Fulfill Your All Day Dining Experience with Cozy Vibes
ไม่ว่าช่วงเวลาไหน เทศกาลใด ก็เอ็นจอยความอร่อยมื้อพิเศษได้ทุกวันที่ ‘CouCou’ ร้านอาหาร All Day Dining สไตล์ตะวันตกแห่งใหม่ในเครือของ MAGURO Group ที่ตั้งอยู่ภายใน โครงการ The Flavorhood ประดิษฐ์มนูธรรม พร้อมเสิร์ฟสารพัดเมนูโฮมเมดที่หลากหลาย ผ่านการคัดสรรด้วยคุณภาพ เลือกใช้วัตถุดิบพรีเมียมที่สดใหม่ ใส่ใจในทุกขั้นตอน เพื่อให้ทุกคนที่เข้ามาสังสรรค์ได้สัมผัสประสบการณ์ทานอาหารมื้อพิเศษอย่างเต็มที่ ท่ามกลาง Vibe ดี ๆ ที่ทั้งอบอุ่น สนุกสนาน เติมเต็มช่วงเวลา Weekday & Weekend ของทุกคนให้พิเศษกว่าที่เคย
CouCou ! Be Joyful Every Moment
เพราะคำว่า ‘CouCou (คุคูว์)’ นั้น เป็นคำทักทายในภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า ‘สวัสดี’ แบบไม่เป็นทางการ การนำเอาคำน่ารัก ๆ คำนี้มาใช้เป็นชื่อร้าน จึงสื่อถึงการต้อนรับทุกคนที่เข้ามาทานอาหารที่นี่ด้วยความอบอุ่น สนุกสนาน และเป็นกันเอง เพื่อให้มวลรวมบรรยากาศของมื้ออาหารที่นี่เป็น All Day Dining ที่โอบล้อมไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข มาแล้วได้เอ็นจอยความอร่อยกับเพื่อนฝูงและครอบครัวที่รัก กลายเป็นความรื่นรมย์ โมเมนต์พิเศษที่น่าจดจำ ตามคอนเซ็ปต์ที่ว่า ‘Special Moment & Memorable Experience’
ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาในร้าน ก็จะได้สัมผัสกับบรรยากาศการออกแบบและแต่งร้านที่ทันสมัย ด้วยธีมสีเอิร์ธโทนอย่างเฟอร์นิเจอร์ไม้ ผนังสีครีม รวมถึง Element สีสันบางอย่าง เช่น การใช้สี Brick (สีอิฐ) เป็นส่วนประกอบหลักที่เข้ากับงานศิลปะแบบ Modern Illustration ที่ประดับอยู่ทั่วร้าน เป็นภาพวาดตัวการ์ตูนลายเส้นน่ารัก ๆ ที่ถ่ายทอดคาแร็กเตอร์ความขี้เล่น สนุกสนาน ของร้าน CouCou ได้เป็นอย่างดี
ภายในร้านมีหลากหลายโซนนั่งรับประทานอาหารทั้ง Indoor สุดโคซี่และ Outdoor ที่อยู่ท่ามกลางสวนธรรมชาติสุดร่มรื่นให้เลือกนั่งกันตามความชอบ ซึ่งเป็นพื้นที่ Pet-Friendly ให้ลูกค้าสามารถนำสัตว์เลี้ยงมาด้วยได้ แต่ไม่ว่าจะนั่งมุมไหนก็ได้ Vibe ของความอบอุ่น ผ่อนคลาย สบาย ๆ ระหว่างมื้ออาหารตลอดทั้งวันแน่นอน
Homemade Variety Meals
'ความพิเศษ’ คือหัวใจหลักของ CouCou ทุกเมนูของทางร้านจึงถูกคัดสรรด้วยคุณภาพและเลือกใช้วัตถุดิบพรีเมียมที่สดใหม่ทุกวัน พร้อมด้วยกระบวนการทำที่พิถีพิถัน ใส่ใจในทุกขั้นตอน โดยเฉพาะสิ่งสำคัญในเรื่องของรสชาติที่สามารถตอบโจทย์เหล่านักชิมทุกเพศทุกวัย ด้วยการครีเอตเมนูอาหารสไตล์โฮมเมดที่หลากหลาย ทานง่าย เข้าถึงได้ทุกคนทุกสัญชาติ ไม่ว่าจะเป็นในหมวดของเมนูบรันช์หรือเซ็ตอาหารเช้าที่สามารถเอ็นจอยความอร่อยอย่างเต็มอิ่มได้ทุกเวลา (สำหรับเมนูอาหารเช้าของทางร้าน สร้างความโดดเด่นและแตกต่างด้วยการนำเมนูอาหารเช้าสุดคลาสสิก 2 สัญชาติ อย่าง American Breakfast และ Full English Breakfast รวมถึง Sandwich หลากหลายรูปแบบ ตามด้วยเมนู Pancake และ Waffle อีกมากมายมาให้ได้เลือกลิ้มลองอย่างจุใจ) หมวด All Day Menu ที่จัดเต็มทั้งอาหารทานเล่น สลัด แซนด์วิช ซีฟู้ด ซุป พาสต้า และของหวาน ไปจนถึงเครื่องดื่มรีเฟรชชิ่งประเภท Coffee และ Non-Coffee ให้ได้เลือกจับคู่ความอร่อยกับอาหารจานโปรด
ในช่วงแรกของการ Soft Opening (25 ธันวาคม 2567 - มกราคม 2568) ทางร้านจะเปิดให้บริการในรูปแบบของอาหารเช้าและอาหารกลางวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. โดยหลังจากนั้น เมื่อถึงช่วง Grand Opening จะเพิ่มบริการในรูปแบบ Dinner ไปจนถึงเวลา 22.00 น.
ประเดิมความอร่อยจานแรกกับ Liberty Breakfast (590 บาท) เมนูอาหารเช้าซิกเนเจอร์ของทางร้าน ที่อัดแน่นด้วยหลากหลายวัตถุดิบคุณภาพที่เน้นความเป็น Classic American Breakfast ก่อนจะปรับชื่อเมนูให้ดูเก๋มีสไตล์ โดยในจานนี้จะประกอบด้วยวาฟเฟิลโฮมเมด เบคอน ไส้กรอก และไข่กวน ที่เคียงมากับมันย่าง ผักโขมอบชีส ผัดเห็ด และมะเขือเทศสดย่าง ให้ได้อิ่มท้องแบบสไตล์อเมริกัน
จากนั้นเอาใจคนเลิฟขนมปังกันต่อด้วย Braise Me Up ! (420 บาท) อีกหนึ่งเมนูบรันช์ซิกเนเจอร์ที่ต้องลอง ความพิเศษของเมนูนี้จะอยู่ที่การเลือกใช้เป็นขนมปังบันที่ทำจากแป้ง White Bread (ช่วยให้ทานง่ายและได้รสชาติที่อร่อยมากขึ้น) โดยทางร้านจะอบสดใหม่ทุกวัน ออนท็อปด้วย Scrambled Eggs ไข่กวนเนื้อนุ่ม ตามด้วย Braised Bacon หรือเบคอนตุ๋นที่ผ่านกรรมวิธีนำไปย่างก่อนแล้วตุ๋น เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสนุ่ม มีความ Juicy เล็กน้อย ทานแล้วอร่อยฟินไปกับรสชาติและเท็กซ์เจอร์ของทุกวัตถุดิบแบบเต็มคำ
ส่วนใครที่กำลังมองหาจานสลัดไว้พักเบรคความอิ่มท้องต้องลอง Crispy Duck Confit Salads (350 บาท) สลัดซิกเนเจอร์ที่ล้วนผ่านการคัดสรรวัตถุดิบมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของผักสลัดที่ทางร้านเลือกใช้ผักที่สดใหม่ส่งตรงจากฟาร์มโลคอล เพื่อเป็นการสนับสนุนเกษตรกรไทย ตามด้วยเป็ดกงฟีต์ที่ทางร้านนำเป็ดไปเข้าตู้อบอุณหภูมิ จนได้เนื้อเป็ดที่มีความกรอบนอกนุ่มฉ่ำข้างใน เข้ากันดีกับน้ำราดสูตรเฉพาะและผักสลัดในจานได้อย่างลงตัว
นอกจากนี้ยังมีจานพาสต้าสุดไฮไลต์อย่าง Midnight Ocean Spaghetti with Uni & Crab (890 บาท) ที่น่าลองไม่แพ้กัน สำหรับเมนูสปาเก็ตตี้จานนี้เป็นสปาเก็ตตี้เส้นสดสไตล์โฮมเมดที่ทางร้านทำเองแบบสดใหม่ทุกวัน ออนท็อปด้วยเนื้อปู ตามด้วยอูนิที่วางท็อปอยู่ด้านบนสุดของจาน ได้รสชาติเข้มข้นกลมกล่อม ตอบโจทย์เหล่าฟู้ดดี้สายลักชัวรีที่ชอบทานอาหารซีฟู้ดแบบพรีเมียม
อิ่มท้องกับสารพัดเมนูอาหารคาวกันไปแล้ว ก็ถึงคิวของขนมหวานกันบ้าง แนะนำให้ลองสั่ง Banana & Chocolate Homemade Waffles (250 บาท) จานนี้เป็นแป้งวาฟเฟิลโฮมเมดสูตรเฉพาะของทางร้านที่เสิร์ฟคู่มากับกล้วย Cramelized ในกระทะร้อน ๆ จนได้ความหอมและรสหวานกลมกล่อมกำลังดี
หรือจะเป็น Brookies (320 บาท) เมนูเบเกอรีที่ผสานความอร่อยระหว่างคุกกี้และบราวนี่ ได้เท็กซ์เจอร์นุ่มหนึบของตัวขนมผสมกับเข้มข้นของช็อกโกแลต อีกทั้งเพิ่มกิมมิกด้วยเนื้อส้มแมนดารินด้านใน เพื่อให้คนทานได้รับความสดชื่นตัดรสหวานอย่างลงตัว
ก่อนจะเปลี่ยนบรรยากาศมา D.I.Y ความอร่อยด้วยตัวเองกับขนมหวานสุดครีเอตอย่าง Make Your Own Pancake (ราคาเริ่มต้น 125 บาท เพิ่ม Topping ละ 80 บาท) ซึ่งเมนูนี้ทางร้านจะเลือกเสิร์ฟเป็น Plain Pancake ตามด้วยท็อปปิ้งที่เป็นผลไม้ 3 ชนิด ได้แก่ สตรอเบอร์รี บลูเบอร์รี และราสพ์เบอร์รี เสิร์ฟมากับไซรัป 3 แบบ ให้เลือกจับคู่ความอร่อยตามชอบ ภายใต้คอนเซ็ปต์ของการครีเอตความอร่อยในแบบของตัวเอง ตรงตามชื่อเมนูที่ว่า ‘Make Your Own Pancke’
ระหว่างมื้ออาหารอย่าลืมเติมความสดชื่นด้วยเครื่องดื่มเย็น ๆ ที่เลือกออเดอร์ได้ทั้งหมวด Coffee และ Non-Coffee หากเป็นเมนูกาแฟ ด้วยความที่ร้าน CouCou เน้นชูเรื่อง Specialty Coffee อย่างมาก ตั้งแต่การเลือกเมล็ดกาแฟคุณภาพสูงจากไร่เฉพาะที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ ผ่านการคั่วและการชงอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ได้รสชาติกาแฟที่สมบูรณ์แบบในทุกแก้ว หนึ่งในนั้นที่ไม่อยากให้พลาดคือ Lost Island Dirty (190 บาท) กาแฟเดอร์ตี้จากเมล็ดกาแฟเบลนด์พิเศษจากบราซิลที่ให้ความเข้มข้นกลมกล่อมแบบโทนช็อกโกแลตนัตตี้ เข้ากันดีกับความนุ่มละมุนของนมและความหอมของน้ำมะพร้าวที่เรียกได้ว่า Perfect Combination สุด ๆ
ท้าชิงความสดชื่นด้วย Banana Gavo (250 บาท) เครื่องดื่มแก้วพิเศษที่ครีเอตมาเพื่อคนที่ชอบดื่มนมกล้วย แต่ยังคงอยากได้ความเข้มขมของกาแฟช็อต Espresso ไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งแก้วนี้ได้เลือกใช้ครีมเบสสูตรลับ เพื่อเพิ่มความหวานมันลงไปด้วย พร้อมตกแต่งด้วย Sauce Caramal Ground Cashew Nut ที่ทำให้แก้วนี้ได้ทั้งความสดชื่นและความสวยงามน่าดริงก์ไปในตัว
ปิดท้ายกันที่แก้ว Non-Coffee ของสายสมูทตี้เลิฟเวอร์อย่าง Coconut Pineapple Yogurt Honey (220 บาท) น้ำสับปะรดปั่นผสมโยเกิร์ต น้ำผึ้ง ไซรัป และมะพร้าว ให้ผลลัพธ์เป็นความหอม หวาน มัน ที่ลงตัว เติมความสดชื่นมื้อพิเศษนี้ได้อย่างน่าประทับใจ
เรียกได้ว่าเพียงแวะมาเช็กอินที่ CouCou แห่งเดียว ก็ได้เอ็นจอยความอร่อยสไตล์โฮมเมดอย่างหลากหลาย เป็นการเปิดประสบการณ์ทานอาหารแบบ Borderless Menu ที่ตอบโจทย์คนทานอาหารได้อย่างไม่จำกัด เพราะไม่ว่าจะ Target ไหน ที่นี่ก็พร้อมทำให้ทุกช่วงเวลาของคุณ ‘พิเศษ’ ขึ้นได้อย่างแท้จริง