The Perfect Dining Space in Kaset Nawamin
ชวนมาสัมผัสความอร่อยกับหลากหลายเมนูอาหารและเครื่องดื่มสุดพิเศษที่ Caishen Thailand ร้านอาหารบรรยากาศสุดหรูบนถนนเกษตรนวมินทร์ ที่ได้รับแรงบันดาลใจของชื่อร้านมาจากเทพเจ้าแห่งความเจริญรุ่งเรืองของจีน ซึ่งสอดคล้องกับสโลแกนของทางร้านอย่าง 'Rich & Tasty' พร้อมมอบช่วงเวลาสุดพิเศษให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับหลากหลายเมนูอาหารแนวฟิวชันท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ สไตล์ตะวันตก
Rich and Tasty Concept
Caishen Thailand พร้อมต้อนรับทุกคนด้วยบรรยากาศอบอุ่นแบบเป็นกันเอง หากก้าวเข้ามาในร้านจะต้องสะดุดตากับมุมเคาน์เตอร์บาร์ปูนเปลือยสีเขียวที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ โดดเด่นด้วยการตกแต่งสไตล์ Industrial Loft ที่มีความทันสมัย ผสมผสานความดิบเท่ด้วยโทนสีดำตัดกับสีน้ำตาล แฝงกลิ่นอายความหรูหราด้วยโลหะและหินอ่อน พร้อมทั้งเสริมความวินเทจด้วยเบาะหนังสุดคลาสสิก เป็นการมิกซ์แอนด์แมทช์ทุกอย่างเข้ากันได้อย่างลงตัว
อีกหนึ่งความพิเศษของทางร้าน คือต้องการสร้างพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นคอมมูนิตี้ของเหล่านักเล่นหุ้น อันเนื่องมาจากครอบครัวของทางเจ้าของร้านได้คลุกคลีกับวงการหุ้นมาตลอด จึงเกิดไอเดียในการเปิดพื้นที่ให้กลุ่มคนเหล่านี้ได้เข้ามาใช้เวลาพักผ่อนไปพร้อมกับทานอาหารและจิบเครื่องดื่มดี ๆ ระหว่างกำลังเพลิดเพลินอยู่กับจอแสดงหุ้นที่เป็นกิมมิกของทางร้าน
ทางร้านมีมุมที่นั่งให้เลือกหลากหลายโซน ทั้งบริเวณโซน Dining สำหรับนั่งทานอาหารมื้ออร่อย และโซน Relax สำหรับนั่งจิบเครื่องดื่มท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ และนอกจากนี้ ยังมีโซนด้านนอกที่สามารถนั่งทานอาหารในบรรยากาศแบบ Outdoor ได้เช่นกัน
Enjoy Delicious Food
ในส่วนของเมนูอาหาร ทางร้านจะเน้นเสิร์ฟเมนูฟิวชันสไตล์ตะวันตก แนว Comfort Food ที่คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดี พร้อมการันตีความอร่อยด้วยการปรุงแบบสดใหม่ในทุกจาน เริ่มความอร่อยกันที่เมนูแนะนำอย่าง Italian Sausage Aglio Squid Ink (240 บาท) สปาเก็ตตี้เส้นดำผัดพริกแห้ง ที่คลุกเคล้าด้วยกันกับไส้กรอกอิตาเลียน พร้อมเพิ่มความจัดจ้านด้วยพริกและกระเทียม แล้วท็อปด้วย Parmesan Cheese ปิดท้าย ให้สัมผัสถึงความเหนียวนุ่มของเส้นสปาเก็ตตี้แบบกำลังดี ได้รสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นเครื่องเทศชัดเจน
สำหรับคนรักสุขภาพต้องห้ามพลาดกับเมนู Caesar Salad (240 บาท) ซีซาร์สลัดที่โดดเด่นด้วยน้ำสลัดสูตรพิเศษ ผสมผสานความหอมอร่อยด้วยเบคอนและแผ่นชีสทอดกรอบ อีกทั้งยังเพิ่มสีสันชวนทานมากขึ้นด้วยมันม่วงสไลซ์บางทอดกรอบ เสิร์ฟมาพร้อมกับไข่ลวก ให้รสชาติกลมกล่อม หอมมัน เหมาะสำหรับคนชอบทานแบบคลีน ๆ
ตามมาด้วยอีกหนึ่งเมนูขึ้นชื่อของทางร้าน แนะนำ Pork Chop (380 บาท) สเต๊กเนื้อพอร์คช็อปที่ย่างมาแบบสุกกำลังดี เสิร์ฟมาพร้อมซอสราสพ์เบอร์รีสูตรโฮมเมดที่ทางร้านทำเอง ทานคู่กับผักย่างและมันม่วงทอดกรอบ ให้สัมผัสถึงความนุ่มละมุนของเนื้อแบบเต็มคำ พร้อมรสชาติกลมกล่อมและเปรี้ยวนิด ๆ จากซอสราสพ์เบอร์รีที่ตัดเลี่ยนได้เป็นอย่างดี
Refreshing with Your Favorite Drinks
จากนั้นมาเติมความสดชื่นกันด้วยเมนูเครื่องดื่มซิกเนเจอร์อย่าง Pinoffee (150 บาท) เมนูเครื่องดื่มที่รวมสองรสชาติไว้ในแก้วเดียวกัน เต็มไปด้วยส่วนผสมของน้ำผลไม้อย่างเสาวรสและสับปะรด ให้รสชาติเปรี้ยวอมหวาน ดื่มแล้วสดชื่น พร้อมเสริมความเข้มเข้นด้วยกาแฟอเมริกาโน่ที่เข้ากันได้อย่างลงตัว
อีกหนึ่งเมนูยอดฮิต ต้องลอง Macadamia Affogato (160 บาท) ไอศกรีมแมคคาเดเมียราดด้วยเอสเพรสโซช็อตแบบชุ่มฉ่ำ ให้รสชาติหวานมันจากไอศกรีมที่ผสมผสานความเข้มข้นและกลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟได้แบบพอดี อีกทั้งยังเพิ่มความกรุบกรอบด้วยถั่วแมคคาเดเมียให้เคี้ยวแบบเพลิน ๆ
หากใครชอบทานสมูทตี้ แนะนำ Strawberry Banana Yogurt (160 บาท) ที่มีส่วนผสมของผลไม้อย่างสตรอเบอร์รีและกล้วย นำมาปั่นรวมกันกับโยเกิร์ต แล้วท็อปด้วยธัญพืชอบกรอบ ซึ่งความพิเศษอยู่ที่การใช้ความหวานธรรมชาติจากน้ำผึ้งแทนน้ำตาล ทำให้เรามั่นใจได้ว่าทุกคำที่ทาน นอกจากจะได้ความหวานจากธรรมชาติของผลไม้แบบเน้น ๆ แล้ว ยังได้ประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน
Recommended Dessert
ปิดท้ายด้วยเมนูขนมหวานน่าลองอย่าง Banoffee (120 บาท) บานอฟฟี่ที่ทางร้านคิดค้นและครีเอทสูตรความอร่อยขึ้นเองแบบสูตรเฉพาะ โดดเด่นด้วยซอสคาราเมลที่ทางร้านเคี่ยวเอง ทำให้ได้ความหอมหวานแบบกำลังดี เสิร์ฟมาพร้อมวิปครีมนุ่มละมุน ทานคู่กับกล้วยหอมที่ทางร้านครีเอทมาในลักษณะคล้ายเครมบรูเล ให้สัมผัสถึงกลิ่นหอมของน้ำตาลไหม้แบบเต็มคำ