From Creative Projects to New Cafe
หลังประสบความสำเร็จจากโปรเจ็กต์ Yarden Yenakart ซึ่งเป็นการพัฒนาบ้านเก่าที่ถนนเย็นอากาศ ให้เป็นร้านอาหาร Akart Bistro, Akart Day และ Zense Massage ล่าสุดทาง คุณเก๋-ญาณี องค์วัฒนกุล เจ้าของไอเดียทั้งหมดนี้ ได้สานต่อโปรเจ็กต์ใหม่ต่อด้วยการเปิดอีกหนึ่งร้านร่วมกับน้องชายโดยใช้ชื่อว่า GROUND Coffee คาเฟ่ที่เน้นเสิร์ฟกาแฟคุณภาพในพื้นที่ของร้านอาหาร The Yard Restaurant
Older Sister & Younger Brother
คอนเซ็ปต์ของทางร้านคือ Older Sister & Younger Brother โดย Older Sister คือฝั่งของร้านอาหาร The Yard Restaurant บ้านเก่าอายุ 80 ปี ที่เปรียบเสมือนร้านพี่สาว และ Younger Brother คืออาคารอีกฝั่งที่สร้างขึ้นมาใหม่เป็นร้านกาแฟ Ground Coffee เปรียบเสมือนร้านน้องชาย
สไตล์ความดิบเท่นี้เริ่มตั้งแต่หน้าร้านไปจนถึงด้านใน เมื่อเข้ามาจะพบกับเคาน์เตอร์ขนาดใหญ่ ทางขวามือเป็นตู้เบเกอรี่ รอบ ๆ ร้านล้อมรอบด้วยกระจกใส ซึ่งจำลองมาจากครัวและ Pantry ที่บ้าน เดินเข้าไปด้านในเป็นมุมพักผ่อนที่สามารถมองเห็นสวน Courtyard ที่โอบล้อมด้วยบ้านไม้สักของร้าน The Yard Restaurant
Specialty Coffee
จริง ๆ แล้วชื่อร้าน Ground แปลว่า บด (เป็นกิริยาช่องที่ 3 ของ Grind) หรืออีกนัยหนึ่งจะแปลว่าพื้นดินก็ได้ ซึ่งทางร้านตั้งใจจะสื่อว่า เราใส่ใจในทุก ๆ ขั้นตอนของการทำกาแฟ ตั้งแต่การบด ซึ่งถือเป็นกระบวนการสำคัญมากที่จะทำให้รสชาติกาแฟดีหรือไม่ดี ดังนั้น ทางร้านจึงมีเมล็ดกาแฟให้เลือก 2 ชนิด ได้แก่ Lighter Blend ให้ความสดชื่น ชุ่มคอ ด้วยรสและกลิ่นหอมแบบผลไม้ที่มีความหวานฉ่ำ และอมเปรี้ยวเบา ๆ และ Stronger Blend หอมเข้มเต็มรสชาติ โดดเด่นด้วยกลิ่นดาร์กช็อกโกแลต ที่แฝงกลิ่นวานิลลาและคาราเมล นอกจากนี้ยังมี Filter Coffee โดยใช้กาแฟ Single Origin แบบพรีเมียมจากฟาร์มที่มีชื่อเสียงทั่วโลก รวมถึงเมล็ดกาแฟล็อตพิเศษ เช่น ล็อตประมูล หรือเมล็ดที่มี Cupping Score 90 คะแนนขึ้นไปหมุนเวียนมาให้ลูกค้าได้ลองชิม
เมนูแนะนำของทางร้านมีให้เลือกมากมาย ใครที่เคยดื่ม Dirty Coffee แบบเดิม ๆ ลองเปลี่ยนมาดื่มสูตรใหม่ที่ทางร้านคิดค้นขึ้นมาให้มีความเข้มข้นมากขึ้น กับเมนู Dirty on Ice (140 บาท) นมแช่เย็นจัด ราดกาแฟสูตรเข้มข้น ให้ความสดชื่น แก้วนี้ดื่มง่ายเพราะความเข้มขมของกาแฟไม่หนักจนเกินไป
หรือคนที่ดื่มคาปูชิโนเป็นประจำอยู่แล้ว ลองเปลี่ยนมาดื่มเมนู Pick Me Up (290 บาท) คาปูชิโนที่เพิ่มครีมสูตรโฮมเมดที่ทำมาจากมาสคาโปน ไข่แดง วิปครีมและกลิ่นวานิลลา เพื่อให้มีความนุ่มและกลมกล่อมขึ้น ก่อนจะท็อปด้วยผงโกโก้และก้านอบเชย สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของทีรามิสุตามแบบฉบับอิตาเลียนแท้ ๆ
ใครที่ชอบดื่มกาแฟผลไม้ ทางร้านแนะนำ RIP (Rest in Peach) (180 บาท) น้ำพีชสูตรเข้มข้น ราดเอสเพรสโซช็อต (Lighter Blend) ได้ความขมที่ตัดรสชาติเข้ากับความหวานของพีชแบบพอดิบพอดี ให้ความรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า
All Day Breakfast
นอกจากนี้ ใครที่ผ่านมาเช้า ๆ เข้ามาทานอาหารเช้ารองท้องก่อนไปทำงานได้ สามารถสั่งทานได้ตลอดทั้งวัน ลองสั่ง Ground Toast (350 บาท) โทสต์ที่มีไข่อีกใบซ่อนอยู่ข้างใน พร้อมกับแฮมและมอสซาเรลล่าชีสเยิ้ม ๆ ที่อบอวลไปด้วยความหอมของซอสทรัฟเฟิล
เมนูซิกเนเจอร์อีกตัวที่พลาดไม่ได้คือ Hong Kong Ducky Bun (95 บาท) ขนมปังเนื้อเหนียวนุ่ม สอดไส้เนื้อเป็ดซุยสไตล์ฮ่องกงที่ให้มาแบบแน่น ๆ นอกจากอาหารเช้าหลากหลายเมนูจากครัวฝรั่งแล้ว ยังมีโจ๊กจากครัวจีนอีกด้วย รวมถึง Pastry นานาชนิดที่สดใหม่จากเตา อาทิ Toast, Ciabatta, Baguette, Bun, Croissant, Scone, Pecan Cookies, Choc-chip Cookies, Brownie, Lemon Tart และ Carrot Cake เป็นต้น