Ciao! Clara
สำหรับคนรักอาหารอิตาเลียนดี ๆ และชอบดื่มด่ำบรรยากาศสไตล์อบอุ่น ได้เวลามาเช็กอินที่ Clara ร้านอาหารอิตาเลียนไฟน์ไดน์นิ่งจากเชฟเจ้าของร้าน Christian Martena (จากร้าน Sensi) และภรรยา คุณ Clara Del Corso-Martena ผู้ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของร้านนี้กันแล้ว โดยตัวร้านตั้งอยู่ในอาคารสีขาวหลังใหญ่ที่เคยเป็นอาร์ตแกลเลอรีมาก่อนหน้านี้ ซ่อนตัวอยู่ในย่านเย็นอากาศ พร้อมที่จอดรถไว้คอยให้บริการ
Dining in The Art Gallery
หลังจากหลบความวุ่นวายและเดินเข้ามาที่นี่ ก็จะพบกับความร่มรื่นสีเขียวจากสนามหญ้าและต้นไม้ที่ถูกดูแลเป็นอย่างดี หลังจากใช้เวลารีโนเวทอาร์ตแกลเลอรีแห่งนี้เป็นเวลาหลายเดือน ทางร้านก็ได้เปิดตัวร้านที่ถูกตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นเรียบง่าย แต่ดูโปร่งสบายด้วยหน้าต่างกระจกใสที่ล้อมอยู่รอบร้านทำให้ดูคล้ายกับกลาสเฮ้าส์ และยังคงบรรยากาศของอาร์ตแกลเลอรีเอาไว้ จึงประดับผลงานศิลปะจากหลากหลายศิลปินที่จะคอยหมุนเวียนเปลี่ยนกันมาไว้ตามมุมต่าง ๆ จนกลายเป็นบรรยากาศเฉพาะตัวของทางร้าน
ตัวร้านมีทั้งหมด 2 ชั้น ด้านล่างเป็นครัวเปิด สามารถมองเห็นเหล่าเชฟแสดงฝีมือการทำอาหารกันได้อย่างเต็มที่ ถัดจากครัวจะเป็นโซนที่นั่งแบบ Chef's Table ที่รองรับได้ประมาณ 12 ที่นั่ง และโซนที่นั่งสำหรับใครที่มาเป็นคู่หรือกลุ่มเล็ก ๆ สำหรับชั้นลอยด้านบนเหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการความไพรเวทหรือต้องการจัดปาร์ตี้ส่วนตัว ทั้งร้านตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นแต่แฝงด้วยความอบอุ่นตามความตั้งใจของเจ้าของร้านที่อยากให้ทุกคนที่ได้มา สามารถเอ็นจอยการทานอาหารและบรรยากาศได้อย่างเต็มที่โดนไม่ต้องรู้สึกเกร็ง
Italian Cuisine with Mediterranean Touch
อาหารของทางร้านภายใต้การครีเอตของเชฟ Christian Martena ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นเมนูอาหารสัญชาติอิตาเลียนที่ผสมผสานสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนเอาไว้ด้วย ผ่านเทคนิคสไตล์โมเดิร์นและความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนการบรรจงเลือกใช้วัตถุดิบชั้นดีจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ครีเอตออกเป็นเมนูหน้าตาสวยงามให้ได้เซอร์ไพรส์ทุกครั้งที่มาทาน ทางร้านเสิร์ฟทั้งคอร์สเมนูที่จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ โดยมีให้เลือกทั้งแบบ Menu in 7 Moments (2,680 บาท) และ Menu in 9 Moments (3,080) นอกจากนี้ ยังมีแบบ A La Carte in 3 Moments ( 2,480 บาท) ที่สามารถเลือกสั่งเมนูโปรดได้เอง 3 เมนู
ทางร้านแนะนำเมนูไฮไลต์อย่าง Melone ที่มีจุดเด่นอยู่ที่เนื้อเมล่อนสด ๆ รสหวานกรอบ ตัดกับรสเค็มของ Bresaola แฮมเนื้อเค็มที่ฝานเป็นแผ่นบาง รองด้วย Rocket Pesto ก่อนจะเพิ่มรสสัมผัสด้วย Hezelnut เป็นจานที่ทานแล้วสดชื่น ทำหน้าที่เรียกน้ำย่อยได้ดี สำหรับจานต่อมา Calamaro ชูวัตถุดิบอย่างเนื้อปลาหมึกที่ผ่านการปรุงมาจนได้เนื้อที่นุ่ม ทานคู่กับมูสมันฝรั่งเนื้อเนียน
มาถึงจานพาสต้ากับ Riccio เส้นพาสต้าโฮมเมด คลุกเคล้าด้วยซอสที่ผสมผสานกับไข่หอยเม่น แฝงรสชาติสไตล์ญี่ปุ่นด้วย Sobacha เพิ่มรสชาติเผ็ดร้อนด้วยเครื่องเทศ และจานปลา Gindara สเต๊กเนื้อปลาจินดาระเนื้อนุ่มมัน ทานคู่กับมูสที่มีส่วนผสมของ Jerusalem Artichoke และเห็ด ท็อปด้วยทรัฟเฟิลสดสไลซ์บาง ความนุ่มมันของเนื้อปลาเข้ากันได้ดีกับความนุ่มเบาของเนื้อมูสและความหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของเห็ดทรัฟเฟิล
ปิดท้ายด้วยขนมหวาน Cioccolato จานขนมหวานที่ตกแต่งมาอย่างสวยงาม เนื้อเค้กช็อกโกแลตเข้มข้น ทานคู่กับมูส แมคคาเดเมีย เจลลี่กาแฟ เพิ่มรสชาติด้วยวิสกี้ และรสหวานจากรังผึ้ง
Must Read!
- สำหรับใครที่อยากมาทานอาหารที่นี้ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น
