A Hidden Japanese Restaurant in Langsuan
ชวนเหล่าคนเมืองออกตามหาความอร่อยสไตล์ญี่ปุ่นแบบราคาสบายกระเป๋ากันที่ Bonsai Japanese Restaurant ร้านอาหารญี่ปุ่นรสต้นตำรับ โดยตัวร้านนั้นตั้งอยู่บนชั้น M ของร้านอาหาร SEXY COW พร้อมเสิร์ฟความอร่อยระดับพรีเมียมด้วยอาหารญี่ปุ่นแบบ Original เพื่อที่ทุกคนจะได้ลิ้มรสชาติ สัมผัสถึงความเป็นญี่ปุ่นในทุกอณู ท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ ให้ได้อิ่มเอมไปตลอดการทานอาหารมื้อสุดพิเศษ
คำว่า Bonsai มาจากชื่อของพันธุ์ไม้ขนาดเล็ก ที่เป็น Plant in Pot หรือพันธุ์ไม้ที่นิยมปลูกในกระถาง โดยสามารถดัดแปลงไปตามความต้องการของผู้ปลูก ซึ่งต้องใช้ความมานะ ความอดทน การดูและเอาใจใส่ เพื่อรักษารูปทรงให้งดงาม เช่นเดียวกับร้านอาหาร Bonsai Japanese Restaurant ที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการคืนความสุขให้กับผู้บริโภค สนับสนุนให้คนทั่วไปได้มีโอกาสทานอาหารอร่อย ๆ ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงานและการเดินทาง ด้วยเมนูดี ๆ จากวัตถุดิบคุณภาพ ในราคาที่เหมาะสม เสมือนเป็นการให้รางวัลตัวเองด้วยการเริ่มต้นทานอาหารดี ๆ สักมื้อ
The Exclusive Menus for Special Moments
สำหรับใครที่กำลังมองหาทางไปยังร้าน Bonsai Japanese Restaurant เมื่อเดินมาถึงอาคาร The Millennia SG Tower คุณจะพบกับประตูเหล็กขนาดใหญ่ของร้าน SEXY COW ที่ทั้งโดดเด่นและดูลึกลับชวนให้เดินเข้ามา และเมื่อก้าวเข้ามาภายในร้าน จะสังเกตเห็นบันไดยาวไปสู่ชั้น M แล้วจึงจะได้พบกับร้านอาหารบรรยากาศสบาย ๆ สไตล์ญี่ปุ่นสุดคลาสสิก ที่เน้นการตกแต่งด้วยภาพวาดฝาผนัง เฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อน และแสงไฟสีนวลชวนให้ผ่อนคลาย
All About Japanese Food
ภายในร้านถูกแบ่งออกเป็น 3 โซนด้วยกัน โซนแรก ได้แก่ Omakase Room ห้องโอมากาเสะแบบดั้งเดิม ที่คัดสรรวัตถุดิบชั้นดีตามฤดูกาล นำเข้าจากตลาดปลาโทโยสึ สามารถเลือกได้ตั้งแต่ คอร์สไคเซกิ (1,000 บาท), คอร์สซากุระ (3,000 บาท) ไปจนถึง คอร์สโอมากาเสะ (4,200 บาท) ให้เหล่านักชิมได้อิ่มอร่อยกับคอร์สโอมากาเสะสุดพิเศษได้ตามชอบ โดยแต่ละคอร์สนั้น รังสรรค์ความอร่อยโดยเชฟทองอินทร์และเชฟวาตานาเบะ 2 เชฟชาวไทยและชาวญี่ปุ่นผู้มากประสบการณ์ ที่พร้อมใจกันมามอบความอร่อยฟิน ความรู้ และความสนุกให้กับทุก ๆ คนที่แวะเวียนเข้ามาทานอาหารที่นี่
แต่สำหรับใครที่เป็นแฟนตัวจริงของอาหารญี่ปุ่นรูปแบบ Teppanyaki แล้วละก็ ลองแวะมาที่ห้องอาหารซึ่งอยู่ติดกันอย่าง Teppan Room ที่นำเสนอลีลาการปรุงอาหารบนกระทะเหล็กของเชฟมากฝีมือ ที่พร้อมเสิร์ฟเมนูจานร้อน อบอวลไปด้วยความหอมของวัตถุดิบแต่ละชนิด
และสุดท้ายกับโซน A La Carte ที่ทางร้านมีสารพัดเมนูให้เลือกทาน ตั้งแต่ Lunch Set ราคาเบา ๆ ไปจนถึงมื้อเย็นแบบจัดเต็ม พร้อมเสิร์ฟความอร่อยด้วยเมนูปลาดิบและข้าวปั้นหน้าต่าง ๆ
เริ่มต้นมื้อนี้กันด้วยเมนูเบา ๆ อย่าง Salmon Ebi Tempura Roll (450 บาท) แซลมอนโรลสอดไส้เทมปุระกุ้งและอะโวคาโดที่ท็อปด้านบนด้วยไข่กุ้ง พร้อมโรยด้วยเทมปุระกรอบ ๆ ให้ทานได้กันแบบเพลิน ๆ
หากมาทานกันเป็นกลุ่มเพื่อนหรือแบบครอบครัว ลองสั่งเป็น Aki Sashimi Set (4,500 บาท) ซาซิมิเซ็ตใหญ่ ที่ประกอบไปด้วย Otoro เนื้อส่วนท้องของปลาทูน่า เป็นส่วนที่มีไขมันแทรกจนกลายเป็นลายหินอ่อนที่สวยงาม ให้รสชาติฉ่ำหวาน โดยจะพบได้ในปลาทูน่าที่มีน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไปเท่านั้น รวมไปถึง Chutoro เนื้อส่วนใกล้ครีบที่มีเส้นไขมันสลับกับเนื้ออยู่ตลอดทั้งชิ้น ให้รสหวานและเนื้อสัมผัสนุ่มในทุกคำที่ได้ลอง และพลาดไม่ได้กับ Akami เนื้อส่วนกลางลำตัวที่หลายคนชื่นชอบ โดยให้เนื้อสัมผัสที่แน่นและไม่มีส่วนของไขมัน
นอกจากนี้ ภายในเซ็ตยังมี Akagai หอยแครงยักษ์ญี่ปุ่น วัตถุดิบที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในวัตถุดิบราคาแพงตั้งแต่ยุคสมัยเอโดะ มีเนื้อสัมผัสที่แน่น รสหวานอย่างเป็นธรรมชาติเต็ม ๆ คำ ตามมาด้วย Hamachi หรือปลาหางเหลืองญี่ปุ่น ที่มีสีขาว เนื้อนุ่ม ให้ความหอมมัน เป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่ดีที่สุดของการทำซาซิมิในประเทศญี่ปุ่น, Madai หรือปลาทะเลสีแดงที่ได้รับการยกย่องให้เป็นเมนูมงคล โดยนิยมเสิร์ฟในช่วงเทศกาลหรืองานมงคลเท่านั้น, Ama Ebi กุ้งหวานญี่ปุ่นที่มักอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำเย็นที่มีความสะอาดสูง เนื้อกุ้งจึงมีรสหวานกว่ากุ้งชนิดอื่น ๆ, Ikura ไข่ปลาแซลมอน และปิดท้ายด้วย Uni หรือไข่หอยเม่นเมนูโปรดของใครหลายคน
หรืออิ่มท้องมากขึ้นกับสารพัดเมนู Nigiri Sushi ไม่ว่าจะเป็น Otoro Nigiri (420 บาท) ข้าวปั้นหน้าหน้าปลาทูน่าส่วนท้อง, Uni Nigiri (550 บาท) ข้าวปั้นหน้าไข่หอยเม่น, Anago Nigiri (350 บาท) ข้าวปั้นหน้าปลาไหลทะเล, Botan Shrimp Nigiri (270 บาท) ข้าวปั้นหน้ากุ้งโบตั๋น, Wagyu Nigiri (420 บาท) ข้าวปั้นหน้าเนื้อวากิว, Akagai Nigiri (550 บาท) ข้าวปั้นหน้าหอยแครงญี่ปุ่น และ Kinmedai Nigiri (320 บาท) ข้าวปั้นหน้าปลากะพงแดงตาโต
นอกจากนี้ ทางร้านยังมีเมนู Donburi อาหารจานด่วนสไตล์ญี่ปุ่น เป็นเมนูข้าวหน้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Unagi Foie Gras Don (1,300 บาท) ข้าวญี่ปุ่นร้อน ๆ ที่ท็อปหน้าด้วยปลาไหลญี่ปุ่นและฟัวกราส์เนื้อเนียน เสิร์ฟมาพร้อมกับซุปมิโสะร้อน ๆ ให้ซดคล่องคอ
ส่วนใครที่ชอบทานเนื้อ ทางร้านได้คัดสรรเนื้อวัวคุณภาพดีมาเสิร์ฟเป็นเมนูพิเศษอย่าง Wagyu Truffle Don (1,300 บาท) ข้าวญี่ปุ่นร้อน ๆ ที่ท็อปหน้าด้วยเนื้อวากิว ก่อนจะเติมความหอมและเสริมรสชาติให้กลมกล่อมด้วยทรัฟเฟิล
แต่หากกำลังมองหาเมนูอาหารกลางวัน ทางร้านยังมีสารพัดเมนู Lunch Set เซ็ตอาหารกลางวันในราคาเบา ๆ อีกด้วย โดยทางร้านแนะนำให้ลองทาน Kurobuta Steak Set (250 บาท) เซ็ตสเต๊กหมูคุโรบุตะกระทะร้อน ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับข้าวญี่ปุ่น ซุปมิโสะ และผลไม้ตามฤดูกาล
หรือจะเป็นเซ็ตเมนูอาหารกลางวันน่าลองอย่าง Sashimi Sushi Set (450 บาท) เซ็ตซูชิปลาดิบและซาซิมิ ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับสลัด ซุปมิโสะและผลไม้ตามฤดูกาล เป็นการส่งท้ายมื้อพิเศษสุดคุ้มได้เป็นอย่างดี