป็นคอร์ส มีให้เลือก 2 เมนู Sühring “Klassiker” (3400 บาท++) เมนูคลาสสิคของทางร้าน และ Sühring “Erlebnis” (4400 บาท++) เมนูใหม่ล่าสุดสร้างสรรค์โดยเชฟ ทั้งสองเมนูจะแบ่งเป็น 3 Chapter เริ่มจาก Chapter 1: finger snacks, Chapter 2: main dishes และ Chapter 3: desserts
สำหรับครั้งนี้เริ่มต้นกันที่ Rindertartar a la Borscht เมนูบีฟทาทาร์ เชฟใช้เนื้อชั้นดีเสิร์ฟกับบีทรูทแนะนำให้ทานคู่กับซอสเยลโล่บีทรูทที่ราดมาในจาน ท็อปด้วย No.25 คาร์เวียร์คุณภาพจากเยอรมัน
ต่อด้วยจานถัดมา Hummersalat & Kastanienessing ล็อบเตอร์เนื้อแน่นจากแคนาดา เสิร์ฟคู่กับล็อบเตอร์บัตเตอร์สูตรของทางร้าน แนะนำให้ราดซอสให้ทั่วก่อนทานเพื่อเพิ่มความหอมมันทำให้อร่อยยิ่งขึ้น
และพลาดไม่ได้กับเมนูจานหลักอย่าง Hungarian Duck เนื้อเป็ดดรายเอจ 7 วันแล้วนำไปอบทั้งตัว เสิร์ฟในหลากหลายรูปแบบ ทั้งส่วนอกที่ทานคู่กับสลัดกะหล่ำปลีแดง แนะนำให้ทานคู่กับ ตับเป็ดที่ท็อปด้วยยูสุเจล และ เกี๊ยวเป็ดในน้ำซอสเป็ด
Suhring
เปิดทุกวัน เวลา 17.30 - 21.30 น.
โทร. 02-287-1799
www.restaurantsuhring.com
www.facebook.com/suhringtwins
อีกหนึ่งร้านอาหารสุดหรูที่เพิ่งคว้าดาวมิชลินสตาร์ 1 ดวง จากการประกาศผลมิชลินไกด์ 2018 Upstairs at Mikkeller นำเสนออาหารสไตล์ Progressive American ภายใต้การดูแลและครีเอทเมนูจากเชฟ Dan Bark เชฟหนุ่มไฟแรงที่เคยผ่านประสบการณ์จากร้านดังในต่างประเทศก่อนจะมาเปิดร้านที่นี่ บรรยากาศภายในร้านถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่แฝงความอบอุ่น มีครัวเปิดโล่งให้เห็นภาพการทำงานของเหล่าเชฟอย่างใกล้ชิด
สำหรับเมนูอาหารของที่นี่จะมีทั้งหมด 10 คอร์ส ราคา 3,300 บาท++ โดยแต่ละเมนูจะแพริ่งกับเบียร์จาก Mikeller ด้วยเพื่อสร้างประสบการณ์ในการทานอาหารอย่างสมบรูณ์แบบ เริ่มจากเมนู Ikura จานนี้ทางเชฟเล่นกับรสชาติเค็มของไข่ปลาและรสหวานจากบลูเบอร์รี่ ผสานรสชาติให้ลงตัวด้วยนมสด
ต่อด้วยเมนู Tortellini เมนูที่เชฟได้แรงบันดาลใจมาจากอาหารไทยอย่าง ต้มข่าไก่ มีการนำเสนอที่น่าตื่นเต้นโดยใช้วิธีต้มน้ำซุปให้เดือดในเครื่องชงกาแฟ ก่อนที่จะเทน้ำซุปลงไปในชามที่มีเกี๊ยวสอดไส้เนื้อหมู เพิ่มรสเปรี้ยวด้วยแตงกวาดอง
และปิดท้ายด้วยเมนูขนมหวาน Chocolate ที่มีส่วนประกอบของช็อกโกแลต เค้กกล้วยหอม และโยเกิร์ต ท็อปด้วยตังเมกระเจี๊ยบ เป็นจานที่มีหลากหลายรสชาติที่แตกต่าง แต่เข้ากันได้อย่างลงตัว
Upstairs at Mikkeller
เปิดวันพุธ - เสาร์ เวลา 18.00 - 23.00 น.
โทร. 091-713-9034
www.upstairs-restaurant.com
www.facebook.com/upstairsatmikkellerbkk