The Authentic Taste of Fine French Cuisine
ชวนมาสัมผัสประสบการณ์การทานอาหารฝรั่งเศสแบบต้นตำรับที่ Brasserie 9 อันเป็นที่คุ้นหูในฐานะร้านอาหารฝรั่งเศสที่อยู่ที่เอเชียทีคมานานหลายปี ก่อนจะย้ายโลเคชันใหม่มาที่บ้านหลังสีขาวสไตล์โคโลเนียลในซอยสาทร 6 โดยยังคงโดดเด่นในเรื่องการคัดสรรวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน มารังสรรค์สู่เมนูอาหารฝรั่งเศสรสต้นตำรับให้ได้ลิ้มลอง เพื่อสะท้อนถึงวัฒนธรรมและจริตตามวิถีฝรั่งเศสให้คนไทยได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น
Colonial Style is Always Classic
ทันทีที่เดินเข้ามาภายในบ้านสีขาวหลังนี้ จะสัมผัสได้ถึงความโอ่อ่าตระการตาแบบลักชัวรีที่มีกลิ่นอายของความเป็นพระราชวังในสมัยก่อน อันเต็มไปด้วยการประดับตกแต่งด้วยกระเบื้องสีขาว พร้อมเครื่องหนังสีน้ำตาลและโต๊ะไม้สไตล์วินเทจ อีกทั้งยังเพิ่มความเรียบหรูด้วยการใช้เฟอร์นิเจอร์วัสดุสีทองเหลือง ที่มีความวิจิตรสวยงามแบบไทยและหรูหราสไตล์ฝรั่งเศสในคราวเดียวกัน
Brasserie 9 พร้อมเปิดต้อนรับทุกคนด้วยบรรยากาศสุดผ่อนคลายตลอดทางเดินที่ทอดยาวสู่โซนต่าง ๆ เริ่มกันที่ชั้นล่างถูกแบ่งออกเป็น 2 โซนด้วยกัน คือ ด้านซ้ายเป็นห้อง Brass Bar & Cigar Lounge โดดเด่นด้วยมุมเคาน์เตอร์บาร์เครื่องดื่มที่มีไว้บริการตลอดวัน ถัดมาคือห้อง Wine Room ที่มีไวน์ชนิดต่าง ๆ ให้เลือกมากกว่า 100 ชนิด พร้อมพิเศษด้วย Cigar Lounge ห้องซิการ์สำหรับสมาชิกพิเศษของทางร้าน ในส่วนด้านขวาจะเป็นโซน Dining Room ที่พร้อมเสิร์ฟหลากหลายเมนูอาหารจานเด่นให้คุณเลือกรับประทานได้อย่างเพลิดเพลินตลอดวัน
หากเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง จะเป็นโซน Dining Room แบบส่วนตัว เหมาะสำหรับใครที่ต้องการอยากรับประทานอาหารแบบพร้อมหน้ากันของคนในครอบครัว รวมถึงห้อง Meetings & Conferences หรือห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ที่มาพร้อมการตั้งชื่อห้องตามชื่อเมืองในประเทศฝรั่งเศส อาทิ Lyon, Bordeaux, และ Paris อันพิเศษโดดเด่นไม่เหมือนที่ไหน รองรับสำหรับใครที่ต้องการอยากมาสังสรรค์ หรือทำกิจกรรมแฮงเอาต์แบบเป็นกลุ่ม ทางร้านก็พร้อมมอบช่วงเวลาอันแสนพิเศษให้ได้ทั้งสิ้น
Taste of Brasserie 9
ประทับใจไปกับประสบการณ์การทานอาหารฝรั่งเศสแบบ Traditional Cuisine ด้วยการนำเสนอเมนูอาหารในรูปแบบของการผสมผสาน Fine Dining และ Brasserie เข้าไว้ด้วยกัน โดยคัดสรรวัตถุดิบนำเข้าและสดใหม่ทุกวัน เน้นการปรุงอาหารฝรั่งเศสแบบดั้งเดิม ที่มีรายละเอียดไว้ในทุกจาน แถมยังพิเศษด้วยบริการ Tablesides Service ที่เป็นการ Cooking อาหารให้กับผู้มาเยือนได้เห็นกรรมวิธีการทำแบบใกล้ชิด
สำหรับเมนู Signature ของทางร้าน เริ่มต้นกันที่เมนู Beef Tartare with Toasted Bread (420 / 680 บาท) เนื้อสันในออสเตรเลียนวากิวดิบ ปรุงรสแบบฝรั่งเศสด้วยส่วนผสมของหอม กระเทียม หอมใหญ่ บรั่นดี และซอสสูตรเฉพาะของทางร้าน เสิร์ฟมาพร้อมไข่นกกระทา และ Grill Toasted Bread ให้รสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นเครื่องเทศ และเผ็ดเล็กน้อย โดยลูกค้าสามารถเลือกรสชาติให้เชฟปรุงได้ตามความชอบ
ตามมาด้วยอีกหนึ่งเมนูขึ้นชื่อของทางฝรั่งเศสอย่าง Pan Fried Frog Legs in Garlic Butter and Fresh Herbs (520 / 920 บาท) ขากบฝรั่งเศสผัดเนยกระเทียม ที่ทอดออกมาแบบกรอบนอกนุ่มใน ก่อนจะนำมาผัดคลุกเคล้ากับซอส อันมีส่วนผสมของเหล้า Aperitif ทำให้มีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ และรสชาติเข้มข้น กลมกล่อมเข้ากันได้อย่างพอดิบพอดี
ตามมาด้วยอีกหนึ่งเมนูยอดฮิตอย่าง Dover Sole Served with Potatoes, Brown Butter, Capers and Beetroot (1,400 บาท) ปลาโดเวอร์โซลที่ทางร้าน Import มาจากฝรั่งเศสแบบสดใหม่ทุกวัน ปรุงรสอย่างพิถีพิถันด้วยเนยเคเปอร์ ทำให้มีกลิ่นหอมชวนทาน เสิร์ฟมาพร้อมมันฝรั่งและบีทรูท ช่วยเสริมความอร่อยได้อย่างลงตัว
สำหรับใครที่ชอบทานเนื้อแกะ แนะนำ Rack of Lamb with Pistachio Crust, Ratatouille, Dauphinoise Potato & Bordeaux Sauce (1,200 บาท) ซี่โครงแกะอบซอสไวน์แดง โดดเด่นด้วยกรรมวิธีการทำแบบ Slow Cooking นำมาผสมผสานความกรอบของ Pistachio Crust ทานคู่กับมันฝรั่งอบสไตล์ฝรั่งเศสอย่าง Gratin Dauphinoise และราตาตุย สตูผักรวมมิตรที่ปรุงรสมาแบบกลมกล่อมสูตรเฉพาะจากทางร้าน ให้สัมผัสถึงความเหนียวนุ่มชุ่มฉ่ำของเนื้อแกะ พร้อมกลิ่นหอมของเครื่องเทศได้เป็นอย่างดี
จากนั้นมาลิ้มลองความอร่อยของขนมหวาน Signature อย่าง Crêpes Suzettes Prepared with Grand Marnier, Served with Homemade Vanilla Ice Cream (480 บาท) เครปซูแซ็ท ที่ทางเชฟพร้อมเสิร์ฟด้วยบริการ Tablesides Service เผยให้เห็นกรรมวิธีการทำตั้งแต่การเคี่ยวซอสอย่างประณีตด้วยส่วนผสมของน้ำตาล เนย ส้ม และ Grand Marnier เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมวานิลลาสูตรโฮมเมด ให้สัมผัสความหอมกรุ่นและนุ่มละมุน เป็นการปิดท้ายมื้ออาหารสุดพิเศษของคุณได้อย่างประทับใจ
Signature Cocktails
สำหรับความพิเศษในโซน Brass Bar พร้อมเสิร์ฟหลากหลายเมนูเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ค็อกเทล เหมาะสำหรับจิบระหว่างมื้ออาหาร แนะนำ Can Can Fizz (350 บาท) เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของ Boodle Gin ผสานรสชาติหอมหวานกลิ่นแบล็คเคอร์แรนท์ด้วย Crème de Cassis และส้มยูซุ ก่อนจะท็อปด้วย Thomas Henry Spicy Ginger Ale ให้กลิ่นหอมอ่อน ๆ พร้อมรสชาติเปรี้ยวอมหวาน เหมาะกับการจิบระหว่างทานอาหารในมื้อค่ำ
สำหรับใครที่ไม่ชอบดื่มค็อกเทล แนะนำ Yusu Sour (195 บาท) อันเต็มไปด้วยส่วนผสมของน้ำส้มยูซุ มะนาว และพีชไซรัป พร้อมเพิ่มความหอมให้มากขึ้นด้วยการนำไปเชคกับใบมะกรูด แล้วท็อปด้วย Perrier น้ำแร่รสซ่าจากฝรั่งเศส สำหรับแก้วนี้ให้รสชาติเข้มข้น ดื่มแล้วสดชื่น
ปิดท้ายค่ำคืนที่แสนพิเศษอย่าง All Day Long (195 บาท) เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำเสาวรส ผสมกับน้ำส้มแท้ และมะนาว เชคให้เข้ากันด้วยน้ำแข็ง ก่อนจะเพิ่มความสดชื่นด้วย Perrier น้ำแร่รสซ่าจากฝรั่งเศส ให้รสหวานผสมผสานความเปรี้ยวนิด ๆ เป็นการปิดท้ายความสดชื่นในยามค่ำคืนอย่างสมบูรณ์แบบ