Train from Burapa
บูรพา คือเรื่องราวการเดินทางของอาหารจากภาคตะวันออก ต่อเนื่องมาจาก ศรีตราด ร้านอาหารไทยชื่อดังที่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยด้วยเมนูอาหารไทยสูตรต้นตำรับของจังหวัดตราด สำหรับการเดินทางในภาคต่อครั้งนี้ ได้เพิ่มความพิเศษด้วยการนำเสนอเมนูอาหารที่ครอบคลุมไปถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นการเสิร์ฟอาหารอีสานระหว่างที่กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองกรุง ถ่ายทอดความอร่อยผ่านเรื่องราวการเก็บเกี่ยววัตถุดิบชั้นดีระหว่างทาง มารังสรรค์เป็นจานสุดพิเศษที่มีรสชาติโดดเด่น พร้อมชูเรื่องวัตถุดิบจากภาคตะวันออกของไทยให้เหล่านักชิมได้สัมผัสถึงรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ไหน ๆ ในบรรยากาศของโบกี้รถไฟสุดหรู
“ที่บูรพาเราเสิร์ฟอาหารอีสานจากรสมือของคนภาคตะวันออกครับ ตามทิศการเดินทางของพระอาทิตย์ที่ขึ้นในฝั่งตะวันออกเสมอ ในเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก ด้านนี้เป็นตะวันออกอยู่แล้ว เราเลยรวมความเป็นตะวันออกไว้ด้วยกันทั้งหมดและเลือกใช้รถไฟเป็นสัญลักษณ์ของการเดินทางที่เคลื่อนตัวจากทิศบูรพาหรือทิศตะวันออกไปยังจุดหมายในครั้งนี้”
เรื่องราวของรถไฟขบวนนี้ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านน้ำเสียงนุ่ม ๆ และรอยยิ้มของ คุณแอ็ค-วงศ์วิชญ์ ศรีภิญโญ ผู้ขับเคลื่อนรถไฟจากทิศบูรพาขบวนนี้เข้าสู่เมืองกรุง
ด้านการตกแต่ง คุณแอ็คตั้งใจเลือกใช้สี Pantone ของนกยูงมาเป็นกิมมิก แทนสัญลักษณ์ของตะวันออกอีกเช่นเดิม โดยแต่ละชั้นจะมีโทนสีที่ต่างกัน ได้แก่ สีเขียว สีม่วง และสีแดง ภายในร้านถูกแบ่งออกเป็นชั้น Business Class และชั้น First Class เต็มไปด้วยบรรยากาศของงานศิลปะยุค 1940 ตรงกับช่วงยุคสมัยสงครามโลก ซึ่งเป็นยุคที่รถไฟเฟื่องฟูที่สุด
Along the Way
การกลับมาอีกครั้งของรถไฟสายบูรพา ที่ในครั้งนี้ขอเดินทางจากจังหวัดตราดออกไปแวะเวียนตามเส้นทางต่าง ๆ ก่อนจะไปถึงปลายทางในภาคอีสาน โดยมาคอนเซ็ปต์ของการ Testing Menu (1,650 บาท) การผสานวัฒนธรรมทางอาหารและความคิดของภาคตะวันออก - อีสานเอาไว้ด้วยกัน ซึ่งทางร้านออกไปเฟ้นหาวัตถุดิบกันตามพื้นที่ต่าง ๆ จนได้ผักพื้นบ้านหลากหลายชนิดตามเส้นทางของเส้นทางรถไฟสายนี้ มารังสรรค์เป็นคอร์สเมนูอาหารไทยที่แปลกใหม่ พร้อมประยุกต์วิธีการทำแบบไทย ๆ ให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
มาเริ่มต้นกันที่จานแรกอย่าง “ข้าวตังหน้ามันปูทะเล” เมนูอ่องปูนาที่มีส่วนผสมของมันปูทะเลและกะทิทำเองสูตรพิเศษของร้านผสานกับเครื่องแกงตะวันออก ปรุงรสด้วยดอกเกลือจันท์ เสิร์ฟมาบนข้าวตังที่ใช้ข้าวโจ๊กทอดพร้อมกับผักกะสัง พืชไม้เลื้อยที่มีมูลค่าแต่กลับถูกมองข้าม แนะนำให้ทานพร้อมกันในหนึ่งคำ จะได้รสชาติที่กลมกล่อม ลงตัว
จานถัดไปเป็น “เมี่ยงเนียมหูเสือปลาเห็ดโคน” ที่ทางร้านนำปลาเห็ดโคนไปนวดกับกะทิและน้ำตาลอ้อย จนได้รสหวานเค็มมัน กินเคียงกับใบหูเสือหรือที่ภาษาอีสานเรียกว่าเนียมหูเสือ เป็นผักพืชบ้านที่มีกลิ่นคล้ายออริกาโน ได้ความหอมละมุน มีส่วนช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
ไปต่อกันที่ “ไข่ปลาหมึกทอด ซอสใบชะมวง” ที่ทางร้านเลือกใช้หมึกกระดองทอดกรอบส่งตรงจากกลุ่มประมงแหลมทองจากจังหวัดตราด เสิร์ฟมาพร้อมกันกับซอสใบชะมวง ผลไม้ที่มีรสชาติเปรี้ยว นำไปเคี่ยวกับน้ำตาลมะพร้าว ได้ความหอม กลมกล่อม มีรสชาติของมะขามเล็กน้อย ที่ช่วยเพิ่มให้เมนูนี้มีมิติมากยิ่งขึ้น
สำหรับใครที่ชอบกินผัก ทางร้านมี “สลัดแมงกะพรุนดองเซี่ยบ ผักหิ่น และน้ำสลัดถั่วตัดกับน้ำส้มมะปี๊ด” เมนูที่ได้กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นเล็กน้อยจาก ‘ผักกาดหิ่น’ ผักพื้นบ้านที่ให้รสชาติและกลิ่นคล้ายกับวาซาบิ คลุกเคล้ากับน้ำสลัดถั่วตัด โดยมีพระเอกของจานนี้เป็น แมงกะพรุนลอดช่อง ที่ทางร้านนำแมงกะพรุนไปมาริเนตให้เข้ากันกับน้ำส้มมะปี๊ด ก่อนจะนำไปอินฟิวส์กับพริก ได้รสเผ็ดเล็กน้อย ท็อปด้านบนด้วยใบผีเสื้อราตรี ผักชนิดหนึ่งที่ให้รสชาติคล้ายแอปเปิ้ล เป็นหนึ่งเมนูที่ช่วยเติมความสดชื่นได้เป็นอย่างดี
ส่วนใครที่กำลังรอเมนูซุปซดคล่องคอ ยังมี “เงาะยัดไส้หมูสับในแกงจืดแตงกวาเย็น” เมนูที่ได้อิทธิพลมาจากจังหวัดตราด เพราะเป็นจังหวัดที่คนนิยมนำผลไม้มาปรุงอาหาร หนึ่งในเมนูยอดนิยมคือ แกงจืดเงาะ ที่ทางร้านนำมาดัดแปลงให้เป็นเมนูเย็น ได้รสชาติที่ชัดเจนของแกง
“ต้มเก้อกุ้ง หน่อไผ่หวาน” หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า ‘แกงขาว’ เมนูแกงกะทิขาวของชาวภาคตะวันออกที่มีส่วนผสมของกะทิและน้ำมะพร้าว ผสมผสานกับกะปิจากเกาะช้าง โดดเด่นด้วยหน่อไม้ไผ่หวาน ผักพื้นบ้านที่มีเฉพาะหน้าฝน โดยเบสความอร่อยของจานนี้อยู่ที่กุ้งแห้ง กะปิ น้ำมะพร้าวและกลิ่นหอม ๆ ของมะนาวสด ที่เมื่อปรุงออกมาเข้ากันแล้วได้ความหอมละมุนชวนให้ลิ้มลอง
จานต่อไปเป็นเมนูที่หนักท้องขึ้นมาหน่อยอย่าง “แกงกะหรี่ลิ้นวัวทุเรียนย่าง” เมนูที่ได้แรงบันดาลใจมาจากชุมชนชาวอิสลามในจังหวัดตราด โดยทางร้านเลือกใช้ลิ้นวัวเคี่ยวกะทินานกว่า 4 ชั่วโมงจนนุ่มละมุนลิ้น เสิร์ฟมาพร้อมกับทุเรียนย่าง ได้รสชาติเข้มข้นจากเครื่องแกง เคียงมากับมะม่วงหาวมะนาวโห่ มันแกว ผักปลัง แนะนำให้ทานคู่กันกับจานถัดไปอย่าง "ปลาเห็ดโคนทอดขมิ้น" ปลาเห็ดโคนทอดกรอบที่ได้กลิ่นหอมจากสมุนไพรและขมิ้น ทานได้เพลิน ๆ คู่กับแกง
มาถึงความเข้มข้นของเมนู “หมึกกะปิป่า” ปลาหมึกกล้วยจิ๋วสด ๆ ที่คัดสรรจากจังหวัดตราดมาผสมผสานกับน้ำพริกแกงป่าที่มีส่วนผสมของสมุนไพรกว่า 20 ชนิด ได้ความหอมหวานจากยอดมะพร้าว เป็นเมนูที่มีรสชาติจัดจ้าน แนะนำให้ทานต้มเก้อดับความเผ็ด
ส่วนใครที่เป็นสายแซ่บลองเป็น “น้ำพริกหมูชะมวง” น้ำพริกรสจัดจ้านที่นำเสนอความกลมกล่อมและความเข้มข้นของน้ำพริกสไตล์ไทย เสิร์ฟมาคู่กับผักเคียง เป็นเมนูที่รับรองว่าถูกปากถูกใจคนไทยอย่างแน่นอน
กินคาวเรียบร้อยแล้ว มาเข้าสู่เมนูของหวาน เริ่มต้นที่ “ส้มฉุนกรานิต้า” ที่ให้รสเปรี้ยวอมหวาน สดชื่น ต่อไปพบกับจานถัดไปอย่างเมนูขนมหวานที่สามารถเลือกได้ระหว่าง “ไอศกรีมงาดำและกระบกน้ำตาลอ้อย” ไอศกรีมงาดำที่เสิร์ฟมาพร้อมกับข้าวเกรียบงาและ ‘กระบก’ หรืออีกชื่อหนึ่งคืออัลมอนด์ป่าที่ทางร้านเอาไปควาดกับน้ำตาลจนได้รสหวาน ทานคู่กับไอศกรีมเข้ากันได้เป็นอย่างดี หรือจะลองเป็น “ขนมหม้อแกงฟักทองย่างและไอศกรีมหอมเจียว” ขนมหม้อแกงเนื้อเนียนสูตรเฉพาะของศรีตราดที่เสิร์ฟมาพร้อมกับไอศกรีมและกระบกให้ทานกรุบกรอบคู่กัน
