First Cantonese Omakase in Thailand
สัมผัสประสบการณ์ใหม่ในการทานโอมากาเสะให้พิเศษกว่าที่เคยกับคอร์สโอมากาเสะสไตล์จีนกวางตุ้งที่ Chai Jia Chai ซึ่งนับเป็นที่แรกในประเทศไทยที่เสิร์ฟโอมากาเสะสไตล์จีนกวางตุ้งแบบนี้ โดยคัดสรรเฉพาะวัตถุดิบชั้นดีแบบวันต่อวัน เพื่อให้ได้รสชาติที่สดใหม่ตามสไตล์อาหารกวางตุ้งที่เน้นการดึงความสดอร่อยของวัตถุดิบออกมาให้ทุกคนได้ลิ้มลองกัน โดยฝีมือของเชฟมากประสบการณ์อย่าง ‘เชฟไช่’ ที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการทำอาหารมานานกว่า 23 ปี จากหลากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ออสเตรเลีย โปแลนด์ เซี่ยงไฮ้ หนานจิง รวมถึงประเทศไทย อีกทั้งยังมีประสบการณ์ในการทำอาหารจีนจากห้องอาหารระดับมิชลินสตาร์จากสาธารณรัฐประชาชนจีนอีกด้วย
Welcome to Chai Jia Chai
‘Chai Jia Chai’ เป็นภาษาจีนที่หมายถึง ‘Chai’ ชื่อของเชฟไช่ ‘Jia’ หมายถึงบ้าน และ ‘Chai’ ตัวสุดท้ายหมายถึงอาหาร ซึ่งแปลความหมายโดยรวมได้ว่า ร้านอาหารที่เป็นเหมือนบ้านของเชฟไช่ ทำให้ที่นี่พร้อมเปิดต้อนรับทุกคนด้วยความอบอุ่นแบบเป็นกันเอง ให้ความรู้สึกสบาย ๆ เหมือนมาทานข้าวที่บ้าน ท่ามกลางการตกแต่งอย่างหรูหรา ที่มาพร้อมมุมที่นั่งแบบเป็นส่วนตัว ไม่ว่าจะมาทานกับครอบครัว เพื่อน หรือคนรัก ก็ต้องประทับใจไปกับบรรยากาศสุดอบอุ่น
Come and Experience The Cantonese Omakase Course
แน่นอนว่าความพิเศษของเมนูอาหารจากทางร้าน อยู่ที่การเน้นเสิร์ฟอาหารสไตล์จีนกวางตุ้งในรูปแบบโอมากาเสะ โดยให้ความสำคัญในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุดในแต่ละช่วงฤดูกาลไปจนถึงเทคนิคของเชฟที่ใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์มานานหลายปี โดยมีให้เลือกทานทั้งหมด 4 คอร์สด้วยกัน เริ่มต้นตั้งแต่ราคา 2,800+ / 3,800+ / 4,800+ ไปจนถึง 5,800+ บาท (ต้องจองล่วงหน้าก่อนเท่านั้น)
เปิดประสบการณ์การทานโอมากาเสะสไตล์จีนกวางตุ้งในคอร์ส 2,800+ บาท เริ่มกันที่เมนูเรียกน้ำย่อยในจานแรกที่เชฟเสิร์ฟมาให้ทาน 3 คำด้วยกัน คำแรกเป็นอะโวคาโดบดท็อปด้วยหอยเป๋าฮื้อ ราดด้วยซอสเสฉวนสูตรเฉพาะของเชฟ ถัดมาเป็นไข่ปลากระบอก ซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของไต้หวัน ให้รสชาติหอมมันพอดีคำ ก่อนจะปิดท้ายกันด้วยปลาทอดที่ท็อปมาด้วยขิงทอด ช่วยเรียกน้ำย่อยก่อนไปทานเมนูถัดไป
เสิร์ฟความอร่อยตามมาติด ๆ กับเมนูที่สองอย่าง ‘ทาร์ตโอโทโร่’ ที่ปรุงรสด้วยต้นหอมและพริกไทยดำ จนได้รสชาติหอมกลมกล่อม ท็อปด้วยอูนิและคาเวียร์ ก่อนจะรมควันอีกชั้นเพื่อเพิ่มมิติในการทาน คำนี้ให้สัมผัสถึงความกรุบกรอบของตัวทาร์ตที่เข้ากันได้ดีกับทั้งสามวัตถุดิบ
มาต่อกันที่อีกหนึ่งเมนูที่น่าสนใจอย่าง ‘กุ้งแดงอาร์เจนตินา’ ที่ทางเชฟนำไปดองกับเหล้าจีนและบ๊วยเป็นเวลา 1 วัน จนได้เนื้อกุ้งที่มีรสชาติหวานนุ่ม เสิร์ฟพร้อมไข่ที่ใช้วิธีการดองแบบเดียวกัน จากนั้นเชฟจะโรยด้วยดอกหอมหมื่นลี้ปิดท้ายเพื่อสร้างรสชาติให้กลมกล่อมเข้ากันกับความหวานของเนื้อกุ้ง
มาถึงเมนูทานเล่นอันเป็นที่นิยมของชาวไต้หวันอย่าง ‘ปลาหมึกชุบแป้งทอด’ ที่เชฟจะนำปลาหมึกไปบดก่อนจะนำมาชุบแป้งแล้วทอดจนกรอบ เสิร์ฟพร้อมผักที่ราดด้วยซอสที่มีส่วนผสมของถั่วลิสงและเต้าเจี้ยว เมื่อทานพร้อมกันจะช่วยเสริมความอร่อยของจานนี้ให้มากยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งเมนูไฮไลต์ของคอร์สนี้ ขอยกให้กับเมนูที่ใช้เทคนิคแบบจีนกวางตุ้งอย่าง ‘เนื้อปลา’ ที่เชฟนำไปนึ่งจนได้เนื้อสัมผัสที่นุ่ม ก่อนจะนำมาอบกับขิง ต้นหอม หัวหอม และกระเทียม เพื่อชูรสชาติให้จานนี้พิเศษมากยิ่งขึ้น พร้อมเสริมรสชาติเข้มข้นด้วยซอสสูตรแต้จิ๋วเป็นการปิดท้าย
พักเบรกด้วยเมนูเบา ๆ อย่าง ‘ซุปกระดูกปลา’ ที่เคี่ยวด้วยไฟแรงจนได้น้ำสีขาว จากนั้นเชฟจะนำมาต้มกับบวบและกระเทียม เสิร์ฟมากรุ่น ๆ ให้ซดเพลิน ๆ ระหว่างรอจานต่อไป
ส่วนใครเป็น Beef Lovers ต้องถูกใจกับจานนี้ เสิร์ฟมาเป็น ‘เนื้อออสเตรเลีย’ ที่เชฟนำไปชุบแป้งก่อนจะทอดจนกรอบ พร้อมเสริมความอร่อยอย่างสมบูรณ์แบบด้วยกานาฉ่ายทอด ให้ทานคู่กับซอสที่ทำมาจากน้ำของเนื้อที่ผ่านการซูวี ทำให้จานนี้เต็มไปด้วยความกลมกล่อมที่คุณต้องหลงรัก
มาถึงเมนูสุดพิเศษที่พลาดไม่ได้อย่าง ‘ข้าวต้มกุ้งมังกร’ ที่เชฟจะนำกุ้งมังกรไปต้มทั้งตัว เพื่อให้รสชาติและความหอมมันของกุ้งออกมาในน้ำอย่างเต็มที่ ก่อนจะนำมาต้มกับข้าว แล้วโรยด้วยข้าวพองปิดท้าย ช่วยเพิ่มความกรุบกรอบให้เมนูข้าวต้มแล้วทานกันแบบเพลิดเพลิน
ปิดท้ายคอร์สนี้ด้วยเมนูของหวานอย่าง ‘สาคูมะม่วงปั่น’ ที่ให้รสชาติเปรี้ยวอมหวาน เสิร์ฟมาให้ทานคู่กับแคนตาลูป ช่วยตัดเลี่ยนและเพิ่มความสดชื่นเป็นการปิดท้ายมื้อนี้ได้อย่างน่าประทับใจ