Japanese Style Cafe and Liqueur Bar
ใครที่กำลังมองหาร้านนั่งชิลล์แบบสบาย ๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายสไตล์ทรอปิคอล ต้องลองแวะมา ‘Fruitea’ ร้านอาหารที่เป็นทั้งคาเฟ่ในตอนกลางวัน และกลายเป็นบาร์ในยามค่ำ พร้อมให้คุณมาจิบเครื่องดื่มที่มีให้เลือกหลากหลาย และทานอาหารแสนอร่อยสไตล์ International Bistro ในราคาเข้าถึงง่ายแบบครบครันในที่เดียว
Escape to the Tropical Vibes
ท่ามกลางความคึกคักของผู้คนที่สัญจรไปมาในซอยสุขุมวิท 39 ที่บริเวณชั้นล่างของโรงแรม Novotel Suites Bangkok Sukhumvit 39 แห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของ ‘Fruitea’ ร้านอาหารกึ่งบาร์มุมเล็ก ๆ ที่ประดับประดาไปด้วยต้นไม้ทั่วทั้งร้าน ดึงความสนใจและบรรยากาศให้รู้สึกถึงความผ่อนคลาย ก่อนที่เราจะสัมผัสถึงความรู้สึกอบอุ่น สบาย ๆ ได้ตั้งแต่ก้าวเข้ามาภายในร้าน
ทางร้านมีมุมที่นั่งให้เลือกสรรมากมาย ไม่ว่าจะเป็นมุม Outdoor นอกจากจะสามารถนั่งรับลมได้แบบสบาย ๆ ยังเป็นโซน Pet Friendly ที่สามารถพาสัตว์เลี้ยงตัวโปรดมาเอ็นจอยด้วยกันได้ หรือจะเป็นโซนด้านในก็ให้สัมผัสอบอุ่นด้วยมู้ดแสงไฟสลัว โดดเด่นด้วยมุมเคาน์เตอร์บาร์พร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มคุณภาพที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีมุมดีเจที่คุณจะได้ดื่มด่ำกับเสียงเพลงเพราะ ๆ กันอย่างเพลิดเพลินตลอดคืน
Special Dishes and Signature Cocktails
ด้วยความที่เจ้าของร้านเป็นคนญี่ปุ่นที่มีประสบการณ์ด้านไวน์มากว่า 30 ปี จึงการันตีได้เลยว่าคุณภาพของเครื่องดื่มจากทางร้านผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดีจากหลากหลายแหล่งทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น รวมถึงวัตถุดิบของอาหารก็นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน พิเศษด้วยการครีเอตออกมาในสไตล์ฟิวชัน ที่มีทั้งแซนด์วิช พิซซ่า สปาเก็ตตี้ ไปจนถึง Special Dishes อีกมากมาย และอาหารไทยที่ถูกนำเสนอใหม่ให้มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นอีกด้วย
สำหรับเมนูแรก ขอแนะนำ Special Dishes อย่าง Steamed Mussels with White Sauce and Bacon (180 บาท) หอยแมลงภู่นึ่งที่เสิร์ฟมาใน White Sauce ซุปสไตล์ญี่ปุ่นรสกลมกล่อมสูตรเฉพาะของทางร้าน ผสมผสานความอร่อยด้วยเบคอน เข้ากันเป็นอย่างดี เป็นเมนูที่ทานได้แบบเพลิน ๆ
ตามด้วย Salmon Pizza with Mascarpone (380 บาท) พิซซ่าแป้งโฮมเมดที่ทางร้านทำเองแบบบางกรอบ ท็อปด้วยมาสคาโปนชีสและสโมคแซลมอนหอม ๆ ทาด้วยซอสสูตรโฮมเมดของร้าน ทานพร้อมกันได้ความอร่อยที่แสนลงตัว
ส่วนใครเป็น Pasta Lovers ต้องถูกใจกับเมนู Japanese Style Carbonara (320 บาท) สปาเก็ตตี้เส้นเหนียวนุ่ม คลุกเคล้าความกลมกล่อมสไตล์ญี่ปุ่นด้วยซอสคาโบนาราที่มีส่วนผสมของเบคอน พร้อมเพิ่มความพิเศษด้วยผักปวยเล้งเข้าไป จากนั้นท็อปด้วยไข่แดงแล้วโรยพาร์เมซานชีสปิดท้าย จานนี้ได้ความเข้มข้น กลมกล่อมแบบเต็มคำ
อีกหนึ่งเมนู Special Dishes ที่ห้ามพลาด ต้องลอง Tender Beef Tongue Steak (380 บาท) สเต็กลิ้นวัวที่ทางร้านนำไปตุ๋นในน้ำซอสที่มีส่วนผสมของโชยุ มิริน และกระเทียม นานกว่า 6 ชั่วโมง จนได้ความนุ่มชุ่มฉ่ำละลายในปาก ราดด้วยเดมิเกลซซอสที่ทำจากน้ำสต็อกลิ้นวัว ออกมาเป็นรสชาติเข้มข้น ไม่ว่าใครทานก็ต้องติดใจ
มาถึงเมนูขนมหวาน แนะนำ Basque Cheese Cake (180 บาท) ชีสเค้กหน้าไหม้ ให้รสชาติหวานมัน กลมกล่อม กำลังดี พร้อมเนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุนไม่เหมือนใคร สัมผัสได้ถึงความเข้มข้นของครีมชีสเต็ม ๆ คำ
ในส่วนของเครื่องดื่มจากทางร้าน ก็มีให้เลือกสรรมากมาย ทั้งออร์แกนิกไวน์นำเข้าจากฝรั่งเศสและอีกหลากหลายประเทศ ไปจนถึงเหล้าหวานญี่ปุ่น และ Signature Cocktail ที่น่าสนใจ
แนะนำแก้วแรก อย่าง Let’s Tea Time (320 บาท) ค็อกเทลที่มีส่วนผสมของ Twinalps Blended Whisky ผสานรสชาติเข้ากับ El Candado Sherry และ Frangelico พร้อมเพิ่มความหอมด้วยชาโฮจิฉะ แล้วท็อปด้วย Chocolate Bitters ออกมาเป็นเครื่องดื่มรสชาติเข้ม แต่ก็อบอวลด้วยความหอมของชาและช็อกโกแลตได้อย่างลงตัว
มาถึงเมนูดื่มง่ายอย่าง A Day in Tokyo (240 บาท) มีส่วนผสมของ Daiyame Shochu เหล้าญี่ปุ่นกลิ่นลิ้นจี่ ที่นำมาผสมผสานกับ Miyoshino No Sakura Umeshu หรือเหล้าบ๊วยกลิ่นหอมซากุระ แล้วเพิ่มรสชาติเปรี้ยวด้วยเกรปฟรุ๊ตและเลมอน ท็อปด้วยฟองไข่ขาวนุ่มละมุนปิดท้าย เหมาะสำหรับจิบสบาย ๆ ในยามค่ำคืน