Sukhumvit's Favorite Brasserie
Alex Brasserie ร้านอาหารฝรั่งเศสและไวน์ระดับพรีเมียมใต้โรงแรมเมอเคียว ซอยสุขุมวิท 11 ที่ครีเอททุกเมนูโดยเชฟ Arnaud Drouvillé อดีต Executive Chef จาก Morimoto Bangkok และยังมีโซนเคาน์เตอร์บาร์ที่พร้อมเสิร์ฟค็อกเทลหลากหลายสูตรโดยบาร์เทนเดอร์ที่เคยร่วมงานกับร้านชื่อดังมาแล้วมากมาย
Industrial Loft Style
การตกแต่งทางร้านเลือกใช้วัสดุที่เป็นคอนกรีตเปลือยและโลหะ เข้ากันดีกับไม้สีเข้มให้ความรู้สึกอบอุ่นขึ้น พร้อมใช้เฟอร์นิเจอร์เป็นเก้าอี้หนังสีดำและสีเบอร์กันดี ที่เป็นสไตล์อินดัสเทรียลลอฟท์ ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย นอกจากวัสดุและเฟอร์นิเจอร์ที่เลือกมาอย่างพิถีพิถันแล้ว ภายในร้านยังประกอบไปด้วยส่วนของร้านอาหาร บาร์ และเลานจ์ ที่ออกแบบมาในคอนเซ็ปต์ art-de-vivre ตามแบบฉบับของฝรั่งเศส สามารถมองเห็นบรรยากาศร้านได้รอบด้าน
Bon Appétit!
สำหรับอาหารของทางร้าน นอกจากจะเสิร์ฟอาหารฝรั่งเศสระดับพรีเมียมแล้ว ยังผสมผสานความเป็นฟิวชั่นโฮมเมดลงไปเพื่อให้ทานง่ายและถูกปากคนทุกชาติ และที่สำคัญทางร้านยังมีแอพลิเคชั่นที่สามารถจองโต๊ะได้ล่วงหน้าและมีดีลต่าง ๆ ให้เลือกมากมาย เริ่มต้นด้วยเมนูรองท้องอย่าง Salade Alex (270 บาท++) ผักต่าง ๆ พร้อมกับมะเขือเทศ เเรดิช เบคอนกรอบ และขนมปังกรอบ ท็อปด้วย Poached Egg และชีสนมแพะ เป็นจานที่เริ่มต้นมื้อนี้ได้ดี
Chef's Creation
อีกจานที่ทางเชฟครีเอทขึ้นมา Escalope Montagnarde (490 บาท++) เนื้อส่วนที่ไม่มีกระดูกหั่นชิ้นพอดีคำ ใส่มันฝรั่งและแฮม นำไปอบพร้อมกับครีมซอสเห็ดรสมันกลมกล่อม ตามด้วยชีส Emmental ก่อนจะเสิร์ฟมาในกระทะใหญ่ เหมาะจะทานกันหลายคน
Sweet Sorbet
ขนมหวานทางร้านแนะนำ Trio Sorbet (230 บาท++) ขนมปัง Lady Finger แผ่นบาง ทานกับไอศกรีมโฮมเมด 3 สไตล์ ได้แก่ ราสป์เบอร์รี่ มะพร้าว และช็อกโกแลต พร้อมท๊อฟฟี่รสนมและบิสกิตช็อกโกแลตให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนไปในวัยเด็ก
Sweet & Sour
นอกจากไวน์ชั้นดีที่มีให้เลือกมากมายแล้ว ยังมีค็อกเทลบาร์ที่ครีเอทแก้วซิกเนเจอร์โดยบาร์เทนเดอร์ที่มีประสบการณ์กับร้านอาหารชื่อดังอย่าง Horizon at Heaven และ Wild & Co ด้วย และทุกคืนก็จะมีดีเจมาสร้างความสนุกในแนวเพลงที่หลากหลาย ทั้ง House Music, New Disco, Pop และ R&B แต่ก่อนจะไปเริ่มความสนุกกัน แนะนำให้เริ่มสั่งค็อกเทลแก้วแรกอย่าง Kiss Me Candy (290 บาท++) ค็อกเทลที่มีเบสเป็น Gin นำไป Infuse กับเลมอนเจลลี่ ใส่กลิ่นอะโรมาติกนิด ๆ และคาราเมลให้ความหอมหวานคล้ายลูกกวาด ก่อนจะท็อปด้วย Sparkling Wine ตามด้วยโฟมไข่ขาว ตกแต่งขอบแก้วด้วยมาร์ชเมลโลเบิร์นไฟ
ปิดท้ายที่แก้วนี้ เหมาะกับสาวหวาน ๆ อย่าง Summer Revolution (320 บาท++) แก้วที่มีส่วนผสมของเหล้าวอดก้า น้ำแอปเปิ้ล และน้ำส้ม เติมรสหวานด้วย Grapefruit Syrup ตามด้วย Grapefruit Bitters ให้มีกลิ่นหอม ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น เหมาะกับช่วงซัมเมอร์เป็นที่สุด
