From Handcrafted Ceramic Ware Shop to Cafe
หลายคนรู้จัก Cone No. 9 ในฐานะแบรนด์ Handcrafted Ceramic Ware ชื่อดัง ที่มีสาขาอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่และกรุงเทพมหานคร โดยเดิมทีมีหน้าร้านตั้งอยู่ที่ถนนสุขุมวิท 36 จนในปัจจุบันได้เปิดบ้านหลังใหม่บนถนนเอกมัย 15 ภายใต้ชื่อ Cone No. 9 Coffee ที่นอกจากจะมีหลากหลายภาชนะถ้วยชามเซรามิกแล้ว ยังพร้อมเปิดพื้นที่ให้ทุกคนได้แวะเวียนมาละเมียดละไมไปกับเครื่องดื่มแก้วโปรดท่ามกลางบรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยเครื่องปั้นดินเผา
Coffee and Clay Makes You Feel So Good
บ้านหลังใหม่ของ Cone No. 9 Coffee พร้อมต้อนรับผู้มาเยือนในบรรยากาศญี่ปุ่น ด้วยมู้ดแอนด์โทนอันแสนอบอุ่นของสีเอิร์ธโทน ซึ่งเกิดจากแนวคิดของการนำเครื่องปั้นดินเผามาใช้ในการออกแบบตกแต่งร้าน โดยสื่อถึงดินเผาที่เป็นคอนเซ็ปต์หลักของทางร้านได้เป็นอย่างดี บวกกับการแต่งเติมสีสันด้วยงานเซรามิกที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละชิ้น จนกลายมาเป็นการผสมผสานกันระหว่างงานเซรามิกและคาเฟ่ที่สร้างสรรค์ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ และหากจะเรียกคาเฟ่แห่งนี้ว่าเป็นจุดรวมตัวของเหล่าคนรักเซรามิกก็คงจะไม่ผิดนัก
Good Coffee, Good Crafted Ceramic
นอกจาก Cone No. 9 Coffee จะโดดเด่นในเรื่องความพิถีพิถัน การสร้างสรรค์งานเซรามิกแต่ละชิ้นแล้ว ทางร้านยังให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่นำมาเป็นกิมมิกในการครีเอทเมนูเครื่องดื่มที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ พร้อมบรรจงเสิร์ฟทุกเมนูมาในภาชนะเซรามิกหลากหลายลวดลาย โดยจะหมุนเวียนเปลี่ยนชิ้นงานเซรามิกไปเรื่อย ๆ ในแต่ละคอลเลกชัน เพื่อสร้างสีสันและความแปลกใหม่ให้กับผู้ที่มาเยือนทุกครั้ง
สำหรับเมนูแนะนำ เริ่มที่เมนูซิกเนเจอร์อย่าง Dirty Hand Shakes (140 บาท) เมนูเครื่องดื่มที่มีแรงบันดาลใจมาจากคอนเซ็ปต์หลักของร้านอย่าง ‘Dirty Hand Clean Money’ โดยมีการนำเอากิมมิกความเลอะเทอะของการปั้นดินเผามาครีเอทเป็นเมนูคาราเมลมอคค่า ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับวิปครีมนุ่มละมุน แล้วท็อปด้วย Wild Honey Comb ที่ทำมาจากน้ำผึ้งป่า จากนั้นโรยด้วยผงโกโก้ปิดท้าย เพื่อคงกิมมิกของความเลอะเทอะให้ออกมาตรงตามคอนเซ็ปต์ของทางร้าน โดยให้รสชาติกลมกล่อม หวานมัน พร้อมผสานกลิ่นหอมของคาราเมลไว้ในแก้วเดียวกันได้อย่างลงตัว
ตามมาด้วยเมนู Coffee Flight (120 บาท) ชุดเมนูเครื่องดื่มที่เหมาะสำหรับคนที่อยากลิ้มลองกาแฟสองรสชาติไปพร้อม ๆ กัน โดยทางร้านจะเสิร์ฟมาในรูปแบบของกาแฟนม Piccolo Latte พร้อมกับเอสเพรสโซช็อตที่ใช้เมล็ดกาแฟจากไทยและบราซิล ให้รสชาติเข้มข้นและกลิ่นหอมกรุ่นของเมล็ดกาแฟแบบเต็มแก้ว
อีกหนึ่งเมนูแนะนำสำหรับคนรักกาแฟ ต้องลอง Filter Coffee (150 บาท) เมนูกาแฟดริป ที่ทางร้านเลือกใช้เมล็ดกาแฟของไทยจากดอยตุง จังหวัดเชียงใหม่ โดยคั่วแบบ Honey Process ที่ให้รสชาติคล้ายกลิ่นวานิลลา อัลมอนด์ และชาดำ หรือหากใครที่อยากสัมผัสรสชาติเข้ม ๆ แนะนำให้ลองเมล็ดกาแฟที่คั่วแบบ Washed Process โดยจะให้รสชาติคล้ายชาดำผสมเลมอน คาราเมล และ Peanut Butter เหมาะสำหรับจิบเพลิน ๆ ระหว่างวัน นอกจากนี้ ทางร้านยังมีเมล็ดกาแฟจากเอธิโอเปียให้คอกแฟได้ดื่มด่ำกับรสชาติกาแฟแบบเข้ม ๆ อีกด้วย
เอาใจคนรักชาเขียวด้วยเมนู Hojicha (100 บาท) ชาเขียวโฮจิฉะที่ทางร้านเลือกใช้ชาจาก Specialty Green Tea โดยเฉพาะ โดยจะสัมผัสได้ถึงความพรีเมียมของชาคุณภาพดี ที่ให้รสชาติกลมกล่อม หวานมัน พร้อมกลิ่นหอมละมุนของชาแบบกำลังดีอย่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
ในส่วนของเมนูขนมหวานขึ้นชื่อของทางร้าน แนะนำ Sticky Date Pudding (100 บาท) พุดดิ้งอินทผลัมสูตรโฮมเมด ที่มีส่วนผสมหลักจากอินทผลัม แล้วราดด้วยซอสคาราเมลแบบชุ่มฉ่ำ โดยจะสัมผัสได้ถึงความนุ่มละมุนของเนื้อเค้ก ไปพร้อม ๆ กับรสชาติหอมหวานกำลังดีจากคาราเมลอย่างลงตัว
ปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งเมนูที่อยากให้ลิ้มลองคือ Toasted Baguette Served with Pate & Homemade Seasonal Jam (150 บาท) ขนมปัง Baguette ที่เสิร์ฟมาคู่กับแยมสูตรโฮมเมด โดยทางร้านจะเปลี่ยนรสชาติของแยมไปตามฤดูกาล พร้อมด้วยตับบดที่ทางร้านทำเองแบบสูตรเฉพาะ ให้เนื้อสัมผัสของขนมปังแบบกรุบกรอบ อีกทั้งยังได้ความหอมมันของครีมตับบดและรสเปรี้ยวอมหวานของแยมไปพร้อม ๆ กัน