Blacksmith in Ari
แวะมาสัมผัสความดิบเท่ไปกับคาเฟ่กึ่งบาร์ในบรรยากาศของโรงตีเหล็กแห่งย่านอารีย์ ที่ร้าน Blacksmith มาพร้อมความพิเศษ 2 ช่วงเวลา โดยช่วงกลางวันจะเปิดเป็นคาเฟ่ ที่พร้อมเสิร์ฟหลากหลายเมนูเครื่องดื่มและขนมหวานสูตรโฮมเมดให้เลือกทานมากมาย แต่หลังจากช่วงพระอาทิตย์ตกดิน ทางร้านจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นร้านอาหารและค็อกเทลบาร์สุดชิค ที่พร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มและอาหารสไตล์ Fusion คุณภาพดีให้ลิ้มลองกันในบรรยากาศสบาย ๆ ที่ตอบโจทย์สาย Night Life อย่างเต็มรูปแบบ
Industrial Loft & Colonial Style
หากเดินเข้ามาในซอยอารีย์ 3 จะพบกับบรรยากาศของร้านที่ถูกออกแบบมาในสไตล์ Industrial Loft พร้อมผสมผสานกลิ่นอายความเป็น Colonial รวมอยู่ด้วย มาพร้อมความโดดเด่นด้านโครงสร้างสถาปัตยกรรมของประตูโค้งสีดำและป้ายร้านเหล็กสีทองแดงแบบสะดุดตา ซึ่งถูกตกแต่งด้วยชุดพรมหนังสัตว์ และลานหินกรวดสีน้ำตาลบริเวณกลางร้าน ได้บรรยากาศเหมือนนั่งจิบเครื่องดื่มและทานอาหารอยู่กลางสวนโอเอซิสแถบทะเลทราย สื่อถึงความหรูหราที่ผสมผสานความดิบเท่ออกมาได้เป็นอย่างดี สำหรับใครที่แวะเวียนมาในย่านอารีย์ ต้องลองมาสัมผัสด้วยตัวเองกันดูสักครั้ง
Good Time for Drinks
ในส่วนของเมนูเครื่องดื่ม ทางร้านได้เน้นการคัดสรรวัตถุดิบที่ดีนำมาครีเอทในทุกเมนู รวมไปถึงการเลือกใช้เมล็ดกาแฟเฮ้าส์เบลนด์คุณภาพดีอย่าง Black Smith Blend ที่มีส่วนผสมของเมล็ดกาแฟจากดอยผาตั้ง กัวเตมาลา และเอธิโอเปีย นำมาใช้สำหรับครีเอทเมนูเครื่องดื่มกาแฟดำ และ White Smith Blend ที่ใช้เมล็ดกาแฟจากดอยสะเก็ด ผสมผสานรสชาติด้วยเมล็ดกาแฟลาวและบราซิล โดยนำมาใช้กับเมนูเครื่องดื่มกาแฟนม ทำให้กาแฟของทางร้านมีรสชาติโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร
เริ่มความอร่อยกันที่เมนูซิกเนเจอร์รสชาติแปลกใหม่อย่าง Undead (250 บาท) เมนูกาแฟดำที่ถูกครีเอทออกมาแบบสูตรเฉพาะของทางร้าน โดยมีส่วนผสมของกาแฟเอสเพรสโซคั่วกลางผสมกับน้ำผึ้งป่าอย่าง Black Forest Honey ที่ผสานความหอมสดชื่นด้วยน้ำส้มยูซุ และ Infuse Tea ให้รสชาติของกาแฟแบบเข้มข้น เข้ากันดีกับความหอมหวานของน้ำผึ้งและรสเปรี้ยวนิด ๆ ของส้มยูซุได้อย่างลงตัว
ต่อกันที่เมนู Gloria (250 บาท) เครื่องดื่มม็อกเทลสูตรพิเศษของทางร้าน ด้วยส่วนผสมของส้มยูซุ พร้อมผสานความหอมหวานด้วยวานิลลา อีกทั้งยังเพิ่มความสดชื่นด้วยขิง ให้รสเปรี้ยวของส้มยูซุและกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของขิงที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ช่วยสร้างความสดชื่นระหว่างวันได้เป็นอย่างดี
สำหรับใครที่ชอบดื่มกาแฟนม แนะนำ Dirty Honey (180 บาท) กาแฟนมผสมน้ำผึ้ง โดดเด่นด้วยการนำน้ำผึ้ง Black Forest Honey มาผสมกับกาแฟเอสเพรสโซและนม โดยจะสัมผัสได้ถึงความนุ่มละมุนของกาแฟพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของน้ำผึ้งที่ลงตัว
ตามมาด้วย Thai Tea Melt (180 บาท) เครื่องดื่มชาไทย ซึ่งมีความพิเศษอยู่ที่ทางร้านเลือกใช้ส่วนผสมจาก White Chocolate นำมาผสานรสชาติกับชาแดง แล้วเพิ่มความหอมหวานด้วย Brown Sugar อีกทั้งยังเพิ่มกลิ่นหอมของกาแฟอ่อน ๆ จากเอสเพรสโซ จึงได้รสชาติที่กลมกล่อมและกลิ่นหอมละมุนในแบบที่ไม่เหมือนใคร
เอาใจคนรักชาเขียวด้วยเมนู Matcha Beurre (180 บาท) เครื่องดื่มชาเขียวที่ผู้ดื่มจะสัมผัสได้ถึงความหอมหวานจากส่วนผสมของ Chocolate Caramel แล้วเติมความกลมกล่อมหวานมันด้วยนมสด บวกกับรสชาติเข้ม ๆ ของมัทฉะจากเมืองฟุกุโอกะ เสิร์ฟมาในแก้วที่ถูกแบ่งเลเยอร์ออกมาได้อย่างสวยงาม อีกทั้งยังผสานรสชาติความอร่อยได้อย่างลงตัว
Sweet Menus
สำหรับเมนูขนมหวานแนะนำให้ลองทาน Purple Potato Cheesecake (180 บาท) ชีสเค้กมันม่วงสูตรโฮมเมด ที่ทางร้านคัดสรรวัตถุดิบมาอย่างดี ผ่านกรรมวิธีที่ใส่ใจทุกรายละเอียดอย่างพิถีพิถันทุกขั้นตอน อันเต็มไปด้วยส่วนผสมของมันม่วงและชีสเค้ก แล้วราดด้วยซอสคาราเมล เสิร์ฟมาพร้อมลูกฟิกซ์ ให้รสสัมผัสนุ่มละมุนของเนื้อเค้ก กลิ่นหอมอ่อน ๆ และรสเค็มนิด ๆ ของคาราเมล ที่เข้ากันได้ดีทีเดียว
ปิดท้ายด้วย Chocolate Cake (180 บาท) เค้กช็อกโกแลตเนื้อนุ่มสูตรเข้มข้น ที่ให้รสชาติหวานปนขมแบบกลมกล่อม เสิร์ฟมาพร้อมกับผลไม้ตระกูลเบอร์รี โดยจะสัมผัสได้ถึงความเข้มข้นของช็อกโกแลตแบบเต็มคำ พร้อมเนื้อสัมผัสแบบเนียนนุ่ม เหมาะกับการทานคู่กับเครื่องดื่มแก้วโปรดที่จะช่วยเติมเต็มความอร่อยได้เป็นอย่างดี
เวลาเปิด - ปิด
Cafe เปิดทุกวัน เวลา 11.00 - 18.00 น.
Dinner and Bar เปิดวันอังคาร - วันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 17.00 น. - เที่ยงคืน