Welcome to Embassy Room
Embassy Room หนึ่งในห้องอาหารหลักของโรงแรม Park Hyatt Bangkok ตั้งอยู่บนชั้น 9 ที่เสิร์ฟทั้งอาหารเช้า อาหารกลางวัน และอาหารค่ำในสไตล์ตำรับอาหารที่ได้รับอิทธิพลทั้งจากตะวันตกและเอเชีย โดยจะเน้นเสิร์ฟอาหารซีฟู้ดเป็นหลักจากเชฟผู้มากประสบการณ์
Spacious & Cozy
บรรยากาศของห้องอาหารมีความโปร่งโล่งสบาย เพดานสูง สอดรับกับโครงสร้างและการตกแต่งโดยรวมของโรงแรมที่มีความร่วมสมัยแต่หรูหรา อีกทั้งสะท้อนความเป็น Art Hotel ด้วยชิ้นงานศิลปะที่จัดวางตามบริเวณต่าง ๆ สำหรับห้องอาหารแห่งนี้
Private Dining Room
สำหรับใครที่มากันเป็นกลุ่ม สามารถจองห้องส่วนตัวที่รองรับแขกได้ถึง 10 ท่าน โดยห้องนี้ตกแต่งอย่างงดงามด้วยผ้าไหม Jim Thompson ทอเป็นลวดลายต้นสาละ หรือจะเป็นห้องกึ่งส่วนตัวสำหรับ 8 ท่าน หากต้องการเปลี่ยนบรรยากาศรับลมเย็น ๆ พร้อมชมวิวสวนลอยฟ้าและสระว่ายน้ำอินฟินิตี้พูลก็เลือกนั่งด้านนอกได้เช่นกัน
Multi-culinary Expertise
เมื่อเดินเข้ามาที่ Embassy Room จะพบกับครัวเปิดและเตาอบขนาดใหญ่ทำให้แขกสามารถเพลิดเพลินกับการชมขั้นตอนการปรุงอาหารและร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากทีมเชฟ โดยมีเชฟ Franck Detrait ชาวฝรั่งเศส เป็นเอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟ เชฟแฟรงค์มีประสบการณ์ทำงานในร้านอาหารทั่วโลกและครีเอทเมนูจากส่วนผสมที่ดีที่สุดทั้งจากต่างประเทศและท้องถิ่น
โดยเน้นเมนูซีฟู้ดเป็นหลัก สำหรับเมนูอาหารมีให้เลือก 2 แบบ คืออาหารจานเดียว หรือ อาหารสำหรับแบ่งกันทาน ซึ่งสอดคล้องกับวัฒนธรรมการรับประทานอาหารของชาวเอเชียที่เน้นการแชร์อาหารในหมู่เพื่อนฝูงหรือครอบครัว
มาถึงเมนู Lobster Bisque (1,950 บาท) ซุปล็อบสเตอร์สไตล์ฝรั่งเศส เชฟเลือกใช้ล็อบสเตอร์จากแคนาดา นำไป sous vide 12 นาที แล้วอบต่อ เสิร์ฟแยกระหว่างกุ้งกับซุปบิสค์ โดยกุ้งมาในจานพร้อมทารากอนครีมสีขาวและผักกาดฮ่องเต้ด้านล่าง ส่วนซุปจะอยู่ในขวดเล็ก ๆ ให้เทด้วยตัวเอง ทานพร้อมกันทั้งล็อบสเตอร์ ครีมทารากอน และบิสค์
Tasty Main Dishes
มาถึงอาหารจานหลัก ขอแนะนำ Tiger Prawn “al ajillo” (1,250 บาท) ริซอตโต้สีสันสดใส ทำจากเมล็ดข้าวคาร์นาโรลี่จากอิตาลีที่ให้เมล็ดอวบและสัมผัสหนึบหนับ โดยนำข้าวไปผัดกับซอสมะเขือเทศและกุ้งลายเสือ จากนั้นผัดกับเกลือ กระเทียม พริกไทย และมะกอกดำ ให้รสเผ็ดร้อนอ่อน ๆ ถูกปากคนไทย
French Desserts
ปิดท้ายมื้อค่ำด้วยของหวาน Vacherin (340 บาท) ของหวานสไตล์ฝรั่งเศส ชั้นบนเป็นเมอแรงก์และครีมวานิลลาหอม ๆ จากทาฮิติ ถัดลงมาเป็นราสป์เบอร์รีซอส ซอร์เบต์ สตรอเบอร์รีและราสเบอร์รี ทานพร้อมกันทั้งสามชั้น เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด
The Cocktails
สำหรับเครื่องดื่ม อย่าลืมสั่งค็อกเทลซิกเนเจอร์ของโรงแรม Lady On The 9th (290 บาท) เครื่องดื่มเบา ๆ ที่เบสด้วยวอดก้า ผสมน้ำแครนเบอร์รี น้ำมะนาว และไซรัปเอลเดอร์ฟลาวเวอร์ เพิ่มความนุ่มด้วยฟองและโรยพริกไทยดำปิดท้าย