French Brasserie in Sukhumvit
หากเดินเข้ามาในซอยสุขุมวิท 11 จะพบกับร้านอาหารฝรั่งเศสที่โดดเด่นด้วยการตกแต่งสไตล์ย้อนยุคในช่วงทศวรรษ 1930 กับ Brasserie Cordonnier ร้านอาหารที่คงกลิ่นอายฝรั่งเศสไว้ใจกลางกรุงเทพฯ โดยเป็นหนึ่งในแบรนด์ของกลุ่ม SOHO Hospitality ผู้อยู่เบื้องหลังอาหารในกรุงเทพฯ มากมายอย่าง Havana Social, Cantina, Above Eleven และ Charcoal ซึ่งที่นี่จะเน้นเสิร์ฟเมนูต้นตำรับฝรั่งเศสเหมือนนั่งในร้านอาหารกรุงปารีสเลยทีเดียว
Back To 1930's
การตกแต่งภายในชวนให้คิดถึงช่วงสมัยปี 1930 ผสมกับเอกลักษณ์ของบราสเซอรี่ไม่ว่าจะเป็นกระเบื้องลวดลายต่าง ๆ เก้าอี้สาน โทนสีน้ำเงินบนผ้าใบหน้าร้าน ตลอดจนขอบสีน้ำเงินบนขอบจาน
Cordonnier Déco
นอกจากนี้ยังตกแต่งผนังด้วยภาพต่าง ๆ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการทำรองเท้า เพราะเมื่อพูดถึงฝรั่งเศส ผู้คนมักจะนึกถึงอาหารและแฟชั่นเป็นหลัก ด้วยเหตุนี้ทางร้านจึงเชื่อมโยงระหว่างอาหารกับแฟชั่นเข้าด้วยกัน โดยนำเสนอแฟชั่นในมุมมองช่างทำรองเท้า (Cordonnier) ในขณะเดียวกันก็สอดแทรกศิลปะฝรั่งเศสในแต่ละเมนูอีกด้วย
French Cuisine & More
สำหรับอาหารของที่นี่ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะได้เชฟ Clement Hernandez ลูกครึ่งฝรั่งเศส - สเปน มาเป็นเอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟครีเอทเมนูฝรั่งเศสต้นตำรับทั้งเมนูทั่วไปและเมนูพิเศษที่หาทานได้ยาก โดยผสมผสานระหว่างวิธีการปรุงอาหารแบบดั้งเดิมและเทคนิคสมัยใหม่
เริ่มต้นด้วย Foie Gras Terrine Cordonnier (560 บาท) เมนูทานเล่นที่เชฟนำตับไปหมักเกลือและพริกไทยข้ามคืน จากนั้นนำไปทำให้สุกแล้วผสมให้เข้ากัน นำไปแช่เย็นเพื่อให้เข้ารูปและรสชาติดียิ่งขึ้น มาพร้อมขนมปังอบบริยอช องุ่นสด และชัตนีย์องุ่นโฮมเมดที่คล้ายแยม ให้รสเปรี้ยวหวานตัดกับฟัวกราส์ได้ดี
ต่อด้วย Chilled Ratatouille (280 บาท) อีกหนึ่งเมนูคลาสสิกที่ทำจากมะเขือเทศ 3 ประเภท คือ มะเขือเทศสดจากญี่ปุ่น มะเขือเทศอบแห้ง และมะเขือเทศหมักน้ำส้มสายชูบัลซามิก ท็อปด้วยเมล็ดทานตะวันอบกรอบเพื่อเพิ่มสัมผัสเวลาทาน เป็นหนึ่งในเมนูมังสวิรัติของอาหารฝรั่งเศสทานอาหารฝรั่งเศสทั้งทีต้องสั่งเมนู หอยทากฝรั่งเศสอย่าง Burgundy Snails (390 บาท) หอยทากจากแคว้นเบอร์กันดีที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตหอยทากที่ดีที่สุดของฝรั่งเศส โดยเชฟนำเนื้อหอยมานึ่งพร้อมน้ำสต็อก จากนั้นนำไปย่างและยัดไส้เนย กระเทียม พาร์สลีย์ และ เหล้าพาสติส เพื่อเพิ่มรสชาติและความชุ่มฉ่ำให้กับหอย
มาถึงอาหารจานหลักกับ Beef Bourguignon (520 บาท) แก้มเนื้อวัวออสเตรเลียที่อุดมไปด้วยคอลลาเจน นำไปหมักไวน์แดง จากนั้นนำไปเคี่ยวจนสุกช้า ๆ พร้อมกับหอมใหญ่ เซเลอรี่ กระเทียม และสมุนไพรหลายชนิด พร้อมเพิ่มรสและกลิ่นด้วยไวน์แดง ปิดท้ายด้วยการใส่เห็ด แครอท เบคอน และขนมปังกรอบPost-Dinner
ของหวานถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมื้ออาหารของชาวฝรั่งเศส ด้วยเหตุนี้อาหารทุกมื้อจึงต้องปิดท้ายด้วยของหวานเสมอ ขอแนะนำ Blueberry Clafoutis (240 บาท) ขนมฝรั่งเศสที่หาทานได้ยากในกรุงเทพฯ เนื้อสัมผัสอยู่กึ่งกลางระหว่างครีมกับคัสตาร์ด สอดไส้บลูเบอร์รีและมีกลิ่นซินนามอนเล็กน้อย
French-style Cocktail
บาร์ค็อกเทลของที่นี่ได้กรุ๊ปมิกโซโลจิสต์ของ SOHO Hospitality เป็นผู้ครีเอทสไตล์ค็อกเทลให้มีเอกลักษณ์เฉพาะและเข้ากับธีมร้าน รวมถึงสอดแทรกลูกเล่นให้ผู้ดื่มได้สนุกกับค็อกเทล ซึ่งเมนูค็อกเทลจะมี 3 รูปแบบด้วยกัน L’Artisan จะเป็นคลาสสิกค็อกเทลสไตล์ฝรั่งเศสที่ผสมเหล้าเบลนด์พิเศษจากทางร้าน Fashion เครื่องดื่มทวิสต์จากโอลด์วินเทจค็อกเทลให้มีความร่วมสมัยและมีสีสันยิ่งขึ้น และ Inspiré เมนูค็อกเทลที่ได้แรงบันดาลใจจากศิลปินและบุคคลผู้มีชื่อเสียงชาวฝรั่งเศส
ทางร้านแนะนำ Moulin Sour (390 บาท) เมนูนี้ บาร์เทนเดอร์จะนำแก้วไปรมควันไม้เชอร์รี่เป็นอันดับแรก จากนั้นจะเตรียมค็อกเทลที่เบสด้วยสก็อตช์วิสกี้ที่ร้านเบลนด์เอง พร้อมผสมพอร์ตไวน์ ตามด้วยเห็ดทรัฟเฟิลเพื่อเพิ่มกลิ่น ทำให้ค็อกเทลแก้วนี้มีกลิ่นท่ีโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นของตัวเห็ดทรัฟเฟิลเอง กลิ่นวิสกี้ และควันไม้