Let's Grow
Seed เป็นร้านอาหารนคอนเซ็ปต์เก๋ ๆ ตกแต่งให้ดูเหมือนโรงนาในต่างประเทศ มีทั้งความอบอุ่นและความรัสติกเล็ก ๆ และยังได้เชฟ Haikal Johari เชฟใหญ่จาก Water Library มาดูแลคอนเซ็ปต์และเมนูอาหารของที่นี่ให้
นั่งทานอาหารในบรรยากาศอบอุ่นแบบร้าน Seed อาคารตกแต่งด้วยไม้เนื้อด้านสีน้ำตาลเข้ม ผนังอิฐสีเทา โครงไม้ประดับ และเชือกปอมนิลาเพิ่มความรัสติกให้ดูไม่เป็นทางการจนเกินไป รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ออกแบบพิเศษเพื่อให้เข้ากันกับร้าน และเพิ่มความสบายตาด้วยแสงไฟสีส้ม
Master Chefs
ในเรื่องของการครีเอทอาหารที่นี่ก็พิถีพิถันไม่แพ้การตกแต่งร้าน โดยได้เชฟ Haikal Johari ซึ่งมีประสบการทำงานกับเชฟมิชลินสตาร์ระดับโลกอย่าง Joel Robuchon และอีกหลายร้านทั่วโลก และมือขวาอย่าง เชฟจาว ภคปัทม์ ศักดิ์ยโศ มาเป็นเชฟประจำและช่วยกันควบคุมดูแลอาหารให้ โดยเป็นเมนูอาหารฝรั่งเศสที่เพิ่มกลิ่นอายของเอเชียนไป โดยเลือกใช้วัตถุดิบของไทยเป็นส่วนใหญ่ทั้งผักออร์แกนิกและปลาจากชาวประมงที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
แน่นอนว่าที่นี่ล้วนครีเอททุก ๆ เมนูขึ้นด้วยครัวของพวกเขาเอง เช่น ขนมปังเชียบัตต้าโฮมเมด สูตรพิเศษของทางร้านที่ใส่มะเขือเทศอบแห้ง ให้ทานกับเนยต้นหอมและกระเทียมเพื่อเรียกน้ำย่อย
สำหรับใครที่มากับครอบครัวหรือเพื่อน ๆ ห้ามพลาด Whole Sea Crab (1,390 บาท) จานใหญ่ยักษ์ ทานได้ 3-4 คน โดยนำเนื้อปูทะเลสด ๆ ทั้งตัวและมันปูมาผัดกับกระเทียม พริกไทยดำ พริกขี้หนูสวนให้ได้รสชาติเผ็ด ๆ เพื่อตัดความเลี่ยน
และทางร้านภูมิใจนำเสนอ Milk Fed Rack of Lamb (720 บาท) เซี่โครงลูกแกะก่อนย่างเตาถ่านแล้วราดด้วยซอสไวน์แดงผสมกับเครื่องเทศแถบอาหรับ แนะนำให้เลือกไวน์ดี ๆ จากทางร้านมาทานคู่กัน
นอกจากนั้น ทางร้านยังมีขนมหวานอย่าง French Toast (250 บาท) ที่มีรสชาติแตกต่างจากของที่อื่น เพราะเชฟจาวนำขนมปังบริยอชไปชุบในคัสตาร์ดวานิลลาและส้ม ทำให้มีรสเปรี้ยวหวานนิด ๆ ทานกับไอศกรีมกล้วยตากรมควัน และลูกแพร์ตุ๋นไวน์ขาว
เมนูเครื่องดื่มของที่นี่มีให้เลือกทั้งไวน์ ค็อกเทล และม็อกเทลให้ได้เลือกดื่มขอแนะนำซิกเนเจอร์ค็อกเทลอย่าง Sexy Lychee (340 บาท) มีวอดก้าที่นำไปอินฟิวส์กับพริก Lychee Liqueur น้ำมะนาว น้ำส้ม และ Aphrodisiac Bitter ที่มีสมุนไพรกว่า 10 ชนิด
