American Rooftop Bar
สะพานควายเป็นอีกหนึ่งย่านยอดฮิตที่เต็มไปด้วยบาร์ดี คาเฟ่เด็ด และเเหล่งรวมพลคนกลางคืนที่รักสีสันแห่ง Nightlife และต้องการหลบหลีกความวุ่นวายจากย่านอื่น Dumbo Jazz & Vinyl Bar เป็นอีกหนึ่งเเจ๊สบาร์สไตล์อเมริกัน ที่อยากชวนไปแฮงเอาต์จิบค็อกเทลท่ามกลางลมเย็น ๆ บนดาดฟ้าชั้น 6
Dumbo ถูกตั้งชื่อตามย่านดังในมหานครนิวยอร์กที่ คุณพลอย-ตวงพรรษ รัตนวาทิน หุ้นส่วนหลักของร้านเติบโตมานั่นเอง และจากประสบการณ์ในการทำร้านแผ่นเสียง Trackaddict Records ย่านสุขุมวิท 69 รวมเข้ากับความชอบในดนตรีแนวแจ๊สของคุณพลอยและหุ้นส่วนคนอื่น ๆ จึงเกิดเป็น Dumbo Jazz & Vinyl Bar รูฟท็อปบาร์บรรยากาศดีแห่งนี้ขึ้นมา ด้วยความสูง 6 ชั้นบนตึก INN-Office Building เมื่อเดินขึ้นบันไดผ่าน Co-Working Space และแกลเลอรีขึ้นมา จะพบกับบาร์แบบโอเพนแอร์บนดาดฟ้าให้รับลมชมวิวกว้างสุดตา และมองเห็นรถไฟฟ้าแล่นผ่านตึกสูงได้อย่างชัดเจน
Chill On The Rooftop
โครงสร้างตึกเดิมถูกทาทับด้วยฝีแปรงเป็นกราฟิตี้ลายเท่ ที่นำเสนอมุมอันแสนมีเอกลักษณ์ของย่าน Dumbo ในมหานครนิวยอร์ก พร้อมด้วยวิวตึกสูงย่านพหลโยธินห้อมล้อมบาร์เท่แห่งนี้เอาไว้ แสงไฟระยิบระยบจากหน้าต่างคอนโด รวมทั้งรถราด้านล่างช่วยเสริมบรรยากาศให้ที่นี่เหมาะติดอยู่ลิสต์บาร์ดีที่ต้องชวนเพื่อนมาแฮงเอาต์ได้ไม่ยาก ซึ่งพื้นที่ของร้านประกอบไปด้วยโต๊ะ เก้าอี้เรียบง่ายหลากสีกระจายอยู่ตามมุมต่าง ๆ ทั่วดาดฟ้า แต่หากใครอยากปลีกวิเวกไปหามุมสงบ ก็ยังมีมุมห้องกระจกเล็ก ๆ เป็นสัดส่วนที่ให้ความเป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น
If Music Is A Place, Then Jazz Is The City
ขึ้นชื่อว่า Jazz & Vinyl Bar ที่นี่จึงมีแบกกราวด์มิวสิคเป็นเพลงแจ๊สยุคเก่า จากแผ่นเสียงที่มีลิสต์เพลงแจ๊สตั้งแต่ยุค 50s-70s ให้ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศ พร้อมวงดนตรียิปซีแจ๊สที่มามอบความสุขเคล้าเสียงเพลงทุกวันพฤหัส ศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ตั้งแต่ 2 ทุ่มเป็นต้นไป
From Jazz to Cocktail
บริเวณบาร์ค็อกเทลเล็ก ๆ ดูจะคึกคักเป็นพิเศษ เมื่อคุณพลอยเจ้าของร้านยืนประจำตำแหน่งเป็นบาร์เทนเดอร์สาวมาดเท่โชว์ลีลาการชงค็อกเทลอยู่ ค็อกเทลซิกเนเจอร์ทั้ง 8 แก้ว ได้สูตรจากบาร์ที่ฝั่งนิวยอร์ก และถูกตั้งชื่อตามเพลงแจ๊สคุ้นหูยอดฮิตรุ่นคุณปู่คุณย่า ไม่ว่าจะเป็น Kind of Blue (240 บาท) ค็อกเทลสีเหลืองสวยที่ตั้งชื่อตามอัลบัมเพลงฮิตของ Miles Davis ผสมผสานความเข้มข้นของวอดก้าสปิริตเบสกลิ่นวานิลลา และน้ำสับปะรด เติมสีฟ้าสดใสเล็กน้อยด้วย Blue Curacao ก่อนตัดเลี่ยนด้วยส้มสดชิ้นเล็กก่อนเสิร์ฟ
ต่อด้วย Mahavisnu (240 บาท) ชื่อคุ้นหูที่ตั้งตามวงแจ๊สรุ่นเก่าสุดเก๋า ที่เลือกใช้เหล้าไทยอย่างรัม Chalong Bay และ Jameson วิสกี้หัวนอก ผสมกัน และแต่งแต้มรสชาติด้วยขิงสับ มะนาว และโค้ก ออกมาเป็นค็อกเทลเข้ม ๆ ที่มีรสเผ็ดร้อนดุดัน
Delicious Dishes
เมนูอาหารก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรพลาดที่นี่ เพราะรสชาติอาหารสไตล์อเมริกันจ๋า ถูกดัดแปลงและครีเอตให้ออกมาน่าลิ้มลอง โดยทุกเดือนจะมีสเปเชียลเมนูมาให้รอลุ้นและรอชิมไปพร้อม ๆ กัน ที่พลาดไม่ได้คือ Beef Stew (300 บาท) เนื้อติดซี่โครงที่ใช้เวลาเคี่ยวนานถึง 2 ชั่วโมง จับมาทวิสต์นิดหน่อยด้วยเครื่องเทศไทย เสิร์ฟพร้อมมันบดเนื้อนุ่มให้ได้ความเผ็ดร้อนแบบเบา ๆ ในปาก
Ringlastic (120 บาท) อร่อยกับความชุ่มฉ่ำของหอมหัวใหญ่สองวงที่วางประกบกัน สอดไส้ด้วยชีสเน้น ๆ ก่อนเอาไปทอดจนกรอบ และ Cheese Lava Pork Burger (250 บาท) เบอร์เกอร์หมูบดชิ้นใหญ่ เสิร์ฟพร้อมเชดด้าชีสและมอลซาเรลล่าชีส เบคอน ผักดอง และซอสสไตล์ครีมสลัดรสชาติกำลังดี
และสองเมนูใหม่ที่มาเอาใจคนรักซีฟู้ดอย่าง Grilled Salmon (390 บาท) แซลมอนชิ้นใหญ่ที่ปรุงด้วยเครื่องเทศและสมุนไพรสูตรเฉพาะก่อนนำไปกริลล์ให้ได้ระดับความสุก ที่มอบความ (สุข) ให้ทุกคนแบบกรอบนอกนุ่มในแฝงไปด้วยความ Juicy ทุกคำ ราดด้วย Pink Cream Sauce ให้คุณทานคู่กับมันบดเพื่อความเข้ากัน และเมนูสุดท้าย Dixie Prawn Spaghetti (390 บาท) สปาเกตตี้ผัดพริกแห้ง ที่นำสปาเกตตี้เส้นบางไปผัดกับกุ้งแม่น้ำชิ้นพอดีคำ และคลุกเคล้าเข้ากับไวท์ไวน์ เติมรสชาติด้วยเลมอน และใส่กระเทียมลงไปผัดเข้ากันจนได้ความหอมน่าทาน