French Bistro Dining Experience in Sathorn
ได้เวลาตามรอยความอร่อยระดับมิชลินสตาร์ในแบบฉบับของ เชฟ Arnaud Dunand Sauthier (ผู้รังสรรค์ความอร่อยให้กับ Maison Dunand ร้านอาหารไฟน์ไดน์นิ่งที่คว้ารางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาวมาครองก่อนหน้านี้) กันที่ Alpea Bistrot ร้านอาหารเฟรนช์บิสโทรใจกลางซอยสาทร 10 ซึ่งครั้งนี้เชฟอาร์โนตั้งใจนำเสนออาหารฝรั่งเศสแบบดั้งเดิม โดยพรีเซนต์ออกมาในสไตล์ Casual Dining ภายใต้บรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเองมากขึ้น ผ่านการตกแต่งร้านที่จำลองความเป็นบ้านพักตากอากาศของชาวฝรั่งเศสในแคว้นซาวัว (Savoie) อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของเชฟอาร์โนได้อย่างสมจริง
Feel Like A Chalet House in Savoie
ธีมบรรยากาศภายในร้าน Alpea Bistrot แห่งนี้ ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Chalet House บ้านไม้สไตล์ฝรั่งเศสแถบชานเมืองของแคว้นซาวัว ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเชฟอาร์โนได้เลือกจำลองบรรยากาศของตัวบ้าน ความประทับใจเมื่อครั้งสมัยวัยเยาว์ของเขามาบอกเล่าผ่านการเลือกใช้วัสดุหินและไม้เป็นหลัก รวมถึงเครื่องหนังสัตว์ เตาผิง ข้าวของเครื่องใช้ ฯลฯ ที่ชาวซาวัวนั้นใช้อยู่อาศัยจริง เพื่อให้แขกผู้มาเยือนได้สัมผัสถึงความอบอุ่น ผ่อนคลาย เหมือนอยู่บ้าน
สำหรับบริเวณด้านล่างของร้าน จะเปิดให้บริการในลักษณะของ Grocery หรือร้านชำมื้อสาย พร้อมจำหน่าย ไวน์ และวัตถุดิบนำเข้าต่าง ๆ ให้คนรักการทำอาหารได้แวะมาซื้อวัตถุดิบที่ต้องการได้ตลอดวัน ไม่ว่าจะเป็นโคลด์คัท ชีส ขนมอบ ขนมปังสดใหม่ เรื่อยไปจนถึงเครื่องปรุงที่เชฟเลือกใช้ในการครีเอตเมนูอาหารภายในร้าน อีกทั้งยังสามารถแวะมานั่งจิบกาแฟ ทานเบเกอรี กันได้แบบชิลล์ ๆ
หากเดินขึ้นบันไดมายังบริเวณชั้นบน ก็จะได้พบกับอีกหนึ่งบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย โดยมีหลากหลายโซนนั่งรับประทานอาหารที่ยกกลิ่นอายบ้านไม้ของชาวซาวัว (Savoie) ผู้อาศัยอยู่บริเวณเทือกเขาแอลป์มาไว้ภายในร้าน ท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ ที่ได้ทั้งความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ แสงธรรมชาติที่ส่องผ่าน และการตกแต่งร้านด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สุดคลาสสิก ข้าวของเครื่องใช้ที่เสริมความเป็นบ้าน วัฒนธรรมความเป็นอยู่ของผู้คนที่นั่นมาให้ได้ลองสัมผัสกันแบบสมจริง
Chef Arnaud Dunand's Traditional French Dishes
ในส่วนของด้านอาหารนั้น ทางร้านเลือกเสิร์ฟความอร่อยในรูปแบบของ A La Carte โดยเน้นบรรยากาศสบาย ๆ สไตล์โฮมมี่ เหมาะแก่การพาครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนคนสนิทมานั่งทานอาหารท่ามกลางความอบอุ่นและเป็นกันเองเหมือนอยู่บ้าน มื้ออาหารของที่นี่ส่วนใหญ่จึงสามารถแชริ่งความอร่อยร่วมกันได้ ซึ่งหลัก ๆ แล้วเป็นอาหารฝรั่งเศสขึ้นชื่อจากแคว้นซาวัว บ้านเกิดเมืองนอนของเชฟอาร์โน เป็นอาหารฝรั่งเศสที่ปรุงรสชาติตามแบบดั้งเดิม ผสมเทคนิคทำอาหารสมัยใหม่ และมีให้เลือกทานมากมาย ตั้งแต่เมนูสตาร์ทเตอร์ เครื่องเคียง อาหารจานหลัก อาหารทะเล ไปจนถึงเมนูขนมหวาน โดยทุกเมนูนั้นทานง่ายและให้รสชาติดี
ก่อนเริ่มต้นมื้ออาหาร ทางร้านจะเสิร์ฟขนมปังฝรั่งเศส พร้อมด้วยเนยกระเทียมมาให้ได้ทานเรียกน้ำย่อย อุ่นเครื่องก่อนจัดเต็มความอิ่มท้อง
ประเดิมจานแรกด้วยหมวด Stater กับเมนู Signature Beef Tartar and Utah Beach Oyster (980 บาท) เนื้อทาร์ทาร์ที่เชฟเสริมรสชาติด้วยการใส่วัตถุดิบจากท้องทะเลอย่างหอยนางรมเข้าไปด้วย ได้รสเค็มนิด ๆ เข้ากันดีกับมันฝรั่งทอดและเมล็ดมัสตาร์ด เสิร์ฟมาในชามเซรามิกลวดลายเอกลักษณ์เฉพาะของทางของแคว้นซาวัว
ตามด้วย Pela Des Aravis, Smoked Ham, Reblochon (1,250 บาท) มันฝรั่งที่นำมาผัดกับหัวหอมใหญ่ พร้อมอบในกระทะร้อนกับแฮมรมควันและชีส Reblochon แบบเน้น ๆ ถูกใจทั้งคนรักแฮม-ชีสแน่นอน
และ Sauteed Escargots, Parsley and Garlic Butter, Spinach (780 บาท) หอยทากอบเนยกระเทียม เมนูคลาสสิกสไตล์ฝรั่งเศสที่มีการปรับสูตรในแบบเฉพาะของเชฟอาร์โน โดยการเพิ่มความหอมที่แตกต่างด้วยใบพาสลีย์ อีกทั้งยังใส่ผักโขมมาช่วยเพิ่มเนื้อสัมผัสและรสชาติที่กลมกล่อมลงตัวมากยิ่งขึ้นด้วย
ถัดมาที่หมวดอาหารซึ่งเหมาะแก่การแชร์ความอร่อยร่วมกัน (Butcher Pieces to Share) อย่างเมนู French Duck Magret (2,850 บาท) หนึ่งในอาหารจานหลักของทางร้าน โดยเป็นเป็ดย่างเนื้อแน่นชิ้นโต ชุ่มฉ่ำไปด้วยซอสจูส์รสเข้มข้นสูตรเฉพาะ (มีส่วนผสมของไวน์แดงและเลือดของเป็ด ช่วยเสริมความอร่อยให้เนื้อเป็ดมีความนุ่มชุ่มฉ่ำมากขึ้น) เสิร์ฟมาพร้อมกับมันฝรั่งอบชิ้นเล็ก ๆ และผักสลัด
ส่วนใครที่กำลังมองหาจานซีฟู้ด ทางร้านก็ได้มีการคัดสรรวัตถุดิบนำเข้ามาจากท้องทะเลและแหล่งน้ำธรรมชาติ (Sea and Lake) มาให้ได้เลือกลิ้มลอง แนะนำเมนู Catch of the Week, Matelote Sauce (1,380 บาท) ปลากะพงนึ่งร้อน ๆ พร้อมด้วยหอยแมลงภู่อบตัวโตจากเมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม นอกจากนี้แล้วภายในชามยังมีมันฝรั่งเนื้อนุ่มหนึบหนับราดซอสไวท์ไวน์ให้รสชาติละมุนกลมกล่อม
เสริมทัพความอิ่มท้องกันต่อด้วยเมนูเครื่องเคียง (Side Dishes) อย่าง Buckwheat Crozets Gratin (220 บาท) พาสต้าสไตล์ฝรั่งเศส ซึ่งตัวเส้นพาสต้านั้นจะมีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมแผ่นเล็ก ๆ เนื้อนุ่ม ทานง่าย ก่อนจะนำไปเข้าเตาอบเพื่อให้ชีสละลาย คลุกเคล้าเข้ากับเส้นพาสต้าได้อย่างทั่วถึง
หลังจากอิ่มอร่อยกับสารพัดเมนูอาหารคาวกันไปแล้ว อย่าลืมสั่งเมนูขนมหวานสไตล์ฝรั่งเศสสูตรโฮมเมดมาทานกัน แนะนำให้ลองสั่ง Grand Marnier Souffle, Vanilla Ice Cream (450 บาท) หรือซูเฟลย์ หนึ่งในเมนูขนมหวานสุดคลาสสิกของทางฝรั่งเศส ให้เนื้อสัมผัสเบา เนียนนุ่มละลายในปาก เสิร์ฟมาพร้อมกับไอศกรีมวานิลลา 1 สกู๊ป ที่ช่วยเสริมรสชาติและเพิ่มเท็กซ์เจอร์ระหว่างเนื้อมูสอุ่น ๆ ที่เข้ากับเนื้อเย็น ๆ ของไอศกรีมได้อย่างลงตัว
หรือจะเลือกตื่นตาตื่นใจไปกับ Live Cooking ของเมนูของหวานสุดคลาสสิกอย่าง Traditional Crepe Suzette ‘prepared table side’ (480 บาท) ออริจินัลเครปของชาวฝรั่งเศสที่มีส่วนผสมของเนย น้ำตาล น้ำส้มคั้น น้ำมะนาว และวิสกี้เล็กน้อยเพื่อความหอมหวาน ก่อนจะนำไปเบิร์นไฟให้ได้กลิ่นสโมคนิด ๆ พร้อมสัมผัสกรอบนอกนุ่มในฉ่ำไปด้วยซอสเคลือบสูตรเฉพาะที่ให้รสเปรี้ยวอมหวาน เข้ากันดีกับไอศกรีมวานิลลา เป็นการเสิร์ฟความอร่อยถึงโต๊ะแบบปิดท้ายมื้อพิเศษนี้ได้อย่างน่าประทับใจ