Ultimate Place To Celebrate and Indulge
ดื่มด่ำช่วงเวลาแห่งความสุขไปกับการทานมื้อค่ำสุดพิเศษที่ Bull & Bear หนึ่งในห้องอาหารหลักของโรงแรม Waldorf Astoria Bangkok ที่ไม่ว่าโอกาสสำคัญหรือวันไหน ๆ ก็สามารถอิ่มอร่อยกับหลากหลายเมนูปิ้งย่าง อบ และรมควัน ซึ่งมีการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพทั้งประเภทเนื้อสัตว์ต่าง ๆ และอาหารทะเล มาครีเอทเป็นเมนูเฉพาะ เพื่อให้การฉลองค่ำคืนแสนพิเศษระหว่างคุณกับครอบครัว เหล่าผองเพื่อน และคนที่รัก ท่ามกลางวิวเมืองสวย ๆ ใจกลางย่านราชดำริ ณ ห้องอาหารแห่งนี้ ได้มอบความประทับใจให้คุณได้มากกว่าที่เคย
The Dining Room with Stunning Views of Ratchadamri
ทันทีที่ขึ้นมาถึงชั้นที่ 55 ของโรงแรม Waldorf Astoria Bangkok ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องอาหาร Bull & Bear เชื่อว่าหลายคนคงจะสะดุดตากับความอลังการของทิวทัศน์ย่านราชดำริแบบเต็มตาอยู่ไม่น้อย ซึ่งหากมองลงมาจากมุมที่นั่งติดกับกระจกใสด้านบนตัวตึกแล้วละก็ ที่นี่นับว่าเป็นจุดชมวิวเมืองและชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ เลยก็ว่าได้
Bull & Bear ได้รับการออกแบบอย่างสวยงาม โดยบริษัทออกแบบคอนเซ็ปต์และดีไซน์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง AvroKO ด้วยฝีมือของ Mr.William Harris สถาปนิกซึ่งรับหน้าที่ออกแบบภายในห้องอาหารและบาร์ ชั้น 55-57 ของโรงแรม Waldorf Astoria Bangkok โดยเฉพาะ
ภายในห้องอาหาร Bull & Bear มีรูปแบบดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยการจัดวางที่นั่งแบบ Art Deco หรูหราและสง่างาม โดยเฟอร์นิเจอร์ที่นำมาใช้ ส่วนใหญ่นั้นทำมาจากทองเหลือง ออกแบบเป็นรูปทรงเรขาคณิต มีมุมนั่งทานอาหารหลากหลายโซน ทั้งห้อง Private สำหรับจัดเลี้ยงแบบเป็นส่วนตัว มุมโซฟา โต๊ะนั่งสำหรับมาทานกันเป็นคู่และหมู่คณะ มุมเคาน์เตอร์บริเวณครัวเปิด ไปจนถึงมุมเคาน์เตอร์บาร์เครื่องดื่ม ส่วนไฮไลท์การตกแต่งของห้องอาหารนั้นอยู่ที่รูปปั้นขนาดใหญ่บริเวณโซนบาร์ ซึ่งเป็นแบบจำลองมาจากรูปปั้น Bull & Bear (การต่อสู้กันของกระทิงและหมี) ที่มีชื่อเสียง บนถนน Wall Street ของมหานครนิวยอร์ก
Bull & Bear มีชื่อเดียวกันกับร้านอาหารในมหานครนิวยอร์ก โดยได้มีการนำไอเดียรูปปั้นกระทิงและหมีบน Wall Street มาผสมผสานความเป็นไทยผ่านรูปแกะสลักไม้ ซึ่งมีฐานเป็นลวดลายไทย โดยฝีมือช่างไทย รวมถึงฝ้าเพดานด้วยผ้าลายไทยสีแดง โคมไฟเพดานที่ทำจากแก้วลายขนนกซึ่งสถาปนิกได้มีการดีไซน์เพื่อสื่อถึงขนของพญาครุฑ สัตว์วิเศษในวรรณคดีไทย
ด้วยการตกแต่งภายในสุดหรูหรา ประกอบกับทัศนียภาพอันงดงามของกรุงเทพฯ ยามค่ำคืนนี่เอง ทำให้ Bull & Bear กลายเป็นสถานที่สังสรรค์สมบูรณ์แบบที่ควรค่าแก่การมาทานมื้อค่ำ หรือนัดพบปะสังสรรค์ ฉลองเนื่องในโอกาสพิเศษต่าง ๆ อย่างมาก
Specializing in Grilled Meats and Seafood
ตามที่เกริ่นมาแล้วข้างต้นว่า ห้องอาหารแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องเมนูเนื้อย่างและอาหารทะเล มีเคาน์เตอร์ปรุงสดใหม่ให้ผู้ที่มาทานได้เลือกเมนูปิ้ง ย่าง อบ หรือรมควันได้ตามชอบ แต่ละเมนูล้วนผ่านการรังสรรค์อย่างพิถีถันจากเชฟ Patrick Morris เชฟชาวออสเตรเลียผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของการทำอาหารสไตล์ Gastronomy พร้อมเสิร์ฟความอร่อยให้นักชิมสายกริลล์ทั้งหลายได้ลิ้มลอง
สำหรับเมนูแนะนำ เริ่มต้นเรียกน้ำย่อยกันด้วย Tiger Prawn Cocktail (580 บาท) กุ้งลายเสือย่างขนาดไซส์จัมโบ้ที่ทาด้วยเนย หมักด้วยซอสพริกศรีราชาสูตรพิเศษ ซึ่งทางเชฟได้นำมาผสมเข้ากับซอสทาบาสโก้และไข่ ก่อนจะนำไปรมควันกับไม้แอปเปิ้ลนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย จนได้เนื้อครีมเข้มข้นขลุกขลิก รสชาติเข้ากันดีกับเนื้อกุ้งแน่น ๆ และความเนียนนุ่มของเนื้ออะโวคาโดที่เสิร์ฟมาในถ้วยค็อกเทล
แล้วอุ่นท้องแบบเบา ๆ กันต่อกับ Bull & Bear Chowder (350 บาท) เมนูซุปข้าวโพดรมควันที่ทำออกมาในสไตล์ของฝรั่งเศส ให้ความเข้มข้นเป็นพิเศษ โดยแบ่งส่วนผสมออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่เป็นฟองโฟมและน้ำซุปข้นที่มีส่วนผสมของผักชี พริกเม็กซิกัน และพริกไทยด้วย ให้รสชาติหวานผสานความเผ็ดร้อนในชามเดียว
เพิ่มความอิ่มของเซ็ตเมนู Starter มากขึ้นอีกนิดกับ Jumbo Crab Cake (800 บาท) คร็อกเก้ปูหรือทอดมันปูก้อนโตที่ทำมาจากเนื้อปู Alaskan King Crab ล้วน ๆ นำมาผสมเข้ากับไข่ข้น ๆ จนได้เนื้อ Crab Cake รสกลมกล่อมเต็ม ๆ คำ เสิร์ฟมาพร้อม Smoked Remoulade ซอสครีมเข้มข้นสไตล์ฝรั่งเศส เสริมรสชาติอาหารจานนี้ให้อร่อยลงตัวมากขึ้น
ก่อนจะจัดเต็มกับอาหารจานหลัก ทางห้องอาหารแนะนำให้ลองสั่ง Side Dish อีก 2 เมนูนี้มาทานคู่กัน เมนูแรกคือ Truffle MAC & Cheese (220 บาท) เมนูยอดนิยมของ Bull & Bear ที่รวมเอาวัตถุดิบที่มีความพิเศษมาไว้ในจานเดียว เป็นการนำมักกะโรนีมาผสมกับชีสถึง 3 ชนิด รวมถึงมีส่วนผสมของทรัฟเฟิลออยล์ ซึ่งเวลาทานจะได้กลิ่นหอมของเห็ดทรัฟเฟิลเป็นพิเศษ
ตามมาด้วยเมนูที่ 2 กับ Braised Cabbage (180 บาท) กะหล่ำม่วงตุ๋นสูตรพิเศษที่เชฟนำกะหล่ำปลีสไลด์มาตุ๋นจนได้รสหวานกลมกล่อม แล้วนำกะหล่ำปลีไปผัดกับเบคอนแบบไร้น้ำมัน เพื่อให้น้ำมันจากเบคอนมาช่วยเพิ่มความหอมแบบรมควันนิด ๆ ให้กับตัวกะหล่ำตุ๋น
และเมื่อถึงคิวของอาหารจานหลัก พลาดไม่ได้กับ Bone in Ribeye (6,000 บาท) สุดยอดเมนูไฮไลท์ สเต๊กเนื้อวากิวขนาด 900 กรัม ที่ผ่านกรรมวิธี Dry Aged บ่มเนื้อวัว ภายในตู้แช่แข็ง โดยให้ไขมันส่วนเกินบริเวณเนื้อส่วนต่าง ๆ ของวัวไหลออกมาจนแห้งสนิท ทำให้เนื้อวัวนุ่มและมีรสชาติที่เข้มข้นมากขึ้น นานถึง 55 วัน ก่อนจะนำไปย่างไฟบนเตาถ่านขนาดใหญ่ที่ทางห้องอาหารสั่งทำเป็นพิเศษ นำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย ทำให้ได้เนื้อย่างที่มีความฉ่ำนุ่มและกรุ่นกลิ่นหอมรมควันเป็นพิเศษ เสิร์ฟมาบนถาดไม้ พร้อมกับซอสหลากหลายชนิดที่มีให้เลือกจิ้มตามชอบ
เอาใจสาย (ชอบทาน) เนื้ออีกสักหน่อยกับเมนู Rack of Western Australian Lamb (1,300 บาท) เนื้อซี่โครงแกะนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย ที่ปรุงรสชาติด้วยพริกไทยและเลมอนจนได้เนื้อแกะนุ่ม ๆ ชุ่มฉ่ำซอสสูตรเฉพาะของเชฟ แล้วท็อปด้านบนด้วยใบไทม์ เสิร์ฟมาพร้อมกับแครอทย่างรสหวานแสนอร่อย
ส่วนใครที่ไม่ทานเนื้อ สามารถสั่งเมนูปิ้งย่างอาหารทะเลมาทานแทนได้ แนะนำให้ลองสั่ง Char Grilled Tiger Prawn (1,250 บาท) กุ้งลายเสือย่างซอสขนาดไซส์จัมโบ้ ที่เพิ่มรสกลมกล่อมด้วยเนย เติมความหอมด้วยใบไทม์ ใบพาสลีย์ และเลมอน พร้อมเพิ่มความเผ็ดร้อนด้วยพริกไทย
Cheers!
ปิดท้ายมื้อค่ำสุดประทับใจด้วยเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของห้องอาหารอย่างเมนูที่มีชื่อว่า Waldorf Sharing Old Fashioned (420 บาท) ค็อกเทลที่เบสรสชาติด้วยวิสกี้ Mitcher’s American Bourbon กรุ่นกลิ่นหอมด้วย Aromatic Bitters แล้วมิกซ์ส่วนผสมที่มาเพิ่มความหอมหวานให้แก้วนี้ด้วย Maple Honey Syrup ก่อนจะคนเข้าด้วยกัน ตามมาด้วยเปลือกส้ม และ Orange Oil ที่ให้ความหอมสดชื่น เสิร์ฟพร้อมการรมควันไม้แอปเปิ้ลลงในแก้ว On The Rock เพื่อให้กลิ่นหอมอบอวลของควันนั้นผสมเข้ากับตัวค็อกเทล ให้ได้รสชาติกลมกล่อม แฝงไว้ด้วยกลิ่นหอมของส่วนผสมแต่ละตัวแบบชัดเจนมากยิ่งขึ้น
สำหรับเทศกาลแห่งความสุขและรอยยิ้มที่ใกล้เข้ามานี้ เลือกเฉลิมฉลองมื้อพิเศษกับคนพิเศษ ณ ห้องอาหาร Bull & Bear เลือกอิ่มอร่อยกับหลากหลายเมนูสเต๊ก และอาหารทะเลระดับสุดพรีเมี่ยมจากเมนูปกติ หรือวัตถุดิบสุดพิเศษที่เชฟได้เลือกสรรโดยเฉพาะสำหรับเทศกาลนี้เท่านั้น ทั้งนี้สามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้าในการการันตีค่าใช้จ่ายในราคา 7,500 บาทต่อท่านสำหรับคืนวัน Christmas Eve และ Christmas Day (24 และ 25 ธันวาคม) และในราคา 10,000 ต่อท่านสำหรับคืนวันเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ New Year’s Eve celebrations (31 ธันวาคม) ดินเนอร์ในบรรยากาศสุดพิเศษ พร้อมชมแสงสีของพลุและไฟประดับใจกลางย่านราชประสงค์ได้อย่างประทับใจ
Must Read!
- การทานอาหารที่ Bull & Bear ค่อนข้างได้รับความนิยมอย่างมาก แนะนำให้จองล่วงหน้าก่อนอย่างน้อย 1 วัน