"Live-Fire Cooking"
ชวนมาเล่นกับไฟให้ใจลุกโชน พร้อมเติมเต็มความพิเศษให้มื้ออาหารของคุณด้วยคอร์สที่อบอวลไปด้วยกลิ่น Smoke หอม ๆ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Contemporary Cuisine from Fire x Wood จากวิธีการทำอาหารแบบ "Live-Fire Cooking" รวมไปถึงหลากหลายเมนูที่ถูกรังสรรค์จากวัตถุดิบคุณภาพดี ผ่านฝีมือของเชฟมากประสบการณ์ พร้อมเสิร์ฟให้คุณได้ทานกันแบบกรุ่น ๆ ทุกจานในบรรยากาศแสนคลาสสิกของตึกแถวย่านซอยนานา เยาวราช ที่ โฌณ
โฌณ (Choen) คือร้านอาหารที่เกิดจากความตั้งใจของคุณมิว-เชฟของทางร้าน ที่ต้องการถ่ายทอดประสบการณ์ของมื้ออาหารที่หอมกรุ่น อบอวลไปด้วยกลิ่น Smoke หอม ๆ จากกรรมวิธีการทำอาหารที่ใช้เพียงถ่านจากฟืน โดยความสำคัญอยู่ที่การควบคุมอุณหภูมิของไฟให้พอดีกับอาหารจานต่าง ๆ รวมไปถึงกิมมิกเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ประกอบกันออกมาเป็นจานพิเศษเพียงที่ “โฌณ” นั่นเอง
Open Space Vibes
นอกจากเรื่องเทคนิคการทำอาหารจะน่าสนใจแล้ว บรรยากาศของทางร้านก็เต็มไปด้วยเสน่ห์ไม่แพ้กันจากโครงสร้างอาหารเดิมที่ไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปมาก โชว์โครงสร้างของอิฐปูนแบบเดิม ๆ กันอย่างเต็มตา ในขณะเดียวกัน ก็เข้ากันเป็นอย่างดีกับชุดโต๊ะเก้าดีไซน์เรียบง่ายที่ทางร้านจัดให้ทุกโต๊ะมีความเป็นส่วนตัว แถมได้บรรยากาศโรแมนติกไปพร้อมกัน ส่วนไฮไลต์ของที่นี่ต้องยกให้ส่วนของ Open Kitchen ที่มาพร้อมโซนของเตาถ่านและเคาน์เตอร์จัดเตรียมอาหารยาว ๆ ให้ทุกคนที่แวะเวียนมาได้ชมทุกขั้นตอนการปรุงแต่ละเมนูได้อย่างใกล้ชิด
Contemporary Cuisine from Fire x Wood
ในส่วนของเมนูอาหารเชฟต้องการสื่อสารความซับซ้อนของขั้นตอนการปรุงให้ออกมาเข้าใจง่ายที่สุดสำหรับคนที่แวะมาชิม นำเสนอทุกจานผ่านขั้นตอนการใช้ความร้อนจากฟืน โดยคอร์สอาหารเย็นของทางร้าน 8 คอร์สเมนู ราคา 2,600++ บาท เริ่มต้นที่ส่วนของ Amuse - Bouche เสิร์ฟมา 3 อย่าง คือ แขนงย่างและหมูกรอบ ที่เชฟนำผักแขนงไปแช่กับกะทิ ก่อนจะนำมาย่างจนหอม ส่วนของหมูกรอบผ่านการย่างด้วยไฟอ่อน ๆ เป็นเวลา 4 ชั่วโมง ได้สัมผัสกรอบนอกนุ่มใน แต่ไม่แข็งกระด้าง มาพร้อมน้ำราดจากการเคี่ยวซอสมะเขือเทศให้รสเปรี้ยวตัดกับรสชาติของพริกจินดาและกระเทียม ท็อปด้วยกุ้งป่น ได้สัมผัสครบทุกรสชาติ
ต่อมาที่ หอยเชลล์ย่างกะทิและใบชะคราม เสิร์ฟหอยเชลล์ตัวโตย่างกะทิมาหอม ๆ ท็อปด้วยใบชะมวงที่ให้รสเปรี้ยว และใบชะครามที่ให้รสเค็ม เพิ่มความหอมหวานด้วยมะพร้าวคั่ว รสชาติจัดจ้านด้วยพริกขี้หนูสวน
และจานที่ 3 คือ เนื้อเค็มปิ้งและยำองุ่น โดยจานนี้เชฟย่างเนื้อเค็มให้มีสัมผัสที่กรอบด้านนอก แต่ด้านในยังชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟเคียงมากับยำองุ่นให้สัมผัสสดชื่น มาพร้อมสมุนไพรพื้นบ้านอย่างใบยี่หร่า สาระแหน่ ตะไคร้และใบมะกรูดซอยนั่นเอง
เข้าสู่จานหลักที่ทางร้านตั้งใจนำเสนอกันบ้าง โดยที่นี่จะเสิร์ฟมาแบบ Sharing Menu ตามวิธีคนไทยนั่นเอง เริ่มกันที่ส่วนของซุปร้อน ๆ คล่องคออย่าง ต้มใบมะขามอ่อนปลาเก๋าเพลิงย่าง ชามนี้ความพิเศษอยู่ที่เชฟเลือกใช้ปลาเก๋าเพลิงที่มีสัมผัสเป็นเอกลักษณ์ มาทำการบ่มหรือ Dry Aged เป็นเวลา 3 วัน ก่อนจะวางพักไว้บนเตาให้ได้กลิ่น Smoke อย่างเต็มที่ ส่วนหนังของปลาที่ถูกย่างด้วยไฟอ่อน ๆ จะได้สัมผัสที่กรอบโดยไม่ต้องใช้น้ำมัน ส่วนของน้ำซุปเชฟใช้น้ำสต๊อกไก่จากโครงไก่ย่าง ผสมเข้ากับสต็อกปลาที่เคี่ยวจากก้างปลาเก๋าเพลิงนั่นเอง เทคนิคคือการใส่ข้าวสารไปด้วยเพื่อดับกลิ่นคาวและเพิ่มความกลมกล่อมของน้ำซุปให้รสชาติชัดเจนยิ่งขึ้น เสิร์ฟมาร้อน ๆ พร้อมรสชาติจัดจ้านตามแบบต้มใบมะขามอ่อน ทานกับข้าวสวยร้อน ๆ เข้ากันเป็นอย่างดี
ต่อมาที่จานของ แก้มวัวรมควันและน้ำพริกข่ากับผักดอง ความพิเศษอยู่ที่ส่วนของแก้มวัวผ่านการรมควันนานถึง 5 ชั่วโมงจนได้เนื้อสัมผัสและกลิ่นหอม ๆ ที่ชัดเจน เสิร์ฟมากับน้ำพริกข่า นำ้พริกของทางภาคเหนือที่ให้รสชาติและกลิ่นหอม ๆ ของข่าสด เคียงมากับไฮไลต์ของจานอย่างรากบัวที่ทางร้านดองเอง และผลไม้อย่างชมพู่ที่ช่วยเติมเสริมความสดชื่นให้หนึ่งคำของเมนูนี้มีมิติ ครบรสลงตัวพอดี
จานต่อมาคือ ยำคอหมูรมควันกับแตงกวาญี่ปุ่นและน้ำพริกเผา จานนี้เชฟได้แรงบันดาลใจมาจากเมนู Parma Melon แต่นำมาดัดแปลงให้เข้ากับรสชาติของคนไทยมากขึ้นด้วยการเลือกใช้คอหมูมาแทนส่วนของ Parma นั่นเอง เสิร์ฟเคียงมากับใบโหระพา ท็อปด้วยกุ้งป่นเพิ่มความหอม ส่วนน้ำยำเป็นแบบน้ำพริกเผา เข้มข้นเข้ากันเป็นอย่างดี
สุดท้ายคือจานของ แกงคั่วกุ้งแม่น้ำย่างกับจาวมะพร้าวเผา อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอ กับกุ้งแม่น้ำตาปีตัวโต ไซส์ 3-4 ตัว/กิโลกรัม ที่ถูกย่างให้สุกพอดี เนื้อกุ้งยังเต็มไปด้วยความเด้งฉ่ำ ในส่วนของน้ำแกงเชฟทำน้ำสต็อกจากการเผาเปลือกของกุ้งก่อนจะนำไปเคี่ยวเป็นเบสซุป ผัดเข้ากับเครื่องแกงและยังมีการใส่น้ำมะพร้าวเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม ๆ ออกเป็นซุปสไตล์ฝรั่งเศสที่เต็มไปด้วยความครีมมี เสิร์ฟมากับจาวมะพร้าวย่างหอม ๆ ให้ทานคู่กันได้สัมผัสสุดน่าประทับใจ
ปิดท้ายด้วยเมนูของหวานอย่าง ไอติมกะทิรมควันกับกล้วยปิ้ง ที่เชฟใช้ฟืนที่ถูกเผาจนหอมใส่ลงไปในตัวไอศกรีม ก่อนจะกรองออกมาให้ได้สัมผัสเนียนนุ่ม แต่เต็มไปด้วยกลิ่น Smoke หอม ๆ รสชาติเข้มข้นจากกะทิชั้นดี ท็อปด้วยถั่วพีแคน เสิร์ฟเคียงมากับกล้วยปิ้งชิ้นพอดีคำให้ทานคู่กัน เป็นอันจบมื้ออาหารนี้ได้อย่างน่าประทับใจ