From Chonburi to Charoenkrung
หลายคนอาจจะเคยคุ้นหูคุ้นตากับ ‘Ayatana’ คาเฟ่ดีไซน์เก๋ของจังหวัดชลบุรี ที่มาพร้อมแนวคิดดี ๆ ให้ทุกคนได้ลองใช้ประสาทสัมผัส นับตั้งแต่การรับรู้ผ่านดวงตา, หู, จมูก, ลิ้น และกาย เมื่อหลอมรวมกันจะส่งผลต่อจิตใจ เป็นคาเฟ่ที่เปรียบเสมือนพื้นที่พักกายพักใจให้ทุกคนได้ลองปล่อยวางสิ่งต่าง ๆ แล้วมาซึมซับกับบรรยากาศแสนผ่อนคลายที่เต็มไปด้วยความสงบ อีกหนึ่งมนต์เสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร ครั้งนี้ได้ขยับขยับสู่เมืองกรุงกับสาขาใหม่ โดยตั้งอยู่ท่ามกลางความคลาสสิกของตึกเก่าริมถนนเจริญกรุง พร้อมเปิดต้อนรับให้ทุกคนได้แวะมาใช้ชีวิตช้า ๆ ผ่อนคลายในบรรยากาศสบาย ๆ กับการดีไซน์ที่แฝงรายละเอียดเรื่องราวที่น่าสนใจเอาไว้ในทุกอณู
Scandinavian Meets Neo-Classic
อาคารเก่าทรงคลาสสิกที่เต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ถูกชุบชีวิตใหม่ให้กลายมาเป็น ‘Ayatana Charoenkrung’ ที่ยังคงสถาปัตยกรรมสไตล์ Neo-Classic สีเหลืองสะดุดตาเอาไว้ ก่อนจะตกแต่งภายในด้วยการดีไซน์ให้มีกลิ่นอายความเป็น Asian Style ผสมผสานกับเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งสไตล์สแกนดิเนเวียนออกมาได้อย่างลงตัว โดยเน้นใช้วัสดุธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ เพื่อสร้างบรรยากาศให้ดูอบอุ่น ผ่อนคลาย
Let Go and Be Free
ภายในร้านยังโดดเด่นด้วยงาน Sculpture รูปมือที่กำลังปล่อยลูกโป่งใบใหญ่ สื่อถึงการปล่อยวางเป็นอิสระ ให้ทุกคนได้มาเสพงานอาร์ตที่แฝงไว้ด้วยข้อคิดดี ๆ โดยต่อยอดมาจากประติมากรรมลูกบอล 6 ลูก ของสาขาชลบุรี ที่หมายถึงอายตนะทั้ง 6 นั่นเอง
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจของคาเฟ่แห่งนี้คือโครงการ Sharing ที่มีทั้งสองสาขา โดยทุกการสั่งขนมหรือเครื่องดื่ม ทุกคนจะได้ชิป 1 เหรียญ (มูลค่า 1 บาท) ให้เลือกหย่อนในกล่องบริจาค โดยแยกออกเป็นมูลนิธิที่ดูแลด้านต่าง ๆ ทั้งดวงตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ตามชื่อ ‘อายตนะ’ ให้ทุกคนได้เป็นส่วนหนึ่งของการเป็นผู้ให้อีกด้วย
Ayatana Menus
สำหรับเมนูเครื่องดื่ม อาหาร และเบเกอรี ก็ยังคงคอนเซ็ปต์การนำเสนอเช่นเดียวกับสาขาแรก โดยเน้นการคัดสรรวัตถุดิบที่ดีและทำเองแบบโฮมเมดในทุกขั้นตอน มาถึงแล้วแนะนำให้ลองเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านอย่าง Violet (180 บาท) กาแฟที่นำมาเชคกับเลมอนและไซรัปดอกไม้สีม่วง ให้รสสัมผัสเข้มข้นผสมผสานกับความเปรี้ยวอมหวานได้อย่างลงตัว โดยทางร้านมีเมล็ดกาแฟ House Blend ให้เลือก 2 ตัว คือ ไทย-เอธิโอเปีย และลาว-บราซิล รวมถึงยังมีเมล็ดอื่น ๆ หมุนเวียนมาให้ชิมอยู่เรื่อย ๆ
ตามด้วยเมนูไฮไลต์สไตล์ชาวบางแสนอย่าง Khao Lam Affogato (165 บาท) ข้าวหลามนุ่มละมุนที่เสริมความกรุบกรอบด้วยถั่วดำ เสิร์ฟมาพร้อมไอศกรีมมะพร้าวหอมมันที่ทางร้านทำเอง แล้วราดด้วยช็อตเอสเพรสโซปิดท้าย แก้วนี้ได้ทั้งความเข้มข้นและความหอมละมุน เข้ากันได้เป็นอย่างดี
นอกจากกาแฟจะน่าสนใจแล้ว ชาเขียวของทางร้านก็ดีงามไม่แพ้กัน แนะนำ Matcha Asahi (Wazuka) (190 บาท) มัทฉะคุณภาพดีนำเข้าจากญี่ปุ่น ผ่านกรรมวิธีการ Cold Whisk หรือการตีชาเขียวพร้อมกับนมเย็น เพื่อให้ตัวชาแตกตัวกระจายเข้าไปอยู่ในนม ทำให้ได้รสชาติเข้มข้น หอมละมุน ที่เหล่า Matcha Lovers ต้องถูกใจ
จากนั้นมาอิ่มอร่อยกับเมนูเบเกอรีของทางร้านอย่าง Matcha Cocoa Tart (160 บาท) ทาร์ตโกโก้รสชาติเข้มข้น เสริมความอร่อยด้วยครีมมัทฉะหอม ๆ โรยด้วยถั่วกรุบกรอบปิดท้าย หรือหากใครชอบทานข้าวเหนียวมะม่วง ต้องลอง Mango Sticky Rice Tart (195 บาท) ทาร์ตกรุบกรอบ ท็อปด้วยข้าวเหนียว ครีมมะพร้าวโฮมเมด และมะม่วงน้ำดอกไม้หอมหวาน ทานได้แบบเพลิน ๆ
ปิดท้ายด้วยเมนูแปลกใหม่ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเมี่ยงคำที่ขายตามชายหาดบางแสนอย่าง Salad Miang Kham (185 บาท) สลัดผักที่คลุกเคล้าความอร่อยด้วยน้ำสลัดสูตรเฉพาะของทางร้าน ให้รสชาติเปรี้ยวอมหวาน ผสมผสานความกลมกล่อมกำลังดี จัดเต็มมาด้วยหลากหลายเครื่องเคียงของเมี่ยงคำ ที่เข้ากันได้อย่างลงตัว