Slow Bar / Community & Space / Selected Shop / 2nd Hand Store
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบงานอาร์ตและอยากดื่มด่ำกาแฟเคล้าบรรยากาศแสนโฮมมี่ที่ดีต่อใจ ต้องห้ามพลาดกับ Bask Project โปรเจ็กต์สนุก ๆ ที่เกิดขึ้นจากความชอบ ความหลงใหล ความฝัน บวกกับพลังแห่งแพสชันของกลุ่มเพื่อนนักศึกษาจบใหม่ด้านกราฟิกดีไซน์ จึงได้ทำการชุบชีวิตตึกแถวเก่าอายุกว่า 40 ปี ให้กลายเป็นคอมมูนิตี้ที่รวบรวมทั้งพื้นที่สำหรับเหล่าสายอาร์ตและคอกาแฟไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ร้านกาแฟ Slow Bar / ร้านขายของกระจุกกระจิก / ร้านขายเสื้อผ้ามือสอง / แกลเลอรีแสดงงานศิลปะ ไปจนถึงสตูดิโอสุดเจ๋งไว้สำหรับ Workshop ตามความตั้งใจที่อยากสร้างพื้นที่แห่งนี้ไว้สำหรับเติมเต็มแรงบันดาลใจให้คนที่ชอบอะไรเหมือนกันได้มาเจอกันและใช้เวลาดี ๆ ร่วมกัน
Relaxing with Comforting Vibes
ตึกแถวสามชั้นที่มาพร้อมพื้นที่ขนาดกะทัดรัด ทำให้สัมผัสได้ถึงบรรยากาศอบอุ่น สบาย ๆ ให้ความรู้สึกเป็นกันเองเหมือนมาบ้านเพื่อน โดยเปิดรับแสงธรรมชาติด้วยกระจกใส เพื่อสร้างความอบอุ่นละมุนละไม ตามความหมายของชื่อร้าน ‘Bask’ ที่แปลว่าการอาบแดดนั่นเอง นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยการเก็บรักษาโครงสร้างเดิมของตึกเก่าเอาไว้ ทำให้ได้กลิ่นอายความคลาสสิกไปในคราวเดียวกัน อีกทั้งยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์จากผลงานดีไซน์ งานศิลปะ และสารพัดของกระจุกกระจิกจากศิลปินไทยมากมายที่วางไว้อยู่ทั่วร้าน กลายเป็นพื้นที่ที่เหมาะสำหรับการหลบหนีความวุ่นวายมาผ่อนคลายและสร้างแรงบันดาลใจได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว
Drinking a Good Coffee from Slow Bar
สำหรับเมนูของทางร้านจะเน้นเสิร์ฟเครื่องดื่มและเบเกอรีแบบง่าย ๆ เริ่มกันที่เมนู Americano (90 บาท) อเมริกาโนเย็นที่ให้รสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นโทนฟรุ้ตตี้จากเมล็ดกาแฟไทยที่เบลนด์กับเมล็ดกาแฟพม่า ออกมาเป็นรสชาติความเข้มข้นที่แสนลงตัว หรือหากใครชอบกาแฟรสชาติโทนนัตตี้ทางร้านก็มีให้เลือกเช่นเดียวกัน
ส่วนใครไม่ดื่มกาแฟ แนะนำเมนู Genmatcha Latte (130 บาท) ชาเขียวข้าวคั่วที่เป็นการเบลนด์รสชาติระหว่างมัทฉะและข้าวคั่วรวมไว้ด้วยกัน ทำให้มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ นำมาผสมผสานเข้ากับนม ช่วยเพิ่มความหอมนุ่มละมุนให้แก้วนี้ได้เป็นอย่างดี และยังมีรสชาติที่ไม่หวานจนเกินไป ไม่ว่าใครได้ลองดื่มก็ต้องถูกใจอย่างแน่นอน
มาถึงเมนูที่ทางร้านแนะนำว่าต้องลองอย่าง La La La Vender (Black) (180 บาท) กาแฟรสนุ่มละมุนด้วยส่วนผสมของโฮมเมดไซรัปลาเวนเดอร์ที่ทางร้านทำเอง ก่อนจะนำมาผสมผสานความเข้มข้นเข้ากับช็อตเอสเพรสโซ และความกลมกล่อมของนม แล้วท็อปด้วยฟองนมนุ่ม ๆ ปิดท้าย แก้วนี้ให้รสชาติกลมกล่อม หอมละมุน ดื่มง่าย เป็นความแปลกใหม่ที่ผสมผสานความอร่อยออกมาได้อย่างลงตัว
Homemade Bakery
จากนั้นมาลิ้มลองเมนูเบเกอรีที่น่าสนใจอย่าง Raspberry Bread with Jam (80 บาท) ขนมปังโฮมเมดที่ให้รสสัมผัสกรอบนอกนุ่มใน ผสานความอร่อยด้วยราสพ์เบอร์รีอบแห้ง เสิร์ฟคู่กับแยมเบอร์รีรสเปรี้ยวอมหวาน ไม่ว่าจะทานคู่กับเครื่องดื่มแก้วไหนก็เข้ากันได้เป็นอย่างดี
ปิดท้ายกันที่ Bask Boy (130 บาท) บัตเตอร์เค้กรสชาติกลมกล่อม หอมเนยแบบเต็มคำ ผสมผสานความอร่อยด้วยครีมนุ่มละมุน เสิร์ฟมาพร้อมกิมมิกน่ารัก ๆ อย่างการวาดหน้าเค้กด้วยตัวการ์ตูน Bask ที่เป็นคาแร็กเตอร์ของทางร้าน ไม่ว่าใครเห็นเป็นต้องพ่ายแพ้ให้กับความน่ารักนี้!