The Spy of 008
ใครจะรู้ว่าในย่านทองหล่อที่เต็มไปด้วยแสงสียามค่ำคืน จะมีสปีคอีซี่บาร์เปิดใหม่อยู่บนชั้น 11 ของห้างฯ Eight Thonglor บาร์ที่เรากำลังพูดถึงก็คือ 008 Bar บาร์แห่งความลับที่เปรียบเสมือนหลุมหลบภัยในช่วงสงครามโลก ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความคลาสสิกที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นยุค Old Fashion ของบาร์ในช่วงปี 80’s ยิ่งไปกว่านั้นยังแฝงไปด้วยความลับมากมายที่รอทุกคนเข้ามาหาคำตอบภายใต้รหัสเลข 8 แห่งนี้
Contemporary Style
00 เป็นรหัสทางวิทยุที่เหล่าสายลับมักใช้สื่อสารผ่านทางวิทยุ ส่วนเลข 8 มาจากตึก Eight Thonglor ทางเดินระหว่างทางเข้าไปในร้าน ตกแต่งด้วยชั้นวางของที่ทำจากไม้ ผ่านประตูบัวดัดโค้งที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนยุคไปเมื่อ 80 ปีก่อน กลิ่นของเบาะหนังสีน้ำตาลให้อารมณ์ของความคลาสสิกแบบเรียบหรู บวกกับเฟอร์นิเจอร์งานไม้ร่วมสมัยที่ดีไซน์ออกมาได้อย่างลงตัว ทำให้ที่นี่ได้กลายเป็นบาร์ลับของเหล่านักดื่มไปเป็นที่เรียบร้อย
“ทุกวันศุกร์ - เสาร์ ทางร้านแนะนำให้โทรสำรองที่นั่งล่วงหน้า”
บริเวณหน้าบาร์เป็นมุมที่หลายคนชื่นชอบ เนื่องจากที่นี่ใช้เก้าอี้หนังนุ่ม ๆ นั่งสบายได้นานทั้งคืน พร้อมตื่นตาตื่นใจไปกับเหล้าหลากหลายชนิดบนเคาน์เตอร์ด้านหลังที่ออกแบบมาคล้ายกับหน้าต่างของรถไฟ
Prohibition Cocktails
ค็อกเทลทั้งหมดของทางร้าน ถูกครีเอทโดยบาร์เทนเดอร์สาวดีกรีแชมป์อย่าง คุณมิลค์-ไพลิน สัจจานิตย์ ผู้ชนะเลิศในรายการ DIAGEO World Class 2016 และรางวัล Thailand Best Bartender of the Year, South East Asia Bartender of the Year รวมถึงยังเป็นอดีตบาร์เทนเดอร์ของร้าน Vesper และ Zuma ก่อนจะมาประจำการที่ 008 Bar
อย่างที่รู้กันดีว่า ในช่วงสงครามโลก การจำหน่ายสุราเป็นสิ่งผิดกฎหมายในสหรัฐฯ ดังนั้น ชื่อเมนูค็อกเทลจึงได้แรงบันดาลใจมาจากช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ประกอบไปด้วย Signature Cocktails ทั้งหมด 19 เมนู นอกเหนือจากนั้น ยังมี Prohibition Cocktails ที่เป็นคลาสสิกค็อกเทลที่ถูกคิดค้นในช่วงปี 1920-1945 รวมถึง Stronghold คลาสสิกค็อกเทลที่เป็น Spirit Forward ที่มีเพียงเหล้า เวอร์มุธ แล้วนำไปผสมกับวัตถุดิบบางอย่างให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
Signature Cocktails
คุณมิลค์ได้ทำความเข้าใจส่วนผสมของคลาสสิกค็อกเทลในแบบดั้งเดิมที่ใช้เพียงวัตถุดิบไม่กี่อย่าง เนื่องจากในยุคก่อนคลาสสิกค็อกเทลจะไม่ผสมผสานวัตถุดิบเข้าไปมากนัก ดังนั้น คุณมิลค์จึงมีความตั้งใจที่จะเสิร์ฟคลาสสิกค็อกเทลให้มีรสชาติดั้งเดิมมากที่สุด และอาจจะทวิสให้มีความโมเดิร์นขึ้นเล็กน้อย สำหรับ Signature Cocktails ที่ทางร้านแนะนำนั้น เป็นเมนู 1920s (360 บาท) ค็อกเทลที่กำเนิดในช่วงสมัยสงครามโลก Golden Age 20 ช่วงนั้นมีเรื่องของสังคม การเมือง ความวุ่นวาย จึงอยากทำให้แก้วนี้มีความน่าสนใจในเรื่องของรสชาติ โดยใช้ Whitley Dry Gin แล้วเพิ่มกลิ่นหอม ๆ ด้วยเหล้า Campari ก่อนจะนำเปลือกส้มไปอินฟิวส์ด้วยเวอร์มุธ ให้กลิ่นและรสชาติคล้ายกับเนโกรนี เพียงทำให้ทานง่ายขึ้น และไม่เข้มเหมือนต้นฉบับ
ถัดมาเป็นเมนู The Captain (360 บาท) แก้วนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวของเหล้าสีเขียวมรกต Green Chartreuse เนื่องจากในช่วงสมัยสงครามโลกที่เหล้าชนิดนี้ผิดกฎหมาย แต่กลับมีนักบวชชาร์เทรอซ์กลุ่มหนึ่งแอบทำเหล้าสูตรลับนี้ออกมาเป็นยาวิเศษ ทางคุณมิลค์จึงหยิบเหล้า Green Chartreuse มาผสมผสานกับ Whiteley Dry Gin เพิ่มความหวานด้วยเกสรผึ้ง และตัดเปรี้ยวด้วยเลมอน ทำให้เป็นแก้วโปรดปรานของเหล่าสาว ๆ
Pyroblast (420 บาท) ชื่อเมนูนี้ได้มาจากน้ำเชื่อม Pyroblast from Lost Recipes of Prohibition by Matthew Rowley เป็นค็อกเทลที่ดื่มง่าย รสชาติทรอปิคอล ซึ่งได้จากรัมสับปะรด และ Pyroblast Syrup ก่อนจะนำน้ำสับปะรดไปทำให้ใส (Clarify) แล้วปิดท้ายด้วยน้ำมะพร้าว
ปิดท้ายด้วยแก้วที่หนักแน่น เหมาะสำหรับหนุ่ม ๆ เป็นอย่างยิ่ง กับ War on The Rocks (390 บาท) ชื่อที่คิดค้นตามสถานการณ์ในช่วงสงครามโลก เช่น กลิ่นของควัน กลิ่นเขม่าปืน กลิ่นไหม้ จึงจับมาทำเป็น Spirit Forward ด้วยการนำ Cimarron Tequila, Wine Port และ Creole's Bitters มาทวิสเข้าด้วยกันเล็กน้อย พร้อมใส่เหล้า Ardbeg ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Single Malt เพื่อให้ได้กลิ่น Smoke แบบที่สายดาร์กชื่นชอบ