Let's Eat & Chill on the Rooftop
Fat Beef Meat Lab อีกหนึ่งร้านสุด Hidden บนชั้นสองของโครงการ De For Rest ย่านถนนนางลิ้นจี่ กับบรรยากาศดี ๆ บน Rooftop ให้ความรู้สึกร่มรื่นใต้เงาต้นไม้ใหญ่ที่ปกคลุมอยู่ด้านบน ทำให้ที่นี่พิเศษกว่าที่อื่นภายใต้คอนเซ็ปต์ "Backyard Grill" ให้ได้ชวนกันมาอิ่มอร่อยกับอาหารคุณภาพดีในบรรยากาศสบาย ๆ กับกลุ่มเพื่อนและครอบครัว
ทางร้านใช้เนื้อวัวคุณภาพดี ย่างกรุ่น ๆ บน Crystal Plate โดยสั่งทำพิเศษจากแร่ Quartz ที่มีคุณสมบัติทำให้เนื้อสุกพอดี ไม่ไหม้ ไม่ติดกระทะ แถมยังรักษาความฉ่ำของเนื้อไว้ได้เป็นอย่างดี ทานคู่กับเครื่องดื่มเย็น ๆ ท่ามกลางลมโชยอ่อน ๆ ถือเป็นช่วงเวลาพักผ่อนแสนพิเศษ
The Beef Story
สำหรับจานแรกแนะนำ Sweet Honey Marinated Australian Angus Tomahawk (1,890 บาท) เนื้อวัวออสเตรเลียสายพันธุ์แองกัสส่วนโทมาฮอว์ค หรือซี่โครงติดกระดูกส่วนที่ใหญ่ที่สุดของเนื้อวัว ที่เชฟจะย่างมาให้ ก่อนจะจัดวางลงบน Crystal Plate เพื่อคลุกเคล้ากับเนยอีกครั้ง โดยทางร้านจะทำมาให้ในระดับความสุก Rare และให้เราสามารถมาตั้งเตาปิ้งต่อ ตามความสุกที่เราต้องการได้ แต่แนะนำให้ทานแบบ Rare เพราะเนื้อจะมีความนุ่มที่พอดี
ลูกค้าสามารถเลือกรสชาติของเนยแท้ ๆ ได้ถึง 6 ชนิด ได้แก่แบบ Original ที่มีส่วนผสมของใบไธม์ และโรสแมรี่, Homemade Salted Butter เนยรสเกลือโฮมเมด ที่ได้รสเค็มเหมาะกับเนื้อริบอายและวากิว, Garlic Butter เนยผสมกระเทียม ช่วยตัดเลี่ยนได้ดี, Lemon Beer Butter (เพิ่ม 5 บาท) ให้ความฉ่ำและหอมเบียร์ เหมาะกับเนื้อชิ้นหนา ๆ Wasabi Butter (เพิ่ม 5 บาท) เข้ากันดีเมื่อทานกับเนื้อฮาริมะ และ Truffle Butter (เพิ่ม 8 บาท) ราคาไม่แพง ให้ความหอมของทรัฟเฟิล
คั่นด้วยเมนูของ Green Oak Salad (179 บาท) สลัดกรีนโอ๊คสดกรอบ มาพร้อมผักหลากหลายชนิด เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำสลัดแบบญี่ปุ่นหอมกลิ่นน้ำมันงา
ถัดมาเป็น Harima Wagyu A4 (1,150 บาท) เนื้อลายหินอ่อนส่งตรงจากญี่ปุ่น เนื้อละมุนนุ่มลิ้นเป็นที่สุด เหมาะกับการปิ้งบน Crystal Plate หวานฉ่ำ แนะนำให้ทานกับเกลือและพริกไทยจะได้สัมผัสกับความอร่อยของเนื้ออย่างสมบูรณ์แบบ จานนี้สามารถสั่งเครื่องเคียงแน่น ๆ ทั้งไชเท้าดอง (39 บาท) ที่ทางร้านทำเอง สลัดหอมใหญ่ซอสพอนสึ (49 บาท) ซุปกิมจิ (79 บาท) และข้าวผัดกระเทียม (49 บาท) พร้อมมีน้ำจิ้มยากินิคุสูตรของทางร้าน ที่ปกติยากินิขุทั่วไปจะเคี่ยวสาเก แต่ของทางร้านเคี่ยวด้วยเบียร์ และแอปเปิ้ล
สำหรับคนไม่ทานเนื้อลองสั่งขาหมูทอดชิ้นโตกับเมนู German Pork Knuckle with Sauerkraut (579 บาท) ขาหมูเยอรมันหนังกรอบแต่เนื้อด้านในนุ่มเปื่อย เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู้ดและผักกาดดอง Sauerkraut ที่ทางร้านทำเอง กับซอสฉ่ำ ๆ ให้ตักราดได้อีก 2 อย่าง
หรือจะลองชิม Spicy Texas Pork Spare Ribs (455 บาท) ซี่โครงหมูอบชุ่มซอสสูตรลับเฉพาะของทางร้าน สูตรนี้ไม่มีที่ไหนแน่นอน เพราะไม่เน้นหวาน แต่เน้นไปที่ความเผ็ดสูตรต้นตำรับเนื้อนุ่ม หอมกลิ่นเครื่องเทศที่เคลือบอยู่บนชิ้นซี่โครง
For Seafood Lovers
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบซีฟู้ดแนะนำ Lemon Butter And Sweet Basil Mussel Pot (345 บาท) เมนูที่ผสานความเป็นฝรั่งเศสเข้ากับความเป็นไทยได้อย่างลงตัว กับหอยแมลงภู่สดอบเนยเบียร์บัตเตอร์ของทางร้าน หอมกลิ่นเลมอนและซอสโหระพา เพิ่มกิมมิกความเป็นไทยด้วยการเสิร์ฟมาในหม้อใบเล็ก พร้อมเฟรนช์ฟรายให้ทานคู่กัน อีกจานคือ King Size Fresh Oyster (ตัวละ 129 บาท) หอยนางรมสดจากสุราษฎร์ธานี ตัวโตเนื้อหวาน เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงแบบไทย ๆ
ส่วนอีกจานพิเศษของร้านต้องยกให้ Spicy Black Crab with Grilled Seaweed หรือกัปตันปูไข่ดองโนริ (399 บาท) ปูดองซีอิ๊วสูตรลับของทางร้าน ที่เชฟคัดปูทะเลสด ๆ ด้วยตัวเอง ทำให้ได้เนื้อปูหวาน ไข่แน่น ๆ นำมาดองในน้ำซอสเกาหลีและพริกกระเทียม เสิร์ฟพร้อมสาหร่ายย่าง แนะนำให้ทานแบบโอนิกิริ ด้วยการตักไข่ปูราดบนข้าวและห่อด้วยสาหร่าย สามารถเติมน้ำจิ้มซีฟู้ดเพิ่มรสชาติได้
ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มที่ทางร้านแนะนำอย่าง Shandy (79 บาท) ที่มีส่วนผสมของ Carbonnated Lemonade ดราฟท์เบียร์และเลมอน ให้ความสดชื่นเข้ากันดีกับทุกเมนู ทำให้ช่วงเวลาอาหารของคุณพิเศษยิ่งขึ้น