Inspired by the Golden Era of Thailand’s Capital in the 70’s
ใครที่คิดถึงรสชาติและบรรยากาศการทานอาหารร่วมกันกับครอบครัวที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ขอชวนคุณมาปลุกความทรงจำไปพร้อมกับ Bangkok’78 ห้องอาหารของ โรงแรมสินธร มิดทาวน์ กรุงเทพฯ ที่จะพาคุณย้อนวันวานไปสัมผัสประสบการณ์ความอร่อยของรสชาติอาหารไทยแท้แบบดั้งเดิมที่หลายคนคุ้นเคยและคิดถึง ซึ่งรังสรรค์โดยเชฟมากประสบการณ์ด้านอาหารไทย พร้อมส่งต่อความอร่อยเสมือนได้ย้อนเวลากลับไปในยุค 1970’s
Thai-Vintage 70’s Restaurant Ambience
สัมผัสบรรยากาศและกลิ่นอายความคลาสสิกของกรุงเทพมหานครในยุค 1970’s ด้วยการตกแต่งแบบเรโทรของห้องอาหารที่ได้แรงบันดาลใจมาจากยุคทองของกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นถนนหนทางหรือตึกสูงระฟ้า ถ่ายทอดออกมาเป็นการตกแต่งภายในที่เน้นโทนสีเข้ม ให้ความรู้สึกหนักแน่น แต่ก็เพิ่มเติมสีสันและความรู้สึกคึกคัก ที่นับเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์คุ้นตาของกรุงเทพฯ ด้วยลายเส้น งานจักสาน และภาพวาดบนผนัง ที่ผสมผสานกันออกมาได้อย่างลงตัว สื่อถึงบรรยากาศของกรุงเทพฯ ในยุคนั้นได้เป็นอย่างดี
A Taste of Nostalgia
ปลุกความทรงจำให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งกับรสชาติอาหารอันแสนคุ้นเคย รังสรรค์โดย ‘เชฟกอล์ฟ-ภัควลัญชญ์ เวชมนต์’ ที่พร้อมเชิญให้ทุกคนได้ร่วมมาเป็นส่วนหนึ่งของการปรุงอาหารจากความรักและความทรงจำเมื่อครั้งวันวานของเชฟ โดยนำเอาประสบการณ์การทำอาหารที่มีมาตั้งแต่เด็ก ผสานเข้ากับรสชาติและเทคนิคการปรุงในยุคปัจจุบัน เกิดเป็นรสชาติเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ยังคงความดั้งเดิมของเมนูเอาไว้ในทุกอณู
เริ่มกันที่เมนูเรียกน้ำย่อยอย่าง ลูกชิ้นกุ้ง (320 บาท) กุ้งขาวสดนำมาบดกับมันหมู ก่อนจะนำไปทอดจนได้ความกรอบนอกนุ่มในและสีเหลืองทองกำลังดี เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้มบ๊วยรสเปรี้ยวอมหวาน หรือจะทานคู่กับซอสมันกุ้งรสชาติหอมมัน สัมผัสแบบครีมมี่ ก็ช่วยเสริมมิติรสชาติของเมนูนี้ได้อร่อยมากยิ่งขึ้น
ตามด้วยอีกหนึ่งเมนูเรียกน้ำย่อยอย่าง ยำส้มโอกุ้งสด (350 บาท) ส้มโอพันธุ์ทองดีคัดพิเศษรสเปรี้ยวตัดหวาน ครบเครื่องด้วยน้ำยำรสชาติจัดจ้าน ผสมผสานความหอมด้วยเครื่องเทศสมุนไพรต่าง ๆ ทานพร้อมกับหมูสับและกุ้งตัวโตที่ทอดออกมาได้สุกกำลังดี เมนูนี้ให้รสสัมผัสที่หลากหลาย ได้ทั้งรสชาติเปรี้ยว หวาน กลมกล่อมแบบลงตัว
อีกหนึ่งเมนูที่น่าสนใจ ขอแนะนำ เสือร้องไห้ น้ำจิ้มแจ่วและแจ่วปลาร้า (350 บาท) เนื้อ Black Angus Beef ที่ซูวีเป็นเวลากว่า 10 ชั่วโมง จนได้ความนุ่มที่พอดี หมักด้วยเครื่องเทศอย่าง รากผักชี กระเทียม พริกไทย และซอสสูตรพิเศษ แล้วนำไปย่างจนสุกได้ที่ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแจ่วและน้ำพริกปลาร้า ช่วยเพิ่มรสชาติเข้มข้น กลมกล่อม เข้ากันได้ดี
มาถึงเมนูอาหารจานเดียวอย่าง ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ (220 บาท) เส้นก๋วยเตี๋ยวเหนียวนุ่มกำลังดีที่นำมาคั่วในกระทะจนได้กลิ่นหอม ผัดคลุกเคล้าเข้ากับไก่และปลาหมึกกรอบ เสิร์ฟพร้อมปลาท่องโก๋ทอดกรอบให้ทานคู่กัน
จากนั้นมาซดร้อน ๆ ให้คล่องคอกับ ต้มข่าไก่หัวปลี (290 บาท) ปรุงรสออกมาได้กลมกล่อมพอดี มีความหอมมันของกะทิ พร้อมสัมผัสของปลีกล้วยที่เชฟเลือกนำมาใช้เป็นส่วนผสม โดยเป็นวัตถุดิบที่คนโบราณมักนิยมใช้ทำอาหาร ทำให้เมนูนี้เป็นการผสมผสานความอร่อยออกมาได้อย่างลงตัว ให้ความรู้สึกเหมือนได้กลับไปทานอาหารฝีมือคุณแม่
มาถึงเมนูอาหารหลักจานโปรดอย่าง ไข่ตุ๋นทะเลหมูสับหม้อไฟ (490 บาท) อีกหนึ่งเมนูที่ทำให้หวนนึกถึงวัยเด็ก อัดแน่นไปด้วยเครื่องเน้น ๆ ไม่ว่าจะเป็น หมูสับ ปลาหมึก และกุ้ง พร้อมเพิ่มความหอมด้วยกระเทียมเจียว ต้นหอม และขึ้นฉ่าย เสิร์ฟร้อน ๆ มาในรูปแบบหม้อไฟ เหมาะสำหรับทานกับเพื่อนหรือครอบครัว
ถัดมาที่เมนูคลาสสิกอย่าง ข้าวต้มกุ๊ย (420 บาท) ข้าวต้มใบเตยหอม ๆ เสิร์ฟมาร้อน ๆ พร้อมเครื่องเคียง 5 อย่าง ได้แก่ ยำไข่เค็ม ยำกุนเชียง หมูสับผัดหนำเลี๊ยบ ไชโป๊วผัดไข่ และผัดผักบุ้งหมูกรอบ นอกจากนี้ยังมีเครื่องเคียงอีกหลากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น มะเขือยาวผัดหมูสับ ยำเกี่ยมฉ่าย ยำปลาเค็ม ผัดคะน้าปลาเค็ม กุนเชียงทอด และไข่เจียว ที่สามารถเลือกได้ตามใจชอบ ทานคู่กับเครื่องดื่มแบบไทย ๆ อย่างชาตะไคร้และขิง ช่วยเพิ่มความสดชื่นได้ดี
ปิดท้ายด้วยเมนูของหวานที่ไม่ว่าใครทานก็ต้องถูกใจอย่าง ว่านหางจระเข้ในน้ำเชื่อมอัญชันมะนาว (150 บาท) ของหวานสมุนไพรไทยที่ครบรสทั้งเปรี้ยว หวาน หอม เย็นชื่นใจ ช่วยตัดเลี่ยนได้ดี หรือจะเป็น ส้มฉุนหิมะ (250 บาท) เกล็ดน้ำแข็งละเอียดแบบกรานิต้าที่ทำจากน้ำส้มซ่า นำมาผสมผสานรสเปรี้ยวอมหวานด้วยลิ้นจี่ ท็อปด้วยหอมเจียวกรอบปิดท้าย ช่วยเพิ่มรสสัมผัสแปลกใหม่ ทำให้มีความพิเศษมากยิ่งขึ้น