A Little Cafe in Tha Tien
A Pink Rabbit + Bob คาเฟ่จิ๋วบนย่านท่าเตียนที่จัดเต็มความอร่อยด้วยเมนูข้าวสตูว์ เค้กโฮมเมดสูตรดั้งเดิมจากแบรนด์ It’s Happened to be Closet และเครื่องดื่มประเภทต่าง ๆ ในบรรยากาศของบาร์สไตล์วินเทจ สำหรับคาเฟ่แห่งนี้นับเป็นอีกหนึ่งร้านที่อยู่ในความดูแลของ It’s Happened to be Closet ร้านอาหารอิตาเลียนสไตล์ Fine Dining ที่ประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน ก่อนจะขยับขยายเป็น Fox Princess & A Spider ร้านอาหารอิตาเลียนสไตล์ Casual ซึ่งลดความจริงจังเรื่องการนำเสนอลง ให้ทานง่ายขึ้น แล้วย่อขนาดมาปักหมุดเปิดร้านในเขตพระนคร แม้จะมีการตัดทอนอาหารอิตาเลียนออก แต่ยังคงไว้ซึ่งเมนูเค้กและเครื่องดื่มรสออริจินอลเช่นเดิม ได้มาตรฐานเดียวกันกับร้านใหญ่ ทั้งในแง่ของรสชาติ คุณภาพของวัตถุดิบ และการพรีเซนต์หน้าตาอาหารได้ดูน่าทานเช่นเดิม
Neon Light & Vintage Decor
ตัวร้านมีขนาดกะทัดรัด ภายในร้านประดับตกแต่งมุมต่าง ๆ ด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์วินเทจ ทั้งโต๊ะกลมของจีนและโซฟาของฝั่งตะวันตก โคมไฟนีออน สัญลักษณ์รูปกระต่ายและหมี ลายบานเฟี้ยม ดอกไม้แปลกตา บริเวณผนังแขวนภาพวาดคล้ายแกลเลอรี หนังสือไกด์บุ๊ก และอื่น ๆ อีกมากมายที่ผสานความคลาสสิกและความโมเดิร์น รูปแบบไทย จีน ยุโรปไว้ในแห่งเดียว
Classic Comfort Food
ในส่วนของเมนูอาหาร ตามที่เกริ่นไว้เบื้องต้นว่าอาหารคาวทางร้านเน้นเสิร์ฟสไตล์ Comfort Food อย่างเมนูข้าวสตูว์ที่ทานง่าย อิ่มสบายท้อง โดยข้าวสตูว์หน้าต่าง ๆ นั้น ปรุงโดยเชฟใหญ่ประจำห้องอาหารอิตาเลียน มีให้เลือกทานระหว่างสตูว์กุ้งหมึกดำ สตูว์ไก่ทันดูรี (สูตรอินเดีย) สตูว์ Roman Chicken สำหรับคนไม่ทานเครื่องเทศ สตูว์ Beef Burgundy หรือเนื้อต้มไวน์ สตูว์ผักล้วน สตูว์ลิ้นวัว และสตูว์มาซาลาแกะ เมนูแนะนำประจำร้าน ได้แก่ Ox Tongue + Black Ink Shrimp w/rice (180 บาท) ข้าวสตูว์ลิ้นวัวและกุ้งหมึกดำ เครื่องเทศสูตรเฉพาะของทางร้านที่ตุ๋นนานจนเข้าเนื้อ ได้ความนุ่มละมุนเป็นพิเศษ เสิร์ฟพร้อมกุ้งหมึกดำที่ตักราดบนข้าวสวยร้อน ๆ อีกฝั่งในชามเดียวกัน
หรือจะเป็น Chicken Stew w/rice (180 บาท) ข้าวสตูว์ไก่ เนื้อไก่ตุ๋นนุ่ม ๆ ในซอสมะเขือเทศที่มีส่วนผสมของหอมใหญ่ แครอท และเครื่องเทศรสเข้มข้นกลมกล่อมสูตรเฉพาะของทางร้าน
Homemade Cake Menus
ากนั้นมาต่อกันที่ของหวานกันบ้างกับเค้กโฮมเมดแสนอร่อย ซึ่งที่นี่จัดเต็มในเรื่องของเมนูเค้กโดยเฉพาะ หากมองเข้ามาจากหน้าร้านก็จะเห็นเมนูเค้กวางเรียงรายให้เลือกทานอย่างจุใจมากกว่า 20 รายการต่อวัน ทั้งประเภทเค้กคลาสสิกอย่าง เค้กเนย เค้กแมคคาเดเมีย เค้กช็อกโกแลต ฯลฯ ไปจนถึงเค้กแฟนซีที่ครีเอทส่วนผสม หน้าตาเค้กตาม Seasonal ได้น่าทานมากทีเดียว ส่วนความโดดเด่นของเค้กโฮมเมดที่ว่านี้เป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน ซึ่งทำมาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 17 ปี โดยเชฟทีมเดิมจาก It’s Happened to be a Closet เพราะฉะนั้นใครที่เคยได้ลิ้มลองความอร่อยของเค้กแบรนด์ดังกล่าวมาก่อนหน้านี้ก็จะคุ้นเคยกับหน้าตาและรสชาติของเค้กที่ได้รสชาติไม่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมแน่นอน
ลองสั่ง Shiny Orange Cake (195 บาท) เค้กส้มเนื้อนุ่ม รสเปรี้ยวอมหวาน ที่ผสมเนื้อส้มแมนดารินแท้ ๆ เคลือบวุ้นลงไปด้วยให้ดูสดฉ่ำน่าทาน แต่หากอยากได้รสชาติแบบไทย ๆ ต้องเมนู Custard Salted Choc (195 บาท) เค้กลอนตาลชิ้นโตที่ท็อปบนมาด้วยเมอแรงค์เนื้อนุ่ม สอดไส้ลูกตาลเชื่อมแบบเน้น ๆ ตัดรสชาติกับคาราเมลและช็อกโกแลตได้อย่างตัว สำหรับเมนูนี้หาทานค่อนข้างยาก เพราะมีให้ทานเพียงที่นี่ที่เดียวเท่านั้น สายโฮมเมดเบเกอรี่บอกได้คำเดียวว่าห้ามพลาด
Have A Nice Drinks
ไม่เพียงแต่เมนูอาหารและขนมเค้กเท่านั้นที่รับประกันความอร่อย ในส่วนของลิสต์เครื่องดื่มก็หลากหลายและอร่อยไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเมนูกาแฟที่ทางร้านเลือกใช้เมล็ดกาแฟ Lavazza จากอิตาลี ได้คุณภาพและมาตรฐานของกาแฟสัญชาติอิตาเลียน เสิร์ฟร้อนในแบบคลาสสิก ดื่มง่ายแต่ได้รสชาติของกาแฟแท้เต็ม ๆ เสิร์ฟเย็นแบบเพิ่มส่วนผสมพิเศษลงไปเผื่อให้รสชาติที่แปลกใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเอสเพรสโซ อเมริกาโน ลาเต้ หรือคาปูชิโน ล้วนดีงามทั้งสิ้น แนะนำให้ลองดื่มกาแฟซิกเนเจอร์อย่าง Iced Coconut Americano (145 บาท) อเมริกาโน่เย็นใส่น้ำมะพร้าวอ่อนด้านบนแทนน้ำเชื่อม เพื่อให้รสหวานและความหอมของมะพร้าวอย่างเป็นธรรมชาติ
นอกจากเมนูกาแฟแล้ว ใครที่กำลังมองหาเครื่องดื่มเย็น ๆ เรียกความสดชื่นระหว่างวันทางร้านก็มีเมนูอิตาเลียนโซดาให้ได้ดับกระหาย ลองสั่ง Lychee Berry Soda (160 บาท) น้ำลิ้นจี่ที่ผสานเข้ากับน้ำเบอร์รี่ แล้วเพิ่มความซาบซ่าด้วยโซดารสเปรี้ยวอมหวาน ดื่มแล้วดับกระหายได้เป็นอย่างดี
สำหรับ Tea Lover ทางร้านใช้ชาของ French Mariage Frères เสิร์ฟในลักษณะของชาร้อนแบบคลาสสิก ที่มีชาให้เลือก 3 ชนิด ได้แก่ ชาดำ ชาแดงไร้กาเฟอีน และชาเขียว สามารถเสิร์ฟแบบเมนูเดี่ยว ๆ เพื่อให้ได้รสสัมผัสและความหอมของใบชา หรือจะสั่งเป็นเมนูซิกเนเจอร์ประจำร้านอย่าง The’ a’ L’Opera w/mint + Ginger + Lemon (240 บาท) ชาเขียวร้อนเสิร์ฟแบบเซ็ตกาที่ทางร้านนำขิง สะระแหน่ ผิวมะนาว ใส่ลงไปในน้ำชา เพื่อให้ได้ความหอมสดชื่นของสมุนไพรและผลไม้ตระกูลซีตรัส แนะนำให้ดื่มคู่กันกับโฮมเมดเบเกอรี่จะได้รสสัมผัสที่เข้ากันดีทีเดียว