Across the Five Senses
Five Crossing Eatery & Winery ร้านอาหารสไตล์อิตาเลียน เปิดให้บริการบนถนนบอนด์สตรีท ในย่านเมืองทองธานีแห่งนี้มากว่า 3 ปี ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Across the Five Senses" ที่จะเชิญชวนให้ทุกคนที่ผ่านไปผ่านมา ได้ลองมาเปิดประสบการณ์ใหม่กับ รูป รส กลิ่น เสียงและการสัมผัส ที่ทางร้านคัดสรรมาให้เป็นอย่างดีตั้งแต่เมนูอาหารรสเลิศ ไวน์ชั้นยอด รวมไปถึงบรรยากาศสุดชิคที่เหมาะสำหรับการแฮงก์เอาท์ในยามเย็นพร้อมกับเพื่อน ๆ หรือครอบครัวมากที่สุด
Tuscany Vibes
ตัวร้านออกแบบตกแต่งให้มีบรรยากาศเก๋ ๆ แบบเมือง Tuscany บ้านหลังน้อยสไตล์อิตาลี ที่ให้ความอบอุ่นจากสีของอิฐในโทนสีเหลืองส้ม นำเสนอความเรียบง่าย ดูสบายตา ทางร้านเติมสีสันให้มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น ด้วยเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ของตกแต่งกระจุกกระจิก รวมไปถึงสีเขียวของต้นไม้ที่แอบแซมไว้ตามมุมต่าง ๆ ของร้าน และตกแต่งไว้ที่คานเหล็กด้านบน ที่เป็นตัวยึดอาคารทั้งหลังเอาไว้ ตามแบบของอาคารไร้โครงแห่งนี้ นอกจากนี้ทางร้านยังพร้อมมอบบรรยากาศดี ๆ ด้วยการให้คุณได้ดื่มด่ำกับรสชาติอาหารและไวน์คลอไปกับดนตรีสดฟังสบาย ๆ ในทุกค่ำคืน
Recommended Menus
ในส่วนของเมนูอาหารต่าง ๆ ทางร้านสร้างสรรค์หลากหลายเมนูสไตล์อิตาเลียนแท้ ๆ มารวมเอาไว้ที่นี่ โดยทุกจานนั้นผ่านการคัดสรรวัตถุดิบชั้นดีจากแหล่งที่มาต่าง ๆ มารวมเอาไว้ในหนึ่งจาน พร้อมปรุงด้วยกรรมวิธีสไตล์อิตาเลียนแท้ ๆ คงเสน่ห์ของความเป็นโฮมเมดเอาไว้ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ได้จานที่ดีที่สุด เสิร์ฟให้กับลูกค้าทุกคน
เริ่มต้นกันที่เมนูเบา ๆ อย่าง Foie Gras & Cherry Sauce (850 บาท) เมนูเรียกน้ำย่อยที่เลือกใช้ตับห่านคุณภาพดี ที่อุดมไปด้วยไขมันส่วนดีมาทำ เนื้อเนียนละเอียด ละลายในปาก ถูกขนานนามให้เป็นหนึ่งในอาหารที่ดีที่สุดของฝรั่งเศสเช่นเดียวกับเห็ดทรัฟเฟิล
หรือจะลองเป็น Bowl of Mussels (580 บาท) หอย Black Mussel Chile อบกับไวน์ขาว เสิร์ฟมาพร้อมขนมปังกระเทียมชิ้นโต แนะนำให้จิ้มขนมปังกับน้ำในหม้อได้รสชาติที่อร่อยยิ่งขึ้น เมนูนี้แอบมีกลิ่นอายไปทางฝรั่งเศสเล็กน้อย เพราะเป็นเมนูที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นในอดีต ตรงกับยุคที่ผู้คนเริ่มเปิดรับกับสิ่งต่าง ๆ จึงมีการนำเครื่องเทศมาปรุงอาหารมากขึ้น
สำหรับเมนูซิกเนเจอร์ เอกลักษณ์ของอาหารอิตาเลียนที่ใคร ๆ ก็ต้องรู้จัก อย่าง 4 Seasons Pizza (480 บาท)พิซซ่าต้นตำรับแบบ Neapolitan ที่ทางร้านใช้แป้งสุดพิเศษ ที่ให้กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ รสชาติไม่หนักเหมือนแป้งทั่ว ๆ ให้สัมผัสที่นุ่มและรสชาติที่ไลท์กว่า ทาด้วยซอสพิซซ่าและซอสมะเขือเทศโฮมเมด ที่มีส่วนผสมของมะเขือเทศมาซาโน ทำให้ได้ซอสที่มีเนื้อมะเขือเทศเต็ม ๆ คำ โรยหน้าด้วยมอสซาเรลลาชีสสดแบบโฮมเมดของทางร้านและตกแต่งด้วยเครื่อง 4 หน้า ได้แก่ แซลมอนรมควัน เปปเปอโรนี พาร์มาแฮม และ ฮาวาเอียน
แต่สำหรับใครที่ชอบเมนูเส้น ๆ ลองสั่ง Tagliatelle Truffled Carbonara (380 บาท) คาโบนาร่าพาสต้าเส้นสดแบบโฮมเมด ที่ทางร้านสร้างสรรค์จากแป้ง Semolina โดยใช้กรรมวิธีการทำแบบจีน ลักษณะดูคล้ายกับบะหมี่ไข่ ของประเทศจีน แต่ให้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เหมาะกับคนทุกกลุ่มทุกวัย ให้รสชาติกลมกล่อมหอมกลิ่นทรัฟเฟิล ท็อปด้านบนด้วยไข่ไม่สุก แนะนำให้เจาะแล้วคลุกเคล้าเครื่องให้เข้ากัน จะได้หนึ่งคำที่อร่อยกำลังดี
ต่อกันที่ Lobster Thermidore (2,500/กิโลกรัม) Maine ล็อบสเตอร์ตัวโตเนื้อแน่น ที่ส่งตรงจากแม่น้ำ Maine สหรัฐอเมริกา ล็อบสเตอร์ชนิดนี้ถูกจับตามธรรมชาติเรียกว่า Wild Lobster จึงทำให้ลักษณะของเนื้อและรสชาติมีความหวานและอร่อยกว่า เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดล็อบสเตอร์เลยทีเดียว ทางร้านนำเนื้อไปผัดกับโมเน่ซอส จากนั้นผสมกับไวน์ขาวและครีมเล็กน้อย โรยด้วยชีสสด นำไปอบจนได้กลิ่นหอมและสุกกำลังดี
เอาใจคอเนื้อกันด้วยเมนูน่าลิ้มลองอย่าง BBQ Ribs (Half- Rack 890 บาท) เนื้อติดซี่โครงที่ส่วนเนื้อพับเป็น 2 ชั้น จึงได้ส่วนเนื้อที่หนากว่าซี่โครงปกติ ชิ้นโตเต็มคำ ฉ่ำไปด้วยโฮมเมดซอสรสดีที่คนรักเนื้อไม่ควรพลาด
หรือจะลองเป็น Jack's Creek (3,300 บาท/500 กรัม) โดยทางร้านเลือกใช้เนื้อวัว Jack's Creek Wagyu เนื้อลูกผสมระหว่างวัวทาจิมะและแองกัส ถูกเลี้ยงบนเกาะส่วนตัวด้วยพืช และน้ำแร่จากภูเขาไฟ ทำให้เนื้อของวัวชนิดนี้นุ่ม มีรสชาติในตัวและกลิ่นหอม ๆ จากพืชที่เป็นสารอาหาร โดยทางร้านเลือกเสิร์ฟเป็นแบบสเต๊กเนื้อบนกระทะร้อน ๆ เพื่อให้ได้กลิ่นหอมเย้ายวนน่าลิ้มลอง จากไขมันของเนื้อยามเมื่อโดนหินร้อน ๆ ติดอันดับหนึ่งในสเต๊กที่ดีที่สุดในโลกในปี 2015
ปิดท้ายกันด้วย Very Berry Rita (450 บาท) ไอศกรีมค็อกเทลที่มีส่วนผสมจากเตกีล่า น้ำเชื่อมคาราจิแนนและมิกซ์เบอร์รีที่ช่วยให้ดื่มง่ายยิ่งขึ้น ทางร้านเสิร์ฟแบบซอร์เบททำกันให้ดูสด ๆ ที่โต๊ะ เพิ่มความสนุกสนานให้กับมื้อดีไปได้อย่างดีเลยทีเดียว