Modern Thai E-San Cuisine
สำหรับใครที่เคยลิ้มลองความแซ่บของอาหารโมเดิร์นไทยอีสาน ที่ได้ครีเอตเมนูบ้าน ๆ ออกมาให้ดูทันสมัยและน่าทานกว่าที่เคยกับ ‘100 Mahaseth’ สาขาแรกริมถนนมหาเศรษฐ์ ใกล้ย่านเจริญกรุงกันมาแล้ว ครั้งนี้ชวนมาเปิดประสบการณ์ความแซ่บครั้งใหม่ภายในซอยเอกมัย 21 ที่มาพร้อมแนวคิดการออกแบบให้เป็นร้านอาหารกึ่งบาร์ พร้อมเติมเต็มช่วงเวลาแห่งความสุขของมื้ออาหารค่ำของคุณให้ประทับใจกว่าที่เคย
Feel Like Beach Bar
บรรยากาศภายในร้านตกแต่งออกมาได้อย่างเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับ 100 Mahaseth ไว้เช่นเดิม เพิ่มเติมคือเน้นความเป็นร้านอาหารกึ่งบาร์แนวกินดื่ม ทำให้ความพิเศษของสาขานี้อยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ที่ให้อารมณ์เหมือน Beach Bar นั่งชิลล์อยู่ริมชายหาด แต่ชวนความอบอุ่นด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สไตล์เรียบง่าย ก่อนจะเสริมกลิ่นอายความเป็นไทยด้วยเครื่องจักสานที่ประดับตกแต่งตามมุมร้านได้อย่างลงตัว
Nose to Tail Southeast Asian Inspiration
สำหรับความแซ่บจัดจ้านในครั้งนี้ รังสรรค์ความอร่อยด้วยฝีมือของ ‘เชฟชาลี กาเดอร์’ ที่ยังคงคอนเซ็ปต์การนำเสนอเมนูอาหารในแนวคิด ‘Nose to Tail Southeast Asian Inspiration’ นำแรงบันดาลใจที่ได้จากอาหารอีสานและอาหารเหนือของไทย มาครีเอตสู่เมนูสุดแปลกใหม่ผ่านการเลือกใช้วัตถุดิบที่มาจากท้องถิ่นโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อวัวคุณภาพดีจาก Local Farm จังหวัดสุรินทร์ สกลนคร รวมถึงขอนแก่น ไปจนถึงผักออร์แกนิกและวัตถุดิบอื่น ๆ ที่คัดสรรมาจากเกษตรกรและแหล่งผลิตจังหวัดต่าง ๆ ของไทยเช่นเดียวกัน
ก่อนจะไปสัมผัสความอร่อยของหลากหลายเมนูรสจัดจ้าน คุณจะได้ลิ้มลองน้ำจิ้ม 3 รสชาติสูตรเฉพาะ ได้แก่ แจ่วมะขาม แจ่วมะเขือใส่ปลาร้า และไทยชิมิชูรี ที่ทางร้านเสิร์ฟมาให้ทานกับแคปหมู พร้อมเครื่องเคียงผักสมุนไพรไทย ให้เรียกน้ำย่อยกันไปพลาง ๆ ระหว่างรออาหารจานหลัก
เริ่มความจัดจ้านกันที่จานแรกอย่าง ส้มตำไก่ย่าง (220 บาท) เมนูยอดฮิตของคนไทยที่ทางร้านนำมาประยุกต์หน้าตาแบบใหม่ โดยนำสะโพกไก่ไปหมักด้วยกระเทียม พริกไทย รากผักชี จากนั้นนำมาม้วนให้หนังไก่อยู่ด้านนอก แล้วย่างเตาถ่านด้วยไฟอ่อน ๆ จนได้กลิ่นหอม พร้อมทาซอสระหว่างย่าง เพื่อให้รสชาติกลมกล่อมค่อย ๆ ซึมเข้าไปในหนังไก่ เสิร์ฟมาคู่กับมะละกอที่ทางร้านนำไปสไลด์เป็นแผ่นบางกลม ก่อนจะอัดน้ำส้มตำปลาร้าเข้าเครื่องสูญญากาศ เพื่อให้ซึมเข้าไปในแผ่นมะละกอ ตกแต่งด้วยเม็ดกระถิน ทานพร้อมกันจะได้ทั้งไก่ย่างและส้มตำในคำเดียว
ตามด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยอีกจานที่ห้ามพลาด คือ ยำสับปะรดน้ำปลาร้ากับหอยแครง (280 บาท) เมนูที่จะเพิ่มความสดชื่นและปลุกให้คุณตื่นด้วยเนื้อสับปะรดรสชาติเปรี้ยวอมหวาน ผ่านการคลุกเคล้ารสชาติกลมกล่อมด้วยน้ำปลาร้า เสิร์ฟมาให้ทานคู่กับหอยแครงลวก ได้กลิ่นอายความเป็นอีสานเต็ม ๆ คำ
เอาใจคนรักเนื้อด้วยเมนู เนื้อย่างใบชะครามลวกกะทิ (390 บาท) เนื้อ Bavette ที่ทางร้านนำไปย่างจนได้ความนุ่มกำลังดี ให้กลิ่นหอมอ่อน ๆ เสิร์ฟพร้อมใบชะครามหลนกับกะทิ จานนี้ให้รสชาติกลมกล่อม หอมมัน เข้ากันได้เป็นอย่างดี
อีกหนึ่งเมนูที่ทางร้านแนะนำ ต้องลอง ลิ้นดรายเอจ (390 บาท) ส่วนโคนลิ้นวัวที่นำไป Dry-Aged เป็นเวลา 3 สัปดาห์ เพื่อให้ได้มาในรสชาติเข้มข้นและความนุ่มละมุนมากขึ้น จากนั้นนำไปฝานบางแล้วย่างจนสุกได้ที่ พร้อมกลิ่นหอมกำลังดี ท็อปด้วยงาขี้ม่อน หัวไชเท้าดองและใบชะมวง ช่วยเสริมรสชาติและตัดเลี่ยนได้อย่างพอดี
ปิดท้ายความอร่อยด้วยเมนูขนมหวานอย่าง ไอศกรีมมะม่วงน้ำปลาหวานกับมาร์ชเมลโลว์พริกกะเกลือ (260 บาท) เมนูที่ทางร้านนำไอเดียการทานมะม่วงน้ำปลาหวานรสเด็ดมาครีเอตให้ชิมกันในรูปแบบของไอศกรีมมะม่วง Sorbet เคียงมาคู่กับแผ่น Fish Sauce Caramel Brittle และ Chilli Flake Meringue แล้วตัดรสชาติด้วยมาร์ชเมลโลว์รสเกลือ