Welcome Mr. Akira Back
Akira Back ร้านอาหารสุดหรูบนชั้น 37 โรงแรม แบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนปาร์คที่มาพร้อมวิวสวย ๆ ของใจกลางกรุงเทพฯ และพื้นที่ร้านที่กว้างขวางรอต้อนรับใครที่ชอบทานทั้งซูชิรูปแบบต้นตำรับและอาหารสไตล์เอเซียที่ถูกดัดแปลง ผสมผสานและครีเอทมาเป็นเมนูที่น่าสนใจ
โดยเชฟ Akira Back เจ้าของชื่อร้านแห่งนี้ นอกจากจะเป็นชาวเกาหลีที่เติบโตในสหรัฐอเมริกาแล้ว ยังเป็นอดีตโปรสโนว์บอร์ดที่ผันตัวมาเป็นเชฟมากฝีมือที่ถูกการันตีด้วยรางวัลและรายการโทรทัศน์มากมาย ในปัจจุบันมีร้านอาหารภายใต้เครือ Akira Back มากกว่า 8 ร้านทั่วโลกอีกด้วย
Elegant & Spacious Space
ภายในร้านถูกออกแบบตกแต่งอย่างสวยงาม เน้นใช้สีดำเป็นหลัก ผสมกับลุคเท่ ๆ ที่ได้จากลายเส้นและรูปทรงเลขาคณิตตามมุมต่าง ๆ แฝงความสุขุมแบบญี่ปุ่นด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้ม โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนพื้นที่รับประทานอาหารหลัก, โซนซูชิบาร์, โซนโอมากาเสะ บาร์ และห้องส่วนตัว ภายในร้านสามารถมองเห็นวิวตึกสูงของย่านพร้อมพงษ์ได้อย่างชัดเจน
When East Meets West
สำหรับอาหารทุกจานของที่นี่ ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตของเชฟที่เป็นชาวเกาหลีแต่ไปเติบโตในอเมริกา นำมาครีเอทเป็นเมนูสุดสร้างสรรค์ที่ผสมผสมวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน เริ่มจากเมนูเรียกน้ำย่อยอย่าง Salmon Tiradito (390 บาท) เชฟนำเมนูปลาดิบสไตล์เปรูมาดัดแปลงโดยใช้ซาซิมิปลาแซลมอนท็อปบนมะม่วงสุกย่างที่ให้รสหวาน เพิ่มรสเปรี้ยวและความหอมด้วยซอสส้มยุสุและน้ำมันผักชี
Akira Back 's Signature Dish
ขาดไม่ได้กับเมนูซิกเนเจอร์ Tuna Pizza (430 บาท) พิซซ่าแป้งบาง ๆ ท็อปด้วยเนื้อปลาทูน่าสดแล่บาง ผสมผสานรสชาติด้วยน้ำมันเห็ดทรัฟเฟิลและซอส ailoli ที่ทำจากซอสพอนสึ จานนี้ถูกเสิร์ฟมาบนจานลายเพ้นท์ศิลปะสีสันสดใสจากฝีมือของคุณแม่ของเชฟ Akira Back นั่นเอง
ต่อด้วย Jeju Domi (380 บาท) เมนูที่เกิดจากความทรงจำในวัยเด็กของเชฟที่ไม่ชอบทานซาซิมิ แต่เมื่อได้ลองทานซาซิมิกับซอสโชจังเป็นครั้งแรก ก็ติดใจในรสชาติจนนำมาครีเอทเป็นเมนูนี้ ซึ่งนอกจากจะใช้ซาซิมิปลากระพงและซอสโชจังจากเกาหลีแล้ว ยังได้เพิ่มรสสัมผัสด้วยไข่กุ้งที่นำไปอินฟิวส์กับส้มด้วย และอีกเมนูที่มีรสชาติจากเกาหลี AB Tacos (340 บาท) ดัดแปลงจากทาโก้สไตล์เม็กซิกันและเพิ่มบูลโกกิเนื้อวากิวลงไปแทน ราดด้วยซอสมะเขือเทศย่างพอนสึ
The Journey To The West
จากการได้เดินทางไปที่สเปน เชฟก็ได้นำเมนูอาหารสเปนดั้งเดิมอย่าง Pulpo Gallega มาครีเอทเป็นเมนู Grilled Octopus (480 บาท) เนื้อปลาหมึกยักษ์ย่างกับซอสพริก Jalapeno รมควันรสเผ็ด ทานคู่กับโฟมมันบดเนื้อเนียนเบา
มาถึงเมนูจานหลักกับ Lamp Chops (580 บาท) เนื้อแกะจากออสเตรเลียเคลือบด้วยซอสพริกสไตล์เม็กซิกัน Chipotle Anticucho และ Sear Greenland halibut (520 บาท) เนื้อปลาหิมะจากกรีนแลนด์นาบกับกระทะร้อน ๆ เสิร์ฟพร้อมซอส Beurre Blanc ที่ผสมกับซอสถั่วเหลือง และเห็ดจากญี่ปุ่นหลากหลายชนิด ตบท้ายด้วยส้มยุสุที่ช่วยดึงรสชาติของเนื้อปลาให้เด่นยิ่งขึ้น
Sweet & Sour
ของหวานของที่นี่ก็น่าลองไม่แพ้กัน ทางร้านแนะนำ Valrhona "Lava" Soufflé (370 บาท) ซูเฟล่ช็อกโกแลตลาวารสเข้มข้นที่ใช้ดาร์กช็อกโกแลตชั้นดี ทานคู่กับไอศกรีมวานิลลาบีน ก่อนทานอย่าลืมตักเข้าไปในเนื้อซูเฟล่นุ่ม ๆ ให้เจอช็อกโกแลตอุ่น ๆ ด้านใน ก่อนจะตักทานคู่กับไอศกรีม
หรือลอง Coconut Mochi Cake (160 บาท) เค้กโมจิเนื้อนุ่มหนึบ ๆ ทานกับไอศกรีมซอร์เบมะพร้าวและมะม่วง เพิ่มเท็กซ์เจอร์ด้วยป็อปคอร์นและแมคคาเดเมีย